xs
xsm
sm
md
lg

ศาลสั่งปล่อย“อานนท์-ไมค์” ลั่นยกระดับชุมนุม 19 ก.ย. สภาฯอภิปรายวิกฤตศก.-การเมือง

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ผู้จัดการรายวัน360- สภาฯ เปิดอภิปรายทั่วไปปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ การเมือง แบบไม่ลงมติ 9 ก.ย.นี้ ต่อด้วย พิจารณารายงาน "กมธ.ศึกษาแก้รัฐธรรมนูญปี 60 วันที่ 10 ก.ย. อดีตบิ๊ก ศรภ. ยก 3 ข้อชำแหละม็อบปลดแอก 19 ก.ย. เตือนรัฐระวังสร้างสถานการณ์ลอบบึ้มกลางที่ชุมนุม "หมอวรงค์"รู้ทันแกนนำม็อบ ใช้ทฤษฎีสมคบคิดกับเอ็นจีโอ ชักศึกเข้าบ้าน ศาลอาญาสั่งปล่อย อานนท์-ไมค์” หลังสน.สำราญราษฎร์ ยื่นคำร้องยกเลิกฝากขัง ลั่นเดินหน้าชุมนุมต่อ ขังตัวขังได้ แต่ขังอุดมการณ์ไม่ได้ โฆษกก้าวไกลขู่หากเกิดรัฐประหาร กองทัพจะตายแบบไม่มีวันฟื้น “ดร.อาทิตย์” ระบุประเทศถึงทางตัน แนะ “บิ๊กตู่” ลาออก เสนอ “อานันท์” นายกฯ คนนอก ตั้งรัฐบาลสมานฉันท์ปฏิรูปประเทศ

นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล เลขานุการของประธานสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยถึงการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 9 ก.ย.2563 เพื่อพิจารณาญัตติเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริง หรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในเรื่องวิกฤตทางเศรษฐกิจ และวิกฤตทางการเมือง โดยไม่มีการลงมติ ตามมาตรา 152 ว่า นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ได้นัดตัวแทนแต่ละฝ่ายหารือ ได้ข้อสรุปเบื้องต้น คือ ฝ่ายค้านได้เวลาในการอภิปราย 10 ชั่วโมง (ชม.) ฝ่ายรัฐบาล ทั้ง ส.ส. และการชี้แจงของรัฐมนตรี ได้เวลา 5 ชม. และมีเวลาการทำหน้าที่ประธานสภาฯ 2 ชม.

ทั้งนี้ เวลาที่จัดสรรดังกล่าว เป็นเพียงกรอบเบื้องต้นเท่านั้น หากในการอภิปรายพบประเด็นที่ถูกอภิปรายเพิ่มเติม รัฐมนตรีมีสิทธิได้เวลาชี้แจงเพิ่มเติมเช่นกัน คาดว่าในวันที่ 8 ก.ย.2563 แต่ละฝ่ายจะหารือถึงเวลาการประชุม และการอภิปรายในรายละเอียดเพิ่มเติมอีกครั้ง ขณะที่ตัวแทนรัฐบาลที่จะเข้ารับฟังข้อเสนอแนะ หรือตอบข้อชี้แจงนั้น ล่าสุดยังไม่มีรายงานว่ารัฐบาลประสานจะส่งรัฐมนตรีคนใดเข้าร่วมประชุม

สำหรับการอภิปราย ควรจะแล้วเสร็จไม่เกินเที่ยงคืนของวันที่ 9 ก.ย.2563 เพื่อให้สมาชิกพร้อมกับการประชุมในวันที่ 10 ก.ย. ที่มีวาระพิจารณารายงานของกมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์ และแนวทางแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ซึ่งกมธ.พิจารณาแล้วเสร็จ

เตือนรัฐระวังลอบบึ้มม็อบ19ก.ย.


พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงการชุมนุมของกลุ่มที่ต่อต้านรัฐบาลในวันที่ 19 ก.ย.2563 มีใจความบางส่วนว่า น่าจะเป็นแค่ลิเกโรงใหญ่ ถ้าไม่มีการเกณฑ์คนมาร่วม แต่ถ้ามีการเกณฑ์คนมาก็คงได้ในระดับเท่าวันชุมนุมที่อนุสาวรีย์แค่นั้น แม้จะมีประเทศมหาอำนาจ ลงทุนสนับสนุนให้จัดชุมนุมขึ้นทั่วเอเชีย เพราะ 1.ม็อบจะใช้เด็กๆ นำหน้ามาติดคุกแทน 2.มีความพยายามไม่ประกันตัวของแกนนำม็อบ 2 คน เพื่อสร้างเงื่อนไข ให้เกิดการรวมคนขึ้น ในวันที่ 19 ก.ย. โดยหารู้ไม่ว่าทั้ง 2 คนที่ถูกจับ ดีใจจะตายไป ที่ไม่ต้องขึ้นมาพูดในวันนั้น 3.ถ้าจะให้คนเยอะ ขาใหญ่ต้องออกหน้า ส.ส.ต้องออกมาด้วยแบบที่อนุสาวรีย์ แต่ถ้าพวกนี้ออกมาเอง เพนกวิน ก็ต้องย้ายไปตั้งเวทีเองที่ท้องสนามหลวง เพราะส.ส.เค้าไม่เสี่ยงด้วย

ทั้งนี้ สิ่งที่รัฐบาลควรระวัง คือ การลอบก่อความไม่สงบในที่ชุมนุม เช่น วางระเบิด ซึ่งน่าจะเป็นระเบิดจากภาคใต้ด้วย เพราะอะไร ลองทบทวนดูเหตุการณ์ต่างๆ เมื่อ 2-3 วันนี้ ก็จะรู้ โดยมีพวกขี้ทูตต่างชาติ เข้ามาเป็นพยานเพื่อจะได้ตีข่าวให้เป็นข่าวระดับโลก

แฉใช้ทฤษฎีสมคบคิดชักศึกเข้าบ้าน


นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก และหัวหน้ากลุ่มไทยภักดี กล่าวถึงกรณีองค์กรนิรโทษกรรมสากล แอมนาสตี้ ออกมาเรียกร้องสิทธิให้กลุ่มผู้ชุมนุมต่อรัฐบาลไทย อย่าปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นของกลุ่มผู้ชุมนุมประชาชนปลดแอก ว่า เป็นทฤษฎีสมรู้ร่วมคิด ระหว่างแกนนำผู้ชุมนุมกลุ่มนี้ กับองค์กรต่างประเทศเหล่านี้ เพราะหากย้อนไปดูจะพบว่ามีความสัมพันธ์กัน ทุกอย่างเป็นไปตามตำราการชักศึกเข้าบ้าน ด้วยการดึงเอาองค์กรเอ็นจีโอต่างประเทศเข้ามามีส่วนร่วมในการสนับสนุนการชุมนุมของกลุ่มนี้ เพื่อกดดันรัฐบาล

“พฤติกรรมสมรู้ร่วมคิดในการชักศึกเข้าบ้านที่กำลังดำเนินการอยู่นี้ ผมบอกได้เลยว่า คนไทยรับไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องภายในบ้านของเรา ไม่ใช่ดึงคนนอกบ้านเข้ามาแทรกแซงปัญหาในบ้าน และรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่ได้มีพฤติกรรมเลวร้ายเช่นรัฐบาลในอดีต ที่ใช้กำลังกับผู้ชุมนุม จึงเชื่อว่าการนัดชุมนุมใหญ่ ในวันที่ 19 ก.ย.นี้ เงื่อนไขต่างๆ ยังไม่สุกงอมพอที่จะก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลง อย่างที่บอกว่า รัฐบาลพยายามดูแล ไม่ให้เกิดเหตุไม่พึงประสงค์ จึงเชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่ในสังคมคงรู้ว่าอะไรควร หรือไม่ควร และอย่าเปิดโอกาสให้คนนอกเข้ามาแทรกแซงเรื่องในบ้านของเรา" นพ.วรงค์กล่าว

สวนแอมเนสตี้ ยันไม่ปิดกั้นการแสดงออก


นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศได้ออกมาชี้แจงแล้วว่ารัฐบาลมิได้ปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงออก รวมทั้งการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล และอนุญาตให้มีการชุมนุมของนักเรียน นักศึกษาและประชาชน และสนับสนุนการใช้เสรีภาพที่สร้างสรรค์ ไม่ก้าวร้าว ส่วนการดำเนินคดีของตำรวจกับผู้ชุมนุมบางราย เป็นไปตามกฎหมาย ไม่มีการเลือกปฏิบัติ และผู้ถูกกล่าวหาสามารถต่อสู้คดีได้ตามกระบวนการยุติธรรม

ศาลสั่งปล่อย “อานนท์-ไมค์”


ศาลอาญาได้เผยแพร่เอกสารข่าว ระบุว่า เมื่อวันที่ 3 ก.ย.2563 ศาลอาญานัดไต่สวนคดีหมายเลขดำ ที่พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลสำราญราษฎร์ ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราว นายอานนท์ นำภา และนายภานุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ ระยอง ผู้ต้องหาทั้งสอง สืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่ 4 ส.ค.2563 ศาลได้มีคำสั่งอนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาทั้งสอง และอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาทั้งสอง โดยมีเงื่อนไขห้ามกระทำการใดๆ ในลักษณะเดียวกับการกระทำที่ถูกกล่าวหา ในคดีนั้นอีก ภายหลังจากที่ศาลมีคำสั่งดังกล่าว นายอานนท์ และนายภานุพงศ์ ได้กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนเงื่อนไขของศาลที่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว

ทนายความผู้ต้องหาทั้งสอง ยื่นคำคัดค้านคำร้องของพนักงานสอบสวนดังกล่าว หลังจากนั้นศาลไต่สวนคำร้องของพนักงานสอบสวน ศาลมีคำสั่งให้เพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราวของนายอานนท์ นำภา ในส่วนของนายภานุพงศ์ จาดนอก ศาลได้พิเคราะห์ถึงอายุ อาชีพ และพฤติการณ์แห่งการกระทำที่ถูกกล่าวหา ให้เพิกถอนการปล่อยชั่วคราว สมควรให้โอกาสแก่นายภานุพงศ์ โดยได้กำหนดเงื่อนไขเพิ่มเติมให้มีประกันในวงเงินเพิ่มเป็น 2 แสนบาท โดยไม่ต้องมีหลักประกัน และให้นายภานุพงศ์ มารายงานตัวทุก 15 วัน ซึ่งต่อมาผู้ต้องหาทั้งสอง ไม่ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวเข้ามาใหม่ ศาลจึงให้เพิกถอนการปล่อยชั่วคราวและรับตัวไว้หมายขัง

ต่อมา วันที่ 7 ก.ย.2563 พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลสำราญราษฎร์ ผู้ร้อง ได้ยื่นคำร้องขอให้ยกเลิกการฝากขัง นายอานนท์ นำภา และนายภานุพงศ์ จาดนอก ผู้ต้องหาทั้งสอง โดยระบุเหตุผลในคำร้องว่า ได้ทำการสอบสวนมาพอสมควรแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องขังผู้ต้องหาทั้งสองระหว่างการสอบสวนอีกต่อไป ศาลพิจารณาแล้วให้หมายปล่อยผู้ต้องหาทั้งสอง โดยแจ้งเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครทราบแล้ว

ยันชุมนุมต่อ ลั่นขังอุดมการณ์ไม่ได้


นายอานนท์กล่าวว่า ตนเพิ่งทราบเมื่อสักครู่ว่าตำรวจได้เพิกถอนการฝากขังพวกตน มันฉุกละหุกมาก เจ้าหน้าที่เพียงมาบอกให้กลับไปได้เท่านั้น แต่การปล่อยตัวพวกตนครั้งนี้ นับเป็นการให้กำลังใจต่อนักต่อสู้ และคนที่โดนคดีทุกคน โดยการต่อสู้ของพวกตน มีความสำคัญในทุกก้าวย่าง ตั้งแต่ฝากขัง จนถึงถอนประกัน เชื่อว่าจะเป็นบทเรียนของผู้ใช้อำนาจ ให้ใช้อำนาจอย่างเป็นธรรม

"ขอบคุณทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องที่ให้ความช่วยเหลือ ถือเป็นกำลังใจให้เราต่อสู้ ยืนยันว่า ต่อจากนี้จะมีการยกระดับและเดินหน้าชุมนุม ในวันที่ 19 ก.ย.ต่อไป และเชื่อว่าต่อจากนี้คงจะมีคดีมาอีกแน่ แต่เราจะชนะร่วมกัน ทุกฝ่ายทั้งฝ่ายเผด็จการ และฝ่ายที่เห็นตรงข้ามกับเรา ยืนยันว่าไม่กังวล หากจะมีคดีความใดเพิ่มอีก เพราะหากจะจับปลาลงน้ำก็ต้องเปียกอยู่ดี"นายอานนท์กล่าว

นายภาณุพงศ์ กล่าวว่า คุกอาจขังเราได้แค่ตัว แต่ไม่อาจขังอุดมการณ์ และความเป็นนักสู้ของเราได้ จากนี้ก็จะเดินหน้าต่อสู้เพื่อให้ได้จุดหมายเดิมของเราต่อไป ก่อนหน้านี้ การที่พวกตนตัดสินใจไม่ยอมรับเงื่อนไขการปล่อยตัวของศาล เพราะนั่นเป็นการตีกรอบพวกตนมากเกินไป มันไม่ยุติธรรมกับพวกเรา

สำหรับโทษจำคุกนั้น นับเป็นประสบการณ์ใหม่ ที่ต้องปรับตัวเยอะพอสมควร บรรยากาศภายในเรือนจำไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด เราได้เจอเพื่อนคุยใหม่ๆ ได้พบเพื่อนที่ดี ไม่มีใครปองร้ายเรา ที่สำคัญยังพบนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ซึ่งได้ฝากให้กำลังใจพวกตน เพราะยุคนี้ตัวเขาไม่มีสิทธิ์ไปสั่งเด็กๆ ให้ทำหรือไม่ทำอะไรแล้ว มีแต่แรงและกำลังใจให้นักเรียนนักศึกษา

ถ้ารัฐประหาร “กองทัพ”จะไม่มีวันฟื้น


นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ โฆษกพรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่านเฟชบุ๊ก ถึงกระแสข่าวรัฐประหาร คือสัญญานความกลัวของกองทัพ โดยมีเนื้อหาว่า มีกระแสข่าวเรื่องรัฐประหารค่อนข้างหนาหู ผมขอกล่าวถึงกรณีนี้ว่าประเทศไทยมีความแน่นอนอยู่หนึ่งอย่าง เมื่อใดที่ประชาชนทนไม่ไหว ข่าวการรัฐประหาร มักถูกปล่อยออกมาเสมอ ความแตกต่างของกระแสข่าวการรัฐประหารในช่วงเวลานี้ กับในอดีตที่ผ่านมา คือ ไม่มีใครรู้สึกหวาดกลัวต่ออำนาจปลายกระบอกปืนอีกต่อไป ผมขอเรียกสัญญาณนี้ว่า สัญญาณแห่งความจนมุม สัญญานของคนขี้ขลาด ตาขาว

เมื่อไรที่กองทัพไทยและผู้มีอำนาจรู้สึกกลัว และหวาดหวั่นกับพลังประชาชน ท่านมักตบเท้าให้ดัง เพื่อปรามเสมอ แต่ครั้งนี้หากมีการรัฐประหารเกิดขึ้น สิ่งที่กองทัพจะได้เรียนรู้คือ การตัดสินใจเช่นนี้ คือการหันกระบอกปืนเข้าหาตัวเอง ตายแบบไม่มีวันฟื้น วันนี้ประชาชนได้เรียนรู้แล้วว่า อำนาจที่ท่านใช้จัดการกับประเทศนี้ อำนาจที่ท่านใช้จัดการกับประชาชนมาตลอด คืออำนาจแห่งความกลัวของพวกท่านเอง

หากมีการยึดอำนาจเกิดขึ้น ผมเชื่อเหลือเกินว่า สิ่งที่ท่านไม่เคยได้เห็น ก็จะได้เห็น เมื่อไรที่ตัดสินใจยึดอำนาจวันนี้ #ท่านจะได้เห็นพลังของประชาชนที่ลุกขึ้น และไม่ยินยอมน้อมรับอำนาจนั้นอีกต่อไป

แนะ “บิ๊กตู่” ลาออกไม่ทำรัฐประหาร


ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต และอดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า ประเทศชาติถึงทางตันแล้ว รัฐบาลต้องตระหนักรู้ ไม่ดันทุรัง และไม่รัฐประหาร นายกรัฐมนตรีต้องเสียสละลาออก ให้สภาเลือกนายกรัฐมนตรีจาก"คนนอก" ตาม ม. 272 วรรค 2 ตั้งรัฐบาลมืออาชีพไม่มีโควตาพรรค เพื่อสมานฉันท์ปฏิรูปประเทศ กอบกู้ฟื้นฟูเศรษฐกิจ ร่างรัฐธรรมนูญฃใหม่ สู่ระบอบสังคมธรรมาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ภายใน 2 ปี

พร้อมกันนี้ ดร.อาทิตย์ ได้เสนอให้ นายอานันท์ ปันยารชุน เป็นนายกรัฐมนตรีคนนอก จัดตั้งรัฐบาลสมานฉันท์ ปฏิรูปประเทศ กอบกู้ฟื้นฟูเศรษฐกิจ และร่างรัฐธรรมนูญใหม่ภายใน 2 ปี


กำลังโหลดความคิดเห็น