วธ.เตรียมสร้างพิพิธภัณฑ์พระราชพิธีพระบรมศพ ร.9 สุดยิ่งใหญ่
วันนี้ (23 ม.ค.) ที่ห้องประชุมหอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ จ.ปทุมธานี นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ลงพื้นที่เยี่ยมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติกาญจนาภิเษกและดูสถานที่จัดสร้างพิพิธภัณฑสถานงานพระราชพิธีพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชบรมนาถบพิตร พร้อมทั้งประชุมผู้บริหารระดับสูง วธ.
นายอิทธิพล กล่าวภายหลังการประชุมและชมนิทรรศการต่างๆ เห็นว่าควรจะต้องมีการปรับปรุงนิทรรศการให้ทันสมัย แต่ยังคงเนื้อหาเดิม เพื่อจูงใจให้ เด็ก เยาวชน ประชาชน เข้ามาชมอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ในปีงบประมาณ 2563 จะเริ่มจัดสร้างพิพิธภัณฑสถานงานพระราชพิธีพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชบรมนาถบพิตร
ด้านนายประทีป เพ็งตะโก อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวเสริมว่า รัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) โดยกรมศิลปากรจัดสร้างพิพิธภัณฑสถานงานพระราชพิธีพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชบรมนาถบพิตรเพื่อรวบรวมองค์ความรู้เกี่ยวกับโบราณราชประเพณีเกี่ยวกับ พระราชพิธี บรมศพ พระศพและองค์ความรู้ในการก่อสร้างเมรุมาศพระเมรุอย่างยิ่งใหญ่ ตั้งแต่ประวัติความเป็นมา คติความเชื่อ งานสถาปัตยกรรม งานศิลปกรรมด้านต่างๆ ตลอดจนขั้นตอนต่างๆ ในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ตลอดจนเก็บรักษาโบราณวัตถุที่เกี่ยวข้องกับพระเมรุมาศ โดยขณะนี้การออกแบบอาคาร เสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยการก่อสร้างอาคารพิพิธภัณฑ์จะเชื่อมต่อกับเรื่องราวหอจดหมายเหตุเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตรในพื้นที่ ต.คลองห้า อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ซึ่งจะมีกลุ่มอาคารต่างๆ อยู่ในพื้นที่เดียวกัน
สำหรับแผนงานการออกแบบภายในอาคาร มีพื้นที่ประมาณ 7,200 ตารางเมตร แบ่งการจัดแสดง ดังนี้ 1.หัวข้อ "70 ล้าน ร่ำอาลัย รำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ" จัดแสดงเกี่ยวกับพระราชประวัติและพระมหากรุณาธิคุณของในหลวง รัชกาลที่ 9 การแสดงความอาลัยของพสกนิกรทุกหมู่เหล่า
2.หัวข้อ "สมมติเทวราชเสด็จคืนนิวาสสรวงสวรรค์" นำเสนอคติความเชื่อและธรรมเนียมเกี่ยวกับการจัดการพระบรมศพ 3. หัวข้อ "ออกพระเมรุมาศตามโบราณราชประเพณี"ถ่ายทอด
ลำดับและขั้นตอนการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพตั้งแต่เสด็จสู่สวรรคาลัย การบำเพ็ญ
พระราชกุศลการออกพระเมรุ ซึ่งแต่ละพระราชพิธีมีขั้นตอนและรายละเอียดต่าง ๆ มาก ต้องใช้
ระยะเวลาเตรียมการนาน เพื่อเป็นการถวายพระเกียรติยศอย่างสูงสุดเป็นครั้งสุดท้าย
อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวอีกว่า 4.หัวข้อ "ราชอิสริยะพระบรมศพ" นำเสนอประวัติการก่อสร้างและบูรณะราชรถและราชยานองค์เดิม และการสร้างราชรถปืนใหญ่ พระราเชนทรยานน้อย ที่ใช้ในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพและนำเสนอริ้วขบวนพยุหยาตราพระบรมราชอิสสริยยศงานพระราชพิธี และ 5 หัวข้อ "พระเมรุมาศพิมานนฤมิตร"นำเสนอแนวคิดในการออกแบบและรูปแบบสถาปัตยกรรมพระเมรุมาศในรัชกาลที่9 การจัดสร้างพระเมรุมาศและอาคารประกอบศิลปกรรมประดับพระเมรุมาศและภูมิสถาปัตยกรรมประกอบพระเมรุมาศ ทั้งนี้ใช้งบประมาณการดำเนินการจนแล้วเสร็จรวม 864,110,400 บาท เริ่มในปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 และแล้วเสร็จในปีงบประมาณพ.ศ.2565 โดยคนไทยจะได้สัมผัสความงดงามของรูปแบบศิลปกรรมไทย ประเพณี และศิลปกรรมในรัชกาลที่ 9 ซึ่งมีความงดงาม แสดงถึงความยิ่งใหญ่ของงานช่างฝีมือไทยทุกสาขาที่ร่วมมือกันสร้างสรรค์อย่างล้ำค่า เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณในหลวง รัชกาลที่9 อย่างหาที่สุดมิได้ พระองค์ทรงเป็นพ่อของแผ่นดิน ทรงเป็นที่รักและเป็นศูนย์รวมจิตใจคนไทยทั้งชาติ