ผู้จัดการรายวัน360-“อนุทิน”เป็นประธานถกแผนฟื้นฟู ขสมก. เคาะพักหนี้สะสม 1.3 แสนล้านบาท ยันการพักหนี้ จะทำให้ ขสมก. กลับมาทำกำไรได้ และยังใช้วัดประสิทธิภาพองค์กร ลั่นหากยังไม่สามารถทำกำไรได้ ต้องแปรรูปพ้นจากการเป็นรัฐวิสาหกิจ พร้อมเปิดแผนฟื้นฟู เช่ารถอีวี 2,511 คัน จ้างเอกชนเดินรถ จัดเก็บค่าโดยสารอัตราเดียว 30 บาท เตรียมชง ครม. พิจารณาภายในเดือนต.ค.นี้
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพิจารณารายละเอียดแผนฟื้นฟูกิจการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ที่ทำเนียบรัฐบาล วานนี้ (14 ก.ย.) ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาแผนฟื้นฟูกิจการ ขสมก. โดยกรมการขนส่งทางบก ที่มีนายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธาน ได้ทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการฟื้นฟู ขสมก.ได้แก่ กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักบริหารหนี้สาธารณะ ได้นำแผนการฟื้นฟู ขสมก. ที่ปรับปรุงแล้ว มาเสนอให้ตนพิจารณา โดยที่ประชุมได้เห็นชอบแผนดังกล่าว และให้นำเสนอบอร์ด ขสมก. และเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายในเดือน ต.ค.2563
สำหรับสาระสำคัญของแผนฟื้นฟู คือ กระทรวงการคลัง ในฐานะเจ้าหนี้ของ ขสมก. จะพักหนี้สะสมของ ขสมก. ที่มีอยู่ประมาณ 1.3 แสนล้านบาท โดยมีเงื่อนไขว่า ขสมก. จะต้องสามารถฟื้นฟูกิจการ และกลับมาทำกำไรได้ภายใน 7 ปี โดยการดำเนินการในรูปแบบนี้ เนื่องจาก ขสมก. ถือเป็นรัฐวิสาหกิจ 100% ไม่ได้มีเอกชนเข้ามาถือหุ้น จึงเป็นภาระของรัฐบาลในการเข้ามาดูแลแก้ปัญหา และเจ้าหนี้ของ ขสมก. ก็คือ กระทรวงการคลัง เพราะเป็นผู้ที่ค้ำประกันหนี้ให้กับ ขสมก.ทั้ง 100%
ทั้งนี้ แผนกำหนดว่า จะให้กระทรวงการคลังพักหนี้ให้กับ ขสมก. เป็นระยะเวลา 7 ปี เพื่อให้ดำเนินการฟื้นฟูกิจการให้สำเร็จ แล้วกลับมาจ่ายหนี้ได้ แผนนี้จะทำให้ ขสมก. สามารถกลับมาทำกำไรได้ในระยะยาว และยังสามารถใช้เงื่อนไขในแผนนี้ ในการประเมินประสิทธิภาพในการดำเนินงานของ ขสมก. ได้ เพราะที่ผ่านมา ขสมก. อ้างว่า การมีภาระหนี้มาก ทำให้องค์กรไม่สามารถดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะมีการประเมินผลการทำงาน และวัดผลการทำงานของผู้บริหาร ขสมก. เป็นระยะ หลังจากที่ ครม. อนุมัติแผนฟื้นฟูและการพักหนี้ให้แล้ว หากไม่มีภาระหนี้แล้ว ยังไม่สามารถทำกำไรได้ ก็อาจจะต้องพิจารณาแปรรูป ขสมก. ออกจากการเป็นรัฐวิสาหกิจ
“การพักหนี้ให้กับ ขสมก. ตรงนี้ ผมถือว่าเป็นการรีเซ็ตมากกว่า เป็นการหยุดเลือดที่ไหล เพื่อที่จะทำให้ ขสมก. หายใจได้ เพราะหยุดดอกเบี้ยที่เดินอยู่ แล้วหนี้ที่มีอยู่ ก็หาทางในการจัดการ เช่น การทยอยผ่อน ยกหนี้ไปทำให้เป็นระยะยาวอะไรก็แล้วแต่ อยู่ในแผนที่มีการทำมาเสนอ”นายอนุทินกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ผ่านมา ขสมก. มีการขอเงินเสริมสภาพคล่องจากรัฐบาลทุกปี จะมีแผนในการปรับปรุงการดำเนินการอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า การทำงานของ ขสมก. เป็นการให้บริการประชาชน และดูแลประชาชนเป็นหลัก ที่ผ่านมา ขสมก. มีปัญหาสะสมมากว่า 41 ปี การแก้ปัญหา หากใช้วิธีการแบบเดิม ก็คงนำไปสู่การแก้ปัญหาไม่ได้ จึงต้องมีการวางแผนทั้งหมด ทั้งการพักหนี้ การปรับเส้นทางการเดินรถ และการซื้อรถใหม่ ที่จะช่วยให้ ขสมก. ทำกำไรได้ในระยะยาว
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม กล่าวว่า แนวทางการฟื้นฟู กระทรวงการคลังจะรับภาระหนี้และดอกเบี้ย โดยแยกบัญชีออกจาก ขสมก. ส่วน ขสมก. จะปรับรูปแบบการเดินรถ โดยจ้างเอกชนวิ่งตามระยะทาง มีโครงข่ายหลักจำนวน 162 เส้นทาง อัตราค่าโดยสารแบบเหมาไม่จำกัดเที่ยวและเส้นทาง 30 บาทต่อวัน ซึ่งจากการศึกษาพบว่า ปัจจุบันผู้ใช้บริการกว่า 95% มีการเดินทางไกลและต้องจ่ายค่าโดยสารสูงกว่า 30 บาท ขณะที่เส้นทางของรถเอกชนร่วมบริการ จำนวน 54 เส้นทาง เอกชนจะเข้าสู่ระบบเดียวกัน รับจ้าง ขสมก. วิ่งตามระยะทาง เก็บค่าโดยสาร 30 บาท
โดยตามแผน จะรับรถโดยสารไฟฟ้า (EV) จำนวน 2,511 คัน แบ่งเป็นล็อตแรกเดือนมี.ค.2564 และจะทยอยส่งมอบเดือนละ 400 คัน ครบใน 7 เดือน (ก.ย.2564) กำหนดระยะเวลาสัญญาเช่าวิ่ง 7 ปี ส่วนรถร่วมเอกชน ที่จะเข้ามารับจ้างวิ่ง 54 เส้นทาง จำนวน 1,500 คัน เป็นรถโดยสารไฟฟ้า (EV) หรือรถโดยสาร NGV เริ่มส่งมอบเดือนพ.ค.2564 เดือนละ 300 คัน ครบในเดือนก.ย.2564
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพิจารณารายละเอียดแผนฟื้นฟูกิจการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ที่ทำเนียบรัฐบาล วานนี้ (14 ก.ย.) ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาแผนฟื้นฟูกิจการ ขสมก. โดยกรมการขนส่งทางบก ที่มีนายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธาน ได้ทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการฟื้นฟู ขสมก.ได้แก่ กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักบริหารหนี้สาธารณะ ได้นำแผนการฟื้นฟู ขสมก. ที่ปรับปรุงแล้ว มาเสนอให้ตนพิจารณา โดยที่ประชุมได้เห็นชอบแผนดังกล่าว และให้นำเสนอบอร์ด ขสมก. และเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายในเดือน ต.ค.2563
สำหรับสาระสำคัญของแผนฟื้นฟู คือ กระทรวงการคลัง ในฐานะเจ้าหนี้ของ ขสมก. จะพักหนี้สะสมของ ขสมก. ที่มีอยู่ประมาณ 1.3 แสนล้านบาท โดยมีเงื่อนไขว่า ขสมก. จะต้องสามารถฟื้นฟูกิจการ และกลับมาทำกำไรได้ภายใน 7 ปี โดยการดำเนินการในรูปแบบนี้ เนื่องจาก ขสมก. ถือเป็นรัฐวิสาหกิจ 100% ไม่ได้มีเอกชนเข้ามาถือหุ้น จึงเป็นภาระของรัฐบาลในการเข้ามาดูแลแก้ปัญหา และเจ้าหนี้ของ ขสมก. ก็คือ กระทรวงการคลัง เพราะเป็นผู้ที่ค้ำประกันหนี้ให้กับ ขสมก.ทั้ง 100%
ทั้งนี้ แผนกำหนดว่า จะให้กระทรวงการคลังพักหนี้ให้กับ ขสมก. เป็นระยะเวลา 7 ปี เพื่อให้ดำเนินการฟื้นฟูกิจการให้สำเร็จ แล้วกลับมาจ่ายหนี้ได้ แผนนี้จะทำให้ ขสมก. สามารถกลับมาทำกำไรได้ในระยะยาว และยังสามารถใช้เงื่อนไขในแผนนี้ ในการประเมินประสิทธิภาพในการดำเนินงานของ ขสมก. ได้ เพราะที่ผ่านมา ขสมก. อ้างว่า การมีภาระหนี้มาก ทำให้องค์กรไม่สามารถดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะมีการประเมินผลการทำงาน และวัดผลการทำงานของผู้บริหาร ขสมก. เป็นระยะ หลังจากที่ ครม. อนุมัติแผนฟื้นฟูและการพักหนี้ให้แล้ว หากไม่มีภาระหนี้แล้ว ยังไม่สามารถทำกำไรได้ ก็อาจจะต้องพิจารณาแปรรูป ขสมก. ออกจากการเป็นรัฐวิสาหกิจ
“การพักหนี้ให้กับ ขสมก. ตรงนี้ ผมถือว่าเป็นการรีเซ็ตมากกว่า เป็นการหยุดเลือดที่ไหล เพื่อที่จะทำให้ ขสมก. หายใจได้ เพราะหยุดดอกเบี้ยที่เดินอยู่ แล้วหนี้ที่มีอยู่ ก็หาทางในการจัดการ เช่น การทยอยผ่อน ยกหนี้ไปทำให้เป็นระยะยาวอะไรก็แล้วแต่ อยู่ในแผนที่มีการทำมาเสนอ”นายอนุทินกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ผ่านมา ขสมก. มีการขอเงินเสริมสภาพคล่องจากรัฐบาลทุกปี จะมีแผนในการปรับปรุงการดำเนินการอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า การทำงานของ ขสมก. เป็นการให้บริการประชาชน และดูแลประชาชนเป็นหลัก ที่ผ่านมา ขสมก. มีปัญหาสะสมมากว่า 41 ปี การแก้ปัญหา หากใช้วิธีการแบบเดิม ก็คงนำไปสู่การแก้ปัญหาไม่ได้ จึงต้องมีการวางแผนทั้งหมด ทั้งการพักหนี้ การปรับเส้นทางการเดินรถ และการซื้อรถใหม่ ที่จะช่วยให้ ขสมก. ทำกำไรได้ในระยะยาว
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม กล่าวว่า แนวทางการฟื้นฟู กระทรวงการคลังจะรับภาระหนี้และดอกเบี้ย โดยแยกบัญชีออกจาก ขสมก. ส่วน ขสมก. จะปรับรูปแบบการเดินรถ โดยจ้างเอกชนวิ่งตามระยะทาง มีโครงข่ายหลักจำนวน 162 เส้นทาง อัตราค่าโดยสารแบบเหมาไม่จำกัดเที่ยวและเส้นทาง 30 บาทต่อวัน ซึ่งจากการศึกษาพบว่า ปัจจุบันผู้ใช้บริการกว่า 95% มีการเดินทางไกลและต้องจ่ายค่าโดยสารสูงกว่า 30 บาท ขณะที่เส้นทางของรถเอกชนร่วมบริการ จำนวน 54 เส้นทาง เอกชนจะเข้าสู่ระบบเดียวกัน รับจ้าง ขสมก. วิ่งตามระยะทาง เก็บค่าโดยสาร 30 บาท
โดยตามแผน จะรับรถโดยสารไฟฟ้า (EV) จำนวน 2,511 คัน แบ่งเป็นล็อตแรกเดือนมี.ค.2564 และจะทยอยส่งมอบเดือนละ 400 คัน ครบใน 7 เดือน (ก.ย.2564) กำหนดระยะเวลาสัญญาเช่าวิ่ง 7 ปี ส่วนรถร่วมเอกชน ที่จะเข้ามารับจ้างวิ่ง 54 เส้นทาง จำนวน 1,500 คัน เป็นรถโดยสารไฟฟ้า (EV) หรือรถโดยสาร NGV เริ่มส่งมอบเดือนพ.ค.2564 เดือนละ 300 คัน ครบในเดือนก.ย.2564