xs
xsm
sm
md
lg

น่าฟัง! “หมอวรงค์” แจง 6 ข้อ “บิดเบือน” “ทอน” ปลุกหรู “สู้เป็นไท ถอยเป็นทาส” “ดร.อาทิตย์” ชี้ 11 ข้อเรียกแขก

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ การชุมนุมของม็อบเยาวชนปลดแอก จากแฟ้ม
สังคมไทยว่าไง “หมอวรงค์” แจง 6 ข้อ “บิดเบือน” ที่สื่อต่างชาติเข้าใจผิด “ทอน” ปลุกสวยหรู “สู้เป็นไท ถอยเป็นทาส” ระบุ “หยุดคุกคามประชาชน” ยังทำไม่ได้ แก้ รธน.อย่าหวัง “ดร.อาทิตย์” ยก 11 ข้อเรียกแขกร่วมม็อบ

ภาพ “หมอวรงค์” นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม จากแฟ้ม
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้(4 ก.ย.63) เฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom ของ “หมอวรงค์” นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานยุทธศาสตร์กลุ่มไทยภักดี โพสต์หัวข้อ “สิ่งที่สื่อต่างชาติเข้าใจผิด”

โดยระบุว่า “ผมคิดว่า แม้แต่สื่อต่างชาติยังเข้าใจผิด เพราะมีการใช้วาทกรรมบิดเบือนซ้ำๆ

1.เข้าใจว่า ม.112 มีไว้เพื่อกลั่นแกล้งทางการเมือง
ผมตอบว่า ไม่จริง กฎหมายมาตรานี้ ก็ไม่ต่างจากกฎหมายอาญามาตรา 326 ของประชาชน ที่ใช้ปกป้องตนเอง กรณีมีคนมาหมิ่นประมาท ใส่ร้าย และทุกประเทศก็มีกฎหมายปกป้องประมุขแห่งรัฐ

2.สื่อเขาเข้าใจว่า ถ้าไม่พอใจใคร หรือนักการเมืองคนไหน ใช้ ม.112 กล่าวหาได้เลย

ผมหัวเราะ และบอกว่า นี่คือวาทกรรมบิดเบือน เพราะในรอบ 30 ปีมานี้ ไม่เคยมีใครหรือนักการเมืองคนไหน ติดคุกเพราะม.112 ยกเว้น พวกไปกล่าวหาให้ร้าย เช่น นายปวิน ปกติแล้วรัฐบาลไม่สามารถใช้ม.112 ไปกล่าวหาใครก็ได้ตามใจชอบ แสดงว่าเข้าใจกันผิด

3.เขาเข้าใจว่า รัฐบาลชุดนี้ เป็นรัฐบาลทหาร เผด็จการผมบอกว่า เขาเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง มาจากการหย่อนบัตรพร้อมกับพวกที่กล่าวหา และนายธนาธรก็เคยแข่งนายกฯแต่แพ้ ดังนั้นนายกฯท่านนี้เขามาจากการเลือกตั้ง เพียงแต่เขาเคยเป็นหัวหน้า คสช. และรัฐบาลยุโรป อเมริกา ญี่ปุ่นก็รับรองไม่ใช่เหรอ

ผมย้ำกับเขาว่า นี่ก็เป็นวาทกรรมบิดเบือน ที่สำคัญถ้าเป็นรัฐบาลทหาร มีอำนาจจริง เขาซื้อเรือดำน้ำไปแล้ว วันนี้ทหารมีอิทธิพลสู้นักการเมืองไม่ได้ อำนาจอยู่ที่นักการเมือง

4.เขาเข้าใจว่า ฝ่ายนักศึกษาและฝ่ายค้านเป็นฝ่ายประชาธิปไตย อีกฝ่ายเป็นฝ่ายเผด็จการ

ผมบอกว่า เมืองไทยใช้วาทกรรมบิดเบือนเยอะมาก จะเอาคำพูดมาเป็นสาระไม่ได้ ต้องดูที่การกระทำ ยกตัวอย่าง ฝ่ายที่อ้างว่า เป็นประชาธิปไตย เอาแต่โกหก คุกคามใส่ร้ายคนอื่น ในอดีตพวกของฝ่ายนี้เคยเป็นรัฐบาล แต่ใช้อำนาจทางสภาเผด็จการมากกว่าทหาร จนประชาชนนับล้านออกมาขับไล่ ดังนั้นในเมืองไทยต้องดูที่การกระทำ

5.ทำไมสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่อยู่ใต้รัฐธรรมนูญ เหมือนญี่ปุ่น

ผมบอกว่า สถาบันพระมหากษัตริย์ไทยอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ ไม่เคยมีการบริหารราชการใดๆที่รัฐบาลบริหารไม่ได้ เพราะติดขัดที่สถาบัน แม้แต่กฎหมายทุกฉบับก็ผ่านหมดไม่เคยมีปัญหา ในทุกรัฐบาล หากมีปัญหา สภาก็ยืนยันกฎหมายได้

ส่วนข้อเรียกร้องปฏิรูปสถาบัน ก็ไม่สมเหตุผล ไม่เกี่ยวกับประโยชน์สุขของประชาชนใดๆทั้งสิ้น เป็นการเรียกร้องที่มีอคติส่วนตัว องค์พระมหากษัตริย์จะมีศักดิ์ศรีต่ำกว่าประชาชนทั่วไป ตามที่เขาเรียกร้องแทบจะถือว่า ไร้ศักดิ์ศรีของความเป็นประชาชน เขามีเจตนาเพื่อให้เกิดความอ่อนแอและเสื่อมสลายไปในที่สุด

ผมชี้ต่อว่า เนื่องจากรัฐธรรมนูญญี่ปุ่นถูกร่างโดยอเมริกา ที่ต้องการทำลายสถาบันจักรพรรดิ ในช่วงญี่ปุ่นแพ้สงครามโลก แต่ทำลายไม่ได้ จึงให้ดำรงไว้และลดบทบาททุกอย่าง ถ้ารัฐธรรมนูญญี่ปุ่นร่างโดยคนญี่ปุ่น อาจจะวางบทบาทสถาบันไว้มากกว่านี้ก็ได้ ส่วนประเทศไทย รัฐธรรมนูญร่างโดยคนไทย จึงวางบทบาทสถาบันพระมหากษัตริย์ให้สมพระเกียรติ ในฐานะเป็นผู้สร้างชาติไทยมา

6.บทบาท ส.ว.
ผมบอกว่า ส.ว.เลือกนายกได้ เป็นบทเฉพาะกาล 5 ปี ที่ผ่านมาจากประชามติที่ประชาชนอนุญาต ในช่วงเวลาจำกัด เหลือเวลาอีก 3 ปีกว่า ก็จะหมดอายุ ซึ่งเขาเข้าใจว่า ส.ว.จะเลือกนายกฯได้ตลอด เป็นความเข้าใจผิด

ส.ว.ชุดใหม่ตามรัฐธรรมนูญก็จะมาจากการเลือกตั้งจังหวัดต่างๆ และกลุ่มอาชีพ มีความเป็นอิสระ ปราศจากการครอบงำจากพรรคการเมือง และมีโอกาสที่ความหลากหลายของอาชีพจะมีตัวแทนเป็นส.ว. เช่น เกษตรกร ครู ทนายความ เป็นต้น ดังนั้นรัฐธรรมนูญนี้ น่าจะได้ส.ว.ที่มีคุณภาพมากกว่าอดีตทุกชุด

#ปกป้องชาติศาสน์กษัตริย์
#ไทยภักดี”

ภาพ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จากแฟ้ม
ขณะเดียวกัน เฟซบุ๊ก Thanathorn Juangroongruangkit - ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า โพสต์หัวข้อ [สู้เป็นไท ถอยเป็นทาส]

ขณะไปเป็นกำลังใจ นายอานนท์ นำภา ทนายความสิทธิมนุษยชน และนายภาณุพงศ์ จาดนอก แกนนำกลุ่มเยาวชนตะวันออกเพื่อประชาธิปไตย

กรณี ศาลอาญาถอนประกันตัว ตามคำร้องของพนักงานสอบสวน สน.สำราญราษฎร์

เนื้อหาระบุว่า “บทสนทนาหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ในค่ำคืนอันมืดมิด แต่สว่างไสวด้วยไฟแห่งความโกรธเกรี้ยวและความหวังอันลุกโชนของประชาชน

คำถาม : อยากบอกอะไรกับนักเรียน นักศึกษา ประชาชน ที่ออกมาแสดงสิทธิความเป็นเจ้าของประเทศในตอนนี้?
ธนาธร:
“แม้แต่ข้อเรียกร้องที่ง่ายที่สุดที่ขอให้หยุดคุกคามประชาชน พวกเขายังไม่หยุด คิดกันจริงๆ หรือว่าเขาจะยอมให้เรามีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่เป็นของประชาชน?

อนาคตของประเทศไทย อนาคตของพวกเราทุกคนอยู่ในมือพวกคุณ

ถ้าเราไม่ลุกขึ้นสู้ในวันนี้ ถ้าไม่ออกมายืนยันปกป้องเสรีภาพของพวกเราเองตั้งแต่วันนี้

วันพรุ่งนี้เราจะไม่เหลืออะไร

คนรุ่นคุณจะเติบโตมาอยู่ในกรงที่ไร้ซึ่งเสรีภาพ
นี่คือห้วงเวลาที่น่าตื่นเต้น

นี่คือจุดเริ่มต้นแห่งยุคสมัย
ธงนำในการต่อสู้วันนี้ไม่ได้อยู่ในสภา

ฝากอนาคตของประเทศไทยไว้ที่มือพวกคุณด้วย

สู้เป็นไท ถอยเป็นทาส”

ภาพ ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ จากแฟ้ม
ด้าน ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดี มหาวิทยาลัยรังสิต ก็ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก ด้วยสาระที่น่าสนใจอย่างยิ่งเช่นกัน

โดนระบุว่า “ขอถ่ายทอดบทความที่สะท้อนความจริงได้ดีมาก

..สรปคร่าวๆ เบื้องหลังการออกมารวมตัวกันเพื่อชุมนุมประท้วงของ นร. นักศึกษา และประชาชน !!!!

1.ชนชั้นนำหลอกว่า สาเหตุที่รัฐประหารฉีก รธน. ล้มรบ.ที่มาจากการเลือกตั้ง

ก็เพราะต้องการสร้างความปรองดอง แต่กลับกลั่นแกล้งฝ่ายตรงข้าม ด้วยสารพัดวิธี

2.สัญญามั่นเหมาะว่าจะขออยู่ในอำนาจไม่นาน แต่สุดท้ายกลับทำทุกวิถีทาง เพื่อสืบทอดอำนาจ

3.ที่อ้างว่ายึดอำนาจมาเพื่อปราบโกง แต่สุดท้ายคนรอบตัวโกง และไม่ให้มีการตรวจสอบใดๆ

4.อ้างว่าจะพัฒนาประเทศให้เท่าทันกับชาติอื่นๆ แต่สุดท้ายกลับตามหลังทุกประเทศ

5.อ้างว่านักการเมืองเล่นพวกพ้อง แต่สุดท้ายพี่น้อง ตัวเองทั้งนั้นที่เสพสุขวาสนาเสวยอำนาจ

6.อ้างว่าประชาชนมีสิทธิ เสรีภาพ แต่ใช้กำลัง ทหาร ตำรวจ ข่มขู่ คุกคาม คนเห็นต่าง

7.อ้างว่าจะเขียนรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย แต่ห้าบรรทัดสุดท้าย บอกรอก่อน 20 ปี

8.อ้างว่าตัวเองเป็นคนดี แต่มีรัฐมนตรี พัวพันคดียาเสพติด บุกรุกป่า โกงกินทุจิตสารพัด

9.อ้างว่าตัวเองมาจากการเลือกตั้ง แต่กลับไปไล่คนตั้งพรรค ยึดเอาพรรคของเขา

10.อ้างว่าทุกคนเท่าเทียมกันทางกฎหมาย แต่พรรคพวกตนเองสบาย ฝ่ายตรงข้ามทำอะไรก็ผิด

11. ชอบโทษคนอื่น และบริภาษว่า ที่บ้านเมืองวุ่นวาย เสื่อมถอย เพราะพวกนักเลือกตั้ง หรือนักการเมืองเขี้ยวลากดินเป็นผู้ก่อทั้งสิ้น แต่พอตั้งพรรคการเมือง ก็ไปดูดพวกนักการเมืองน้ำเน่าเข้ามาจนเต็มพรรคฯของตน

นี่น่าจะเป็นเพียงบางส่วนที่เป็นเบื้องหลัง ที่ผลักดันให้ นร. นักศึกษา และประชาชน อดทนต่อไปไม่ไหว

จนต้องลุกขึ้นมาเดินขบวนขับไล่

สิ่งที่จะปลดล็อก ตัดเงื่อนไข ไม่ให้การชุมนุม ขยายวง ลุกลาม กลายเป็นความขัดแย้งรอบใหม่

ก็สามารถทำได้ ง่ายนิดเดียว คือ “คืนอำนาจให้ประชาชน”

โละ รธน.เจ้าปัญหา โละส.ว.ลากตั้ง เดินหน้าปฏิรูปเปลี่ยนแปลงชาติบ้านเมืองอย่างแท้จริง

คืนสิทธิให้ประชาชน ได้เลือกผู้นำ ด้วยตัวเอง !!!!”

แน่นอน, สิ่งที่สะท้อนให้เห็นก็คือ ทุกความขัดแย้ง ทุกความเห็นต่าง ล้วนมีที่มาที่ไป ยิ่งในท่ามกลางการต่อสู้ทางการเมือง การเดินเกมของแต่ละฝ่าย ย่อมมีการใช้กลยุทธ์ กลวิธี เพื่อเอาชนะด้วยกันทั้งนั้น เรื่องการทำความเข้าใจด้วยเหตุด้วยผล จึงเป็นทางออกโดยสันติวิธีที่ดีที่สุด

ขณะเดียวกัน 11 ข้อที่ ดร.อาทิตย์ หยิบยกมานั้น ถือว่า สำคัญอย่างมากที่ผู้มีอำนาจ และรัฐบาลจะต้อง “รับฟัง” เพราะอย่างน้อย นี่คือ โจทย์ที่จะต้องหาคำตอบ ในการแก้โจทย์แต่ละข้อให้ได้ โดยเฉพาะเรื่องที่ไม่เป็นไปตามที่ให้สัญญากับประชาชน

หาไม่ ก็ไม่ต่างจากความพยายาม “รักษาอำนาจ” เอาไว้ “บนความเสื่อมศรัทธาประชาชน” คิดดูก็แล้วกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น


กำลังโหลดความคิดเห็น