xs
xsm
sm
md
lg

ศบศ.เคาะแจก3พัน10ล้านคน-เติมเงินบัตรคนจนเพิ่ม500บ.

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ผู้จัดการรายวัน 360 - "บิ๊กตู่"เผยต่างประเทศยังติดต่อขอมาดูกิจการ-แผนการลงทุนในสถานการณ์โควิด ซัดพวกปล่อยข่าวไม่เหมาะสมทำนักลงทุนหนี ยอมรับเงินมีน้อย แต่จะใช้อย่างประหยัด ไม่เป็นภาระวันข้างหน้า ศบศ.อัดงบ 5.1 หมื่นล้านเพิ่มเงินบัตรคนจน 500 บาท และโครงการคนละครึ่ง แจก 3 พันบาท10 ล้านคน กระตุ้นกำลังซื้อในประเทศ เข้าครม. สัปดาห์หน้า สธ. เร่งค้นหาผู้สัมผัสใกล้ชิดเด็กชาวเมียนมาที่ติดเชื้อโควิด-19 หลังเดินทางกลับจากประเทศไทย ขณะที่ ศบค. พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 10 ราย กลังจากต่างประเทศทั้งหมด

วานนี้ (16 ก.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) หรือ ศบศ. ครั้งที่ 3/2563 ว่า ที่ประชุมได้มีการเสนอขออนุมัติหลักการโครงการในหลายลักษณะ การดูแลเศรษฐกิจฐานราก การดูแลผู้ประกอบการ โครงสร้างพื้นฐาน การลงทุนภาครัฐ รวมถึงการจะทำอย่างไรให้การลงทุนในประเทศมีความต่อเนื่อง ซึ่งหลายประเทศก็ให้ความสำคัญในเรื่องเหล่านี้ มีหลายประเทศติดต่อขอเข้าไทยเพื่อมาดูและติดตามแผนการลงทุนของแต่ละประเทศ

"ในที่ประชุมได้มีการขออนุมัติหลักการขั้นต้นว่าจะมีกรอบใดบ้าง อาทิ การท่องเที่ยว นักธุรกิจ สมาร์ทวีซ่า ส่วนการลงทุนต่างๆ โดยเฉพาะ EEC, PPP ซึ่งทุกอย่างยังอยู่ในขั้นตอนการเจรจาตกลงทำสัญญา ทุกอย่างไม่ได้หยุดนิ่ง ถึงแม้จะมีปัญหาเรื่องโควิด-19 ก็ตาม ยังมีการประชุมทางไกลกันอยู่ตลอด เพราะฉะนั้นอย่าไปพูดให้อะไรเสียหายมากนัก ในกรณีที่ว่าทุกคนไม่อยากจะมาลงทุนในประเทศไทยแล้ว พูดอย่างนี้ผมว่าไม่ค่อยจะเหมาะสมเท่าไรนะ มันขัดกับข้อเท็จจริง” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ขณะเดียวกัน รัฐบาลมีแผนการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานเป็นสิ่งสำคัญ ทั้งทางบก เรือ อากาศ สนามบิน การลงทุนดิจิทัลต่างๆ เหล่านี้ในพื้นที่ EEC ทุกอย่างมีความก้าวหน้าตามลำดับ มีการเซ็นสัญญาเดินหน้าต่อไปไม่ได้หยุดยั้ง และส่วนที่รัฐบาลให้ความสำคัญที่สุดคือ “การดูแลผู้มีรายได้น้อย” จะทำอย่างไร ซึ่งมี 2 ส่วน ส่วนแรกคือ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรคนจน ส่วนที่สอง ก็จะมีมาตรการเฉพาะกลุ่ม เฉพาะอย่างออกมา โดยให้รอฟังการแถลงรายละเอียดจาก ศบศ. อีกครั้ง

นอกจากนี้ คณะอนุกรรมการซึ่งมาจากภาคธุรกิจมีข้อเสนอขึ้นมา ทั้งเรื่องการดูแลผู้มีรายได้น้อย และการลงทุนระยะยาวเพื่อให้มีรายได้กลับมาในประเทศ ในขณะที่รายได้เรามีเท่านี้ มันไม่พอ ต้องลงทุนซึ่งบางครั้งอาจจะต้องเวลา 3, 5 หรือ 10 ปี ในการที่จะมีรายได้กลับเข้ามาเพื่อที่จะเพิ่มเงินรายได้งบประมาณของภาครัฐให้สอดคล้องสถานการณ์ในปัจจุบัน นี่คือโลกยุค New Normal ที่ต้องทำ ไม่ใช่ไม่คิดอะไรเลย ต้องคิดตลอดเวลา การแก้ปัญหาโควิด-19 ของต่างประเทศและไทยไม่ต่างกัน แต่เงินเราน้อยกว่าเขา เราต้องพยายามจะใช้เงินอย่างประหยัดที่สุด จะได้ไม่เป็นภาระต่อไปในอนาคต แต่อะไรที่มันจำเป็นก็ต้องทำ ถ้าไม่ทำประชาชนเดือดร้อนทั้งประเทศแล้วจะทำอย่างไร”

ส่วนประเด็นเรื่องของมาตรการแจกเงิน 3000 บาท 15 ล้านคนนั้น พล.อ.ประยุทธ์ บอกให้รอการแถลงอีกครั้ง รวมถึงไม่ได้ตอบถึงกระแสข่าวดึงคนนอกมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่แทนนายปรีดี ดาวฉาย เช่นกัน

อัดงบ 5.1 หมื่นล.เพิ่มเงินบัตรคนจน-แจก3พันบ.

นางสาวกาญจนา ตั้งปกรณ์ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายภาษี สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ประชุม ศบศ. มีมติเห็นชอบมาตรการรักษาระดับการบริโภคภายในประเทศและเพิ่มกำลังซื้อให้แก่กลุ่มผู้มีรายได้น้อย และประชาชนทั่วไป ตามข้อเสนอของกระทรวงการคลัง 2 โครงการ ได้แก่ 1.โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยการเพิ่มวงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น จำนวน 500 บาทต่อคนต่อเดือน เป็นระยะเวลาทั้งสิ้น 3 เดือน ตั้งแต่ ต.ค. - ธ.ค. 63 กลุ่มเป้าหมายเป็นผู้มีรายได้น้อยที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 14 ล้านคน

2.โครงการคนละครึ่ง โดยกำหนดเงื่อนไขให้ผู้ที่ได้รับสิทธิจะต้องเป็นบุคคลสัญชาติไทยที่มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปในวันที่ลงทะเบียนและมีบัตรประจำตัวประชาชน มีกลุ่มเป้าหมายประมาณ 10 ล้านคน โดยสามารถลงทะเบียนผ่านเวปไซต์ www.คนละครึ่ง.com ซึ่งจะเปิดให้ลงทะเบียนในวันที่ 16 ต.ค. 63 และเริ่มโครงการตั้งแต่ 23 ต.ค. - 31 ธ.ค. 63

สำหรับร้านค้าที่จะเข้าร่วมโครงการ ได้แก่ ผู้ประกอบการร้านอาหาร/เครื่องดื่ม ร้านค้าทั่วไป ซึ่งเป็นผู้ประกอบการรายย่อยที่ไม่ใช่นิติบุคคล และไม่ใช่ร้านค้าสะดวกซื้อที่เป็นธุรกิจเฟรนไชส์ มีกลุ่มเป้าหมายร้านค้าจำนวนประมาณ 100,000 ร้านค้า เริ่มเปิดให้ลงทะเบียนผ่านเวปไซต์ www.คนละครึ่ง.com หรือแจ้งผ่านสาขาธนาคารกรุงไทย วันที่ 1 ต.ค. 63

ทั้ง 2 โครงการจะใช้เม็ดเงินราว 5.1 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2.1 หมื่นล้านบาท และ โครงการคนละครึ่ง 3 หมื่นล้านบาท โดยผู้ที่มีบัตรสวัสดิการไม่สามารถใช้สิทธิเพื่อเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งได้ และเตรียมนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาภายในสัปดาห์หน้า

สธ. เร่งค้นหากลุ่มเสี่ยงใกล้ชิดเด็กเมียนมาติดโควิด

วานนี้ (16 ก.ย.) ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) รายงานพบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 10 ราย เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้าพักใน State Quarantine ทั้งหมด โดยมาจากอินเดีย 2 ราย อินโดนีเซีย 2 ราย พม่า 1 ราย เอธิโอเปีย 1 ราย และเยเมน 4 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 3,490 ราย เป็นผู้ป่วยในประเทศ 2,445 ราย และตรวจพบในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ จำนวน 552 ราย จำนวนผู้ป่วยรักษาหายแล้วรวม 3,316 ราย ส่วนผู้ป่วยที่กำลังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 116 ราย ขณะที่ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม โดยยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 58 ราย

น.พ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึง กรณีที่เด็กชายชาวเมียนมา อายุ 2 ขวบ ที่เดินทางออกจากประเทศไทยพร้อมมารดาในวันที่ 4 ก.ย. 63 ก่อนจะตรวจพบการติดเชื้อโควิด-19 ในวันที่ 13 ก.ย. 63 ว่า ขณะนี้ กรมควบคุมโรค ได้สั่งการให้ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลทั้งจากช่องทางการประสานข้อมูลผ่านกลไกกฎอนามัยระหว่างประเทศ (International Health Regulation) ช่องทางการทูต ทางองค์การอนามัยโลก (WHO) และข้อมูลจากช่องทางเข้าออกระหว่างพรมแดนระหว่างประเทศ


กำลังโหลดความคิดเห็น