ผู้จัดการรายวัน360- "บิ๊กตู่" ย้ำจัดซื้อเรือดำน้ำ จำเป็นด้านยุทธศาสตร์ความมั่นคง ดักทางกมธ.งบฯ พรรคร่วมรัฐบาลนั่งครบ สุดแล้วแต่พิจารณา อนาคตเกิดไรขึ้นต้องรับผิดชอบร่วมกัน ลั่นอย่าเอาชนะทางการเมืองจนแผ่นดินลุกเป็นไฟ "บิ๊กป้อม" ยันซื้อ "จีทูจี" มีเอกสารยืนยันครบ แย้มชะลอการจ่ายเงินได้ "จุรินทร์"ย้ำต้องสร้างสมดุล ศก.-มั่นคง ส่วนจะโหวตอย่างไร ขอให้ได้คุยกันในกมธ.ก่อน "สันติ" ระบุเรือดำน้ำเข้าที่ประชุมกมธ.งบฯ ไม่ทัน เหตุมีหลายคณะแจงรายงาน คาดเลื่อนไป 2-3 วัน
วานนี้ (26ส.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึง กรณีพรรคประชาธิปัตย์มีมติให้ กมธ.พิจารณา ร่างพ.ร.บ.งบประมาณ 2564 ในสัดส่วนของพรรค จำนวน 7 คน ลงมติไม่เห็นชอบให้จัดซื้อเรือดำน้ำ ว่า เป็นเรื่องของกมธ.ที่อยู่ระหว่างการพิจารณา ส่วนที่พรรคร่วมรัฐบาลอื่น มีความเห็นต่างในจัดการซื้อนั้น ไม่รู้ เป็นเรื่องของพรรคที่จะว่ากันไป แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับคณะกมธ.จะว่าอย่างไร ซึ่งมีหลายพรรคร่วมอยู่ สิ่งสำคัญสุดตนได้อธิบายไปหมดแล้ว ถึงความจำเป็น หลักการ และเหตุผล งบฯที่จัดซื้อก็เป็นของกองทัพเรือ และเราได้แก้ปัญหาปี63 ไว้แล้วส่วนหนึ่ง ฉะนั้นโครงการอะไรก็ตามที่เป็นโครงการต่อเนื่อง มีความจำเป็นหรือไม่ จำเป็นอย่างไร จะได้ หรือไม่ได้ ขึ้นอยู่กับคณะกมธ. ที่จะพิจารณา
"ในความรู้สึกส่วนตัวผมคิดว่า อะไรก็ตามที่จะต้องสร้างความมั่นคงปลอดภัยของพวกเรา ตรงนี้ไม่ใช่เพื่อใครทั้งสิ้น แต่เพื่อประเทศไทยและคนไทย ทรัพยากรของชาติของแผ่นดินจะทำอย่างไร และโลกวันนี้มีการเปลี่ยนแปลงมากน้อยเพียงใด ความขัดแย้งอะไรต่างๆ มีเยอะหรือไม่ ไม่ได้มีไว้ไปรบ หรือสู้กับใคร แต่เป็นเรื่องของยุทธศาสตร์ คงเข้าใจกันว่ามันเป็นอย่างไร ข้อสำคัญงบฯ เป็นของกองทัพเรือ เป็นงบฯของกระทรวงกลาโหม ฉะนั้นสุดแล้วแต่กมธ.จะพิจารณาออกมาอย่างไร วันหน้าทุกคนก็ต้องรับผิดชอบด้วยกันทั้งหมด หากเกิดอะไรขึ้น คงไม่ใช่เฉพาะผมคนเดียว เป็นเรื่องมติของคนหลายคน หลายพรรคด้วยกัน"
นายกฯ กล่าวว่าวันนี้ก็มาดูเรื่องงบฯฝ่ายความมั่นคงกันอีก เพื่ออะไรก็แล้วแต่ ตนไม่รู้ความตั้งใจของท่าน ตนไม่พูด แต่สิ่งสำคัญที่สุดงบฯ กระทรวงอื่นท่านก็ตัดของเขาอีก ทั้งที่กระทรวงเหล่านั้นเขาดูแลประชาชน ใช่หรือไม่ ไปตัดของเขา ทำไมไม่ให้ความสำคัญบ้าง งบหลายกระทรวงแล้วก็มาจ้องงบฯ นี้เข้าไปด้วย สรุปว่าประเทศเดินหน้าไม่ได้ทั้งหมด แล้วรู้หรือไม่ งบฯตัดแล้วไปไหน จะเอาไปทำอย่างอื่นได้หรือไม่ กฎหมายเขียนว่าอย่างไร มันก็ตกหมด ไม่ใช่ว่าจะมาอยู่งบกลางได้ หรือไม่ก็ต้องไปทำโครงการของเจ้ากระทรวงเดิมที่ผ่านมา นำขึ้นมา เข้าใจตรงนี้กันเสียบ้าง ส่วนเรื่องการทุจริต โปร่งใส ก็ติดตามทำอย่างเต็มที่ ตนยืนยันไม่มีนโยบายทุจริตกับใครทั้งสิ้น พรรคร่วมรัฐบาลเราก็ประกาศเจตนารมณ์ไปแล้วว่า จะต้องไม่มีการทุจริต
"หลายคนมองว่า ผมมาแบบนี้ แบบเผด็จการ อะไรต่างๆ มันต้องมองย้อนกลับไป ผมไม่อยากจะพูดทบทวน ไม่ได้อยากให้ทุกคนถือว่าเป็นบุญคุณ มันไม่ใช่ ผมเห็นชาติเป็นอย่างนี้ ไม่ปลอดภัย ผมก็ต้องเข้ามา แล้ววันนั้นมันเกิดอะไรขึ้น ท่านลืมหมดแล้วหรือ ผมเข้ามาด้วยอะไร เพราะอะไร ทำไมถึงต้องเข้ามา อย่าลืมสิ แล้ววันนี้สิ่งที่ผมทำมีความก้าวหน้าบ้างหรือไม่ หลายๆอย่างดีขึ้นมาโดยตลอด เป็นการเปลี่ยนแปลงไปสู่ยุคใหม่ 4.0 แล้วใครเป็นคนทำ ผมเป็นคนทำมาทั้งนั้น 4.0 ที่ว่ามานี้ นโยบาย ยุทธศาสตร์ เดินหน้ามาตามกรอบกติกาจนถึงวันนี้ ถ้าไม่ทำวันนั้น วันนี้ก็ไม่เกิด เพราะมัวสาละวนแก้ปัญหาอยู่อย่างนี้ การเมืองบ้าง อะไรบ้าง แต่ตัวผมไม่มีการเมือง แต่ก็ต้องทำงานร่วมกับการเมืองเขา ฉะนั้นก็ต้องไปด้วยกันให้ได้ ถ้าจะเอาชนะคะคานทางการเมือง ผมว่าประเทศชาติมันล่มสลาย ถ้ามันเกิดอย่างนั้นจริง ก็รอดูก็แล้วกัน แล้วทุกคนจะต้องอยู่บนแผ่นดินนี้ที่ร้อนระอุ ลุกเป็นไฟ ก็ว่ากันไปแล้วกัน ผมก็สุดกำลังสติปัญญาของผมแล้ว" นายกฯ กล่าว
"บิ๊กป้อม"บอกชะลอจ่ายเงินได้
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง กรณีพรรคประชาธิปัตย์ ให้ชะลอเรื่องการจัดซื้อเรือดำน้ำออกไปก่อนว่า เป็นเรื่องของประชาธิปัตย์ ให้ไปถามเอง อย่ามาถามตน กมธ.งบฯ จะโหวตอย่างไรก็เป็นเรื่องของกมธ. แต่เชื่อว่าจะไม่มีปัญหากับพรรคร่วมรัฐบาลแน่นอน
เมื่อถามว่า ควรจัดซื้อเรือดำน้ำ ถึง 2 ลำ หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่าได้ดำเนินการไปหมดแล้ว ทางด้านเอกสาร เป็นยุทธศาสตร์ของกองทัพเรือที่ได้เตรียมการมานานแล้ว เพราะเพื่อนบ้านก็มีกันหมดแล้ว ส่วนที่พรรคเพื่อไทย เรียกร้องให้เปิดเผยหนังสือมอบอำนาจ ที่ให้ เสธ.ทหารเรือ ลงนามในจีทูจีนั้น เปิดเผยได้อยู่แล้ว มีหมด เอกสารทุกอย่าง
เมื่อถามว่าจำเป็นต้องทบทวนการจัดซื้อ หรือชะลอการจัดซื้อหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ชะลอเรื่องการจ่ายเงินอย่างเดียว เพราะประชาชนเดือดร้อนจากโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา
"จุรินทร์" กั๊กให้ไปคุยกันใน กมธ.ก่อน
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ในฐษนะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ประชุมส.ส.ของพรรค มีมติไม่สนับสนุนการจัดซื้อเรือดำน้ำ ว่า ในชั้นกมธ. เขาคงต้องรือกัน และกมธ.ในสัดส่วนของพรรค ก็จะไปพูดคุย หาข้อยุติใรที่ประชุมกมธ. น่าจะเป็นทางที่ดีที่สุด ซึ่งจุดยืนของปชป. ที่มีการพูดคุยกัน เมือวันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมา เห็นว่าเรื่องความมั่นคง และเศรษฐกิจ ก็มีความสำคัญทั้งสองส่วน จะสร้างสมดุลอย่างไรในภาวะวิกฤตปัจจุบัน นั่นคือสิ่งที่กมธ.ของพรรค จะต้องไปหารือ ขอให้ได้คุยกันก่อน เชื่อว่าน่าจะมีทางออก
เมื่อถามว่า ส.ส.บางคนของพรรค ออกมาระบุว่า ในการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบฯ วาระ 3 ปชป. อาจจะโหวตสวน นายจุรินทร์ กล่าวว่า ยังไม่ไปไกลถึงขนาดนั้น เพราะยังอยู่ใน วาระ 2 เชื่อว่าจะมีทางออก ส่วนการแถลงมติของพรรค เมื่อวันที่ 25 ส.ค.นั้น เป็นสิ่งที่แถลงออกไป ขอนับหนึ่งจากขั้นแรกก่อน ให้กมธ.ของพรรค ไปคุยกับที่ประชุมกมธ. ถ้าได้ข้อยุติจะทำให้การดำเนินการขั้นต่อไป สะดวกขึ้น เพราะหลังจากพ้นวาระ 2 จะมีการนำไปพิจารณาในที่ประชุมสภาฯ อีกครั้ง ก่อนเข้าสู่วาระ 3
เมื่อถามว่า ได้นำมติของพรรค แจ้งให้นายกฯ ทราบแล้วหรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ขอให้กมธ.ทำหน้าที่ก่อน อย่าเพิ่งไปไกลกว่านั้น จะเป็นการลัดขั้นตอน แล้วจะทำให้เกิดความสับสน และเรื่องนี้ตนก็ยังไม่ได้คุยกับนายกฯ
"สันติ" ระบุเข้าที่ประชุมกมธ.งบฯ ไม่ทัน
วานนี้ (26ส.ค.) นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะประธาน กมธ.วิสามัญพิจารณา ร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 64 เผยว่า อนุกมธ.ฯ ทั้ง 8 คณะ ได้ทยอยมาขี้แจงรายงานสรุปของแต่ละคณะ ดังนั้น จึงคิดว่าคงไม่สามารถชี้แจงได้ครบทุกคณะ โดยเฉพาะเรื่องเรือดำน้ำ ต้องให้กมธ.พรรคร่วมรัฐบาล และพรรคร่วมฝ่ายค้านไปหารือว่า โครงการจะดำเนินการต่อไปอย่างไร รวมถึงสอบถามกองทัพเรือด้วยว่า หลังจากงบฯปี 63 ได้อนุมัติการจัดซื้อ ขณะนี้ขั้นตอนการจัดซื้อดำเนินการไปถึงขั้นไหนแล้ว จึงคาดว่า จะใช้เวลา 2-3 วัน จึงจะสามารถนำกลับมาหารือในกมธ.ชุดใหญ่ได้
วานนี้ (26ส.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึง กรณีพรรคประชาธิปัตย์มีมติให้ กมธ.พิจารณา ร่างพ.ร.บ.งบประมาณ 2564 ในสัดส่วนของพรรค จำนวน 7 คน ลงมติไม่เห็นชอบให้จัดซื้อเรือดำน้ำ ว่า เป็นเรื่องของกมธ.ที่อยู่ระหว่างการพิจารณา ส่วนที่พรรคร่วมรัฐบาลอื่น มีความเห็นต่างในจัดการซื้อนั้น ไม่รู้ เป็นเรื่องของพรรคที่จะว่ากันไป แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับคณะกมธ.จะว่าอย่างไร ซึ่งมีหลายพรรคร่วมอยู่ สิ่งสำคัญสุดตนได้อธิบายไปหมดแล้ว ถึงความจำเป็น หลักการ และเหตุผล งบฯที่จัดซื้อก็เป็นของกองทัพเรือ และเราได้แก้ปัญหาปี63 ไว้แล้วส่วนหนึ่ง ฉะนั้นโครงการอะไรก็ตามที่เป็นโครงการต่อเนื่อง มีความจำเป็นหรือไม่ จำเป็นอย่างไร จะได้ หรือไม่ได้ ขึ้นอยู่กับคณะกมธ. ที่จะพิจารณา
"ในความรู้สึกส่วนตัวผมคิดว่า อะไรก็ตามที่จะต้องสร้างความมั่นคงปลอดภัยของพวกเรา ตรงนี้ไม่ใช่เพื่อใครทั้งสิ้น แต่เพื่อประเทศไทยและคนไทย ทรัพยากรของชาติของแผ่นดินจะทำอย่างไร และโลกวันนี้มีการเปลี่ยนแปลงมากน้อยเพียงใด ความขัดแย้งอะไรต่างๆ มีเยอะหรือไม่ ไม่ได้มีไว้ไปรบ หรือสู้กับใคร แต่เป็นเรื่องของยุทธศาสตร์ คงเข้าใจกันว่ามันเป็นอย่างไร ข้อสำคัญงบฯ เป็นของกองทัพเรือ เป็นงบฯของกระทรวงกลาโหม ฉะนั้นสุดแล้วแต่กมธ.จะพิจารณาออกมาอย่างไร วันหน้าทุกคนก็ต้องรับผิดชอบด้วยกันทั้งหมด หากเกิดอะไรขึ้น คงไม่ใช่เฉพาะผมคนเดียว เป็นเรื่องมติของคนหลายคน หลายพรรคด้วยกัน"
นายกฯ กล่าวว่าวันนี้ก็มาดูเรื่องงบฯฝ่ายความมั่นคงกันอีก เพื่ออะไรก็แล้วแต่ ตนไม่รู้ความตั้งใจของท่าน ตนไม่พูด แต่สิ่งสำคัญที่สุดงบฯ กระทรวงอื่นท่านก็ตัดของเขาอีก ทั้งที่กระทรวงเหล่านั้นเขาดูแลประชาชน ใช่หรือไม่ ไปตัดของเขา ทำไมไม่ให้ความสำคัญบ้าง งบหลายกระทรวงแล้วก็มาจ้องงบฯ นี้เข้าไปด้วย สรุปว่าประเทศเดินหน้าไม่ได้ทั้งหมด แล้วรู้หรือไม่ งบฯตัดแล้วไปไหน จะเอาไปทำอย่างอื่นได้หรือไม่ กฎหมายเขียนว่าอย่างไร มันก็ตกหมด ไม่ใช่ว่าจะมาอยู่งบกลางได้ หรือไม่ก็ต้องไปทำโครงการของเจ้ากระทรวงเดิมที่ผ่านมา นำขึ้นมา เข้าใจตรงนี้กันเสียบ้าง ส่วนเรื่องการทุจริต โปร่งใส ก็ติดตามทำอย่างเต็มที่ ตนยืนยันไม่มีนโยบายทุจริตกับใครทั้งสิ้น พรรคร่วมรัฐบาลเราก็ประกาศเจตนารมณ์ไปแล้วว่า จะต้องไม่มีการทุจริต
"หลายคนมองว่า ผมมาแบบนี้ แบบเผด็จการ อะไรต่างๆ มันต้องมองย้อนกลับไป ผมไม่อยากจะพูดทบทวน ไม่ได้อยากให้ทุกคนถือว่าเป็นบุญคุณ มันไม่ใช่ ผมเห็นชาติเป็นอย่างนี้ ไม่ปลอดภัย ผมก็ต้องเข้ามา แล้ววันนั้นมันเกิดอะไรขึ้น ท่านลืมหมดแล้วหรือ ผมเข้ามาด้วยอะไร เพราะอะไร ทำไมถึงต้องเข้ามา อย่าลืมสิ แล้ววันนี้สิ่งที่ผมทำมีความก้าวหน้าบ้างหรือไม่ หลายๆอย่างดีขึ้นมาโดยตลอด เป็นการเปลี่ยนแปลงไปสู่ยุคใหม่ 4.0 แล้วใครเป็นคนทำ ผมเป็นคนทำมาทั้งนั้น 4.0 ที่ว่ามานี้ นโยบาย ยุทธศาสตร์ เดินหน้ามาตามกรอบกติกาจนถึงวันนี้ ถ้าไม่ทำวันนั้น วันนี้ก็ไม่เกิด เพราะมัวสาละวนแก้ปัญหาอยู่อย่างนี้ การเมืองบ้าง อะไรบ้าง แต่ตัวผมไม่มีการเมือง แต่ก็ต้องทำงานร่วมกับการเมืองเขา ฉะนั้นก็ต้องไปด้วยกันให้ได้ ถ้าจะเอาชนะคะคานทางการเมือง ผมว่าประเทศชาติมันล่มสลาย ถ้ามันเกิดอย่างนั้นจริง ก็รอดูก็แล้วกัน แล้วทุกคนจะต้องอยู่บนแผ่นดินนี้ที่ร้อนระอุ ลุกเป็นไฟ ก็ว่ากันไปแล้วกัน ผมก็สุดกำลังสติปัญญาของผมแล้ว" นายกฯ กล่าว
"บิ๊กป้อม"บอกชะลอจ่ายเงินได้
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง กรณีพรรคประชาธิปัตย์ ให้ชะลอเรื่องการจัดซื้อเรือดำน้ำออกไปก่อนว่า เป็นเรื่องของประชาธิปัตย์ ให้ไปถามเอง อย่ามาถามตน กมธ.งบฯ จะโหวตอย่างไรก็เป็นเรื่องของกมธ. แต่เชื่อว่าจะไม่มีปัญหากับพรรคร่วมรัฐบาลแน่นอน
เมื่อถามว่า ควรจัดซื้อเรือดำน้ำ ถึง 2 ลำ หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่าได้ดำเนินการไปหมดแล้ว ทางด้านเอกสาร เป็นยุทธศาสตร์ของกองทัพเรือที่ได้เตรียมการมานานแล้ว เพราะเพื่อนบ้านก็มีกันหมดแล้ว ส่วนที่พรรคเพื่อไทย เรียกร้องให้เปิดเผยหนังสือมอบอำนาจ ที่ให้ เสธ.ทหารเรือ ลงนามในจีทูจีนั้น เปิดเผยได้อยู่แล้ว มีหมด เอกสารทุกอย่าง
เมื่อถามว่าจำเป็นต้องทบทวนการจัดซื้อ หรือชะลอการจัดซื้อหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ชะลอเรื่องการจ่ายเงินอย่างเดียว เพราะประชาชนเดือดร้อนจากโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา
"จุรินทร์" กั๊กให้ไปคุยกันใน กมธ.ก่อน
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ในฐษนะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ประชุมส.ส.ของพรรค มีมติไม่สนับสนุนการจัดซื้อเรือดำน้ำ ว่า ในชั้นกมธ. เขาคงต้องรือกัน และกมธ.ในสัดส่วนของพรรค ก็จะไปพูดคุย หาข้อยุติใรที่ประชุมกมธ. น่าจะเป็นทางที่ดีที่สุด ซึ่งจุดยืนของปชป. ที่มีการพูดคุยกัน เมือวันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมา เห็นว่าเรื่องความมั่นคง และเศรษฐกิจ ก็มีความสำคัญทั้งสองส่วน จะสร้างสมดุลอย่างไรในภาวะวิกฤตปัจจุบัน นั่นคือสิ่งที่กมธ.ของพรรค จะต้องไปหารือ ขอให้ได้คุยกันก่อน เชื่อว่าน่าจะมีทางออก
เมื่อถามว่า ส.ส.บางคนของพรรค ออกมาระบุว่า ในการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบฯ วาระ 3 ปชป. อาจจะโหวตสวน นายจุรินทร์ กล่าวว่า ยังไม่ไปไกลถึงขนาดนั้น เพราะยังอยู่ใน วาระ 2 เชื่อว่าจะมีทางออก ส่วนการแถลงมติของพรรค เมื่อวันที่ 25 ส.ค.นั้น เป็นสิ่งที่แถลงออกไป ขอนับหนึ่งจากขั้นแรกก่อน ให้กมธ.ของพรรค ไปคุยกับที่ประชุมกมธ. ถ้าได้ข้อยุติจะทำให้การดำเนินการขั้นต่อไป สะดวกขึ้น เพราะหลังจากพ้นวาระ 2 จะมีการนำไปพิจารณาในที่ประชุมสภาฯ อีกครั้ง ก่อนเข้าสู่วาระ 3
เมื่อถามว่า ได้นำมติของพรรค แจ้งให้นายกฯ ทราบแล้วหรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ขอให้กมธ.ทำหน้าที่ก่อน อย่าเพิ่งไปไกลกว่านั้น จะเป็นการลัดขั้นตอน แล้วจะทำให้เกิดความสับสน และเรื่องนี้ตนก็ยังไม่ได้คุยกับนายกฯ
"สันติ" ระบุเข้าที่ประชุมกมธ.งบฯ ไม่ทัน
วานนี้ (26ส.ค.) นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะประธาน กมธ.วิสามัญพิจารณา ร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 64 เผยว่า อนุกมธ.ฯ ทั้ง 8 คณะ ได้ทยอยมาขี้แจงรายงานสรุปของแต่ละคณะ ดังนั้น จึงคิดว่าคงไม่สามารถชี้แจงได้ครบทุกคณะ โดยเฉพาะเรื่องเรือดำน้ำ ต้องให้กมธ.พรรคร่วมรัฐบาล และพรรคร่วมฝ่ายค้านไปหารือว่า โครงการจะดำเนินการต่อไปอย่างไร รวมถึงสอบถามกองทัพเรือด้วยว่า หลังจากงบฯปี 63 ได้อนุมัติการจัดซื้อ ขณะนี้ขั้นตอนการจัดซื้อดำเนินการไปถึงขั้นไหนแล้ว จึงคาดว่า จะใช้เวลา 2-3 วัน จึงจะสามารถนำกลับมาหารือในกมธ.ชุดใหญ่ได้