ผู้จัดการรายวัน360- "บิ๊กป้อม" ปัดล็อบบี้โหวตซื้อเรือดำน้ำ บอกเป็นเรื่องของอนุกมธ. ยันสมัยที่รับผิดชอบไม่โมฆะ กองทัพเรือตั้งโต๊ะชี้แจง ยันไม่ใช่การตั้งงบประมาณใหม่ เป็นงบผูกพันแบ่งจ่ายใน 7 ปี ย้ำจำเป็นต้องซื้อเพื่อปกป้องผลประโยชน์ทางทะเลที่มีมูลค่า 24 ล้านล้านบาท ซัดเพื่อไทยบิดเบือนข้อเท็จจริง หวังกองทัพถูกเกลียดชัง ตอกหน้าสัญญาจีทูจีไม่เก๊ ไม่เหมือนจีทูจีข้าว “ยุทธพงศ์”อ้ำอึ้ง ใครให้ข้อมูลบิ๊ก ป. บงการ ปชป.ย้ำปากท้องประชาชนจำเป็นกว่าซื้อเรือดำน้ำ
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีพรรคเพื่อไทย (พท.) ออกมาระบุว่าสัญญาการจัดซื้อเรือดำน้ำ 2 ลำ มูลค่า 22,500 ล้านบาทจะเป็นโมฆะ ว่า ตอนที่ตนรับผิดชอบดูแลอยู่ ก็ไม่โมฆะ เพราะมีการลงนาม ให้รอฟังการแถลงจากกองทัพเรือดีกว่า
เมื่อถามว่า มีข้อมูลเปิดเผยออกมาว่า มี “นายพล ป.” มาล็อบบี้คณะอนุกรรมาธิการครุภัณฑ์ ICT รัฐวิสาหกิจ และทุนหมุนเวียน ให้โหวตผ่านงบซื้อเรือดำน้ำ พล.อ.ประวิตร ย้อนถามผู้สื่อข่าวว่า "จะล็อบบี้ได้อย่างไร เป็นเรื่องของกรรมาธิการ"
เมื่อถามว่ามีความกังวลว่าการซื้อเรือดำน้ำ จะทำให้เป็นประเด็นบานปลายเกิดการชุมนุมลุกลามมากขึ้นหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่มีๆ
***กองทัพเรือยันจำเป็นต้องซื้อเรือดำน้ำ
ที่วังนันทอุทยาน กองบัญชาการกองทัพเรือ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผบ.ทร. ได้มอบหมายกองทัพเรือ ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงกรณีเหตุผลและความจำเป็นในการจัดหาเรือดำน้ำ
พล.ร.อ.สิทธิพร มาศเกษม เสนาธิการทหารเรือ กล่าวว่า กองทัพเรือเล็งเห็นความสำคัญของเรือดำน้ำมาตลอด จึงได้จัดหาเรือดำน้ำ ตามแผนยุทธศาสตร์ป้องกันประเทศ แต่มักจะถูกโยงเป็นประเด็นทางการเมือง
พล.ร.ท.เถลิงศักดิ์ ศิริสวัสดิ์ เจ้ากรมยุทธการทหารเรือ กล่าวว่า การจัดซื้อเรือดำน้ำ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ การจัดซื้อเรือดำน้ำลำที่ 2-3 ราคา 22,500 ล้านบาท เมื่อเทียบผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ที่มีมูลค่า 24 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 0.093 เท่านั้น และยังส่งผลต่อการเจรจาต่อรองเกี่ยวกับพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล ทำให้ไทยไม่เสียเปรียบ
***ไม่ใช่การตั้งงบใหม่แต่เป็นงบผูกพัน 7 ปี
พล.ร.ท.ธีรกุล กาญจนะ ปลัดบัญชีทหารเรือ กล่าวว่า การจัดหาเรือดำน้ำลำที่ 2 และ 3 เป็นการทยอยจ่ายใน 7 ปี เป็นการจัดหาต่อเนื่อง เพื่อให้ครบ 3 ลำ ไม่ใช่โครงการผูกพันงบที่เริ่มใหม่ในปี 2564 นี้ แต่เป็นโครงการในการเสริมสร้างกำลังของกองทัพที่เริ่มตั้งแต่ปี 2563-69 เป็นการทยอยตั้งงบรายปีภายในงบที่กองทัพเรือได้รับตามปกติ ไม่ได้มีการขอเพิ่มแต่อย่างใด และเมื่อเกิดปัญหาโควิด-19 จึงได้นำงบที่ได้ตั้งไว้ในปี 2563 ไปใช้แก้ปัญหาโควิด-19 และไปจ่ายงวดแรกในปี 2564 แทน ทำให้จ่ายงวดสุดท้ายในปี 2570
***ย้ำทำสัญญาถูกต้องไม่มีเก๊
พล.ร.ต.อรรถพล เพชรฉาย ผู้อำนวยการสำนักงานจัดหายุทโธปกรณ์ทหารเรือ ในฐานะกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการบริหารโครงการจัดหาเรือดำน้ำ กล่าวว่า การเจรจากับจีน อยู่บนพื้นฐานเรือดำน้ำ 3 ลำ มาโดยตลอด และรัฐบาลจีนรับทราบการจัดหาเป็นระยะ แต่เนื่องจากไทยประสบปัญหาด้านงบประมาณ จึงได้จัดหาเรือดำน้ำ ระยะที่ 1 จำนวน 1 ลำก่อน ซึ่งได้ลงนามข้อตกลงไปแล้ว ส่วนการจัดหาในระยะที่ 2 ในปีงบประมาณ 2563-69 การเจรจาได้ข้อยุติแล้ว และสามารถจัดหาได้ในราคา ลำละ 11,250 ล้านบาท ซึ่งมีราคาต่อลำต่ำกว่าลำที่ 1 รวมถึงได้รับการติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติม ประกอบด้วยแผ่นยางลดเสียงสะท้อน ระบบสื่อสารดาวเทียม ระบบสื่อสารข้อมูลทางยุทธวิธีและอาวุธ ทั้งจรวดนำวิถี ทุ่นระเบิด ตอร์ปิโด โดยมีมูลค่ากว่า 2,100 ล้านบาท ซึ่งไม่ต้องเพิ่มวงเงินแต่อย่างใด
น.อ.ธาดาวุธ ทัตพิทักษ์กุล รองผู้อำนวยการสำนักงานจัดหายุทโธปกรณ์ทหารเรือ ในฐานะกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรมการบริหารโครงการจัดหาเรือดำน้ำ กล่าวว่า สัญญาเป็นไปอย่างถูกต้อง โดยรัฐบาลจีนสั่งการให้ SASTIND ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐของจีนสำหรับการบริหารงานด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและการส่งออกอาวุธ มอบอำนาจให้ บริษัท CSOC และมอบอำนาจให้ประธานบริษัท CSOC มาลงนามแทน จึงเป็นจีทูจีของจริง ไม่ใช่จีทูจี ของปลอม
***ซัดบิดเบือนทำกองทัพถูกเกลียดชัง
พล.ร.ท.ประชาชาติ ศิริสวัสดิ์ รองเสนาธิการกองทัพเรือ กล่าวกรณีนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.เพื่อไทย ที่ออกมาโจมตีกองทัพเรือ เปิดเผยเอกสารลับการจัดซื้อเรือดำน้ำว่า เป็นการพูดที่บิดเบือนข้อเท็จจริง นำมาสู่ความเกลียดชังต่อกองทัพ และเป็นสิ่งที่ไม่สมควร และยังนำมาเป็นประเด็นเคลื่อนไหวทางการเมือง กล่าวหาว่าการจัดซื้อเรือดำน้ำ เป็นสัญญาเก๊ ก็ไม่เป็นความจริง จำนำข้าวที่พรรคเพื่อไทย ทำต่างหากที่เป็น จีทูจีเก๊ แต่กองทัพเรือทำการซื้อแบบจีทูจี อย่างถูกต้อง โปร่งใส ขอสังคมอย่าตกเป็นเหยื่อ เรื่องการเมือง
***ส.ส.ก้าวไกลถามเลื่อนซื้อไปก่อนได้หรือไม่
นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล และประธานวิปพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ประเด็นที่ทุกคนในสังคม โดยเฉพาะส.ส. ฝ่ายค้าน ต่างพูดเหมือนกัน คือ เลื่อนออกไปก่อนได้หรือไม่ ภายใต้สถานการณ์วิกฤตทางเศรษฐกิจเช่นนี้ ซึ่งเมื่อปี 2540 ตอนรัฐบาล นายชวน หลีกภัย ก็เคยทำมาแล้ว ในการยกเลิกสั่งซื้อเครื่องบิน F-18 ซึ่งขณะนั้น มีการมัดจำไปแล้ว
***เล็งขอ กมธ.งบฯ ชุดใหญ่ทบทวน
นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธาน อนุกมธ.ครุภัณฑ์ฯ กล่าวว่า การประชุม กมธ.งบฯ ชุดใหญ่ วันที่ 26 ส.ค.นี้ จะขอให้ทบทวนมติของอนุกมธ. เพราะกองทัพเรือชี้แจงไม่เคลียร์ สัญญาจีทูจีไม่มีผลผูกพันกับการซื้อเรือดำน้ำลำที่ 2 และ 3 ถึงจะเป็นงบเดิมที่ตั้งไว้ตั้งแต่งบปี 2563 แต่ขณะนี้ปี 2564 วิกฤตโควิด-19 ยังคงอยู่ อยากให้เลื่อนการจัดซื้อไป 1 ปี เพราะเรือดำน้ำลำแรกจะได้มาในปี 2567 ควรรอให้ได้ลำแรกมาก่อน แล้วค่อยซื้อลำที่ 2 และ 3 หรือเลื่อนซื้อลำที่ 2-3ไปปีหน้า เพราะขณะนี้ประชาชนกำลังลำบาก
**"ยุทธพงศ์-สุพล"โต้เดือดเวทีอนุกมธ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจาก นายยุทธพงศ์ ให้สัมภาษณ์สื่อเสร็จแล้ว ได้เดินเข้าไปร่วมประชุม คณะอนุกมธ.ฯ ที่นายสุพล ฟองงาม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ทำหน้าที่ประธาน และเปิดให้สื่อมวลชนเข้าฟังด้วย โดยนายสุพลและนายยุทธพงศ์ ได้ตอบโต้กันเรื่องมติการซื้อเรือดำน้ำ และนายสุพลได้ถามนายยุทธพงศ์ ถึงกรณีที่ให้สัมภาษณ์มี นายพล ป. โทรศัพท์มาสั่งการให้ลงมติจัดซื้อเรือดำน้ำ แต่นายยุทธพงศ์ เลี่ยงไม่ตอบ
**ปชป.ยันเรื่องปากท้องสำคัญกว่า
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การนำเงินไปใช้ เพื่อช่วยเหลือแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ดูแลปากท้องของประชาชน จำเป็นมากกว่าการซื้อเรือดำน้ำที่กำลังผลักดันกันอยู่ขณะนี้ และขอให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทบทวนการซื้อเรือดำน้ำอย่างจริงจัง เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติบ้านเมือง
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีพรรคเพื่อไทย (พท.) ออกมาระบุว่าสัญญาการจัดซื้อเรือดำน้ำ 2 ลำ มูลค่า 22,500 ล้านบาทจะเป็นโมฆะ ว่า ตอนที่ตนรับผิดชอบดูแลอยู่ ก็ไม่โมฆะ เพราะมีการลงนาม ให้รอฟังการแถลงจากกองทัพเรือดีกว่า
เมื่อถามว่า มีข้อมูลเปิดเผยออกมาว่า มี “นายพล ป.” มาล็อบบี้คณะอนุกรรมาธิการครุภัณฑ์ ICT รัฐวิสาหกิจ และทุนหมุนเวียน ให้โหวตผ่านงบซื้อเรือดำน้ำ พล.อ.ประวิตร ย้อนถามผู้สื่อข่าวว่า "จะล็อบบี้ได้อย่างไร เป็นเรื่องของกรรมาธิการ"
เมื่อถามว่ามีความกังวลว่าการซื้อเรือดำน้ำ จะทำให้เป็นประเด็นบานปลายเกิดการชุมนุมลุกลามมากขึ้นหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่มีๆ
***กองทัพเรือยันจำเป็นต้องซื้อเรือดำน้ำ
ที่วังนันทอุทยาน กองบัญชาการกองทัพเรือ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผบ.ทร. ได้มอบหมายกองทัพเรือ ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงกรณีเหตุผลและความจำเป็นในการจัดหาเรือดำน้ำ
พล.ร.อ.สิทธิพร มาศเกษม เสนาธิการทหารเรือ กล่าวว่า กองทัพเรือเล็งเห็นความสำคัญของเรือดำน้ำมาตลอด จึงได้จัดหาเรือดำน้ำ ตามแผนยุทธศาสตร์ป้องกันประเทศ แต่มักจะถูกโยงเป็นประเด็นทางการเมือง
พล.ร.ท.เถลิงศักดิ์ ศิริสวัสดิ์ เจ้ากรมยุทธการทหารเรือ กล่าวว่า การจัดซื้อเรือดำน้ำ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ การจัดซื้อเรือดำน้ำลำที่ 2-3 ราคา 22,500 ล้านบาท เมื่อเทียบผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ที่มีมูลค่า 24 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 0.093 เท่านั้น และยังส่งผลต่อการเจรจาต่อรองเกี่ยวกับพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล ทำให้ไทยไม่เสียเปรียบ
***ไม่ใช่การตั้งงบใหม่แต่เป็นงบผูกพัน 7 ปี
พล.ร.ท.ธีรกุล กาญจนะ ปลัดบัญชีทหารเรือ กล่าวว่า การจัดหาเรือดำน้ำลำที่ 2 และ 3 เป็นการทยอยจ่ายใน 7 ปี เป็นการจัดหาต่อเนื่อง เพื่อให้ครบ 3 ลำ ไม่ใช่โครงการผูกพันงบที่เริ่มใหม่ในปี 2564 นี้ แต่เป็นโครงการในการเสริมสร้างกำลังของกองทัพที่เริ่มตั้งแต่ปี 2563-69 เป็นการทยอยตั้งงบรายปีภายในงบที่กองทัพเรือได้รับตามปกติ ไม่ได้มีการขอเพิ่มแต่อย่างใด และเมื่อเกิดปัญหาโควิด-19 จึงได้นำงบที่ได้ตั้งไว้ในปี 2563 ไปใช้แก้ปัญหาโควิด-19 และไปจ่ายงวดแรกในปี 2564 แทน ทำให้จ่ายงวดสุดท้ายในปี 2570
***ย้ำทำสัญญาถูกต้องไม่มีเก๊
พล.ร.ต.อรรถพล เพชรฉาย ผู้อำนวยการสำนักงานจัดหายุทโธปกรณ์ทหารเรือ ในฐานะกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการบริหารโครงการจัดหาเรือดำน้ำ กล่าวว่า การเจรจากับจีน อยู่บนพื้นฐานเรือดำน้ำ 3 ลำ มาโดยตลอด และรัฐบาลจีนรับทราบการจัดหาเป็นระยะ แต่เนื่องจากไทยประสบปัญหาด้านงบประมาณ จึงได้จัดหาเรือดำน้ำ ระยะที่ 1 จำนวน 1 ลำก่อน ซึ่งได้ลงนามข้อตกลงไปแล้ว ส่วนการจัดหาในระยะที่ 2 ในปีงบประมาณ 2563-69 การเจรจาได้ข้อยุติแล้ว และสามารถจัดหาได้ในราคา ลำละ 11,250 ล้านบาท ซึ่งมีราคาต่อลำต่ำกว่าลำที่ 1 รวมถึงได้รับการติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติม ประกอบด้วยแผ่นยางลดเสียงสะท้อน ระบบสื่อสารดาวเทียม ระบบสื่อสารข้อมูลทางยุทธวิธีและอาวุธ ทั้งจรวดนำวิถี ทุ่นระเบิด ตอร์ปิโด โดยมีมูลค่ากว่า 2,100 ล้านบาท ซึ่งไม่ต้องเพิ่มวงเงินแต่อย่างใด
น.อ.ธาดาวุธ ทัตพิทักษ์กุล รองผู้อำนวยการสำนักงานจัดหายุทโธปกรณ์ทหารเรือ ในฐานะกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรมการบริหารโครงการจัดหาเรือดำน้ำ กล่าวว่า สัญญาเป็นไปอย่างถูกต้อง โดยรัฐบาลจีนสั่งการให้ SASTIND ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐของจีนสำหรับการบริหารงานด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและการส่งออกอาวุธ มอบอำนาจให้ บริษัท CSOC และมอบอำนาจให้ประธานบริษัท CSOC มาลงนามแทน จึงเป็นจีทูจีของจริง ไม่ใช่จีทูจี ของปลอม
***ซัดบิดเบือนทำกองทัพถูกเกลียดชัง
พล.ร.ท.ประชาชาติ ศิริสวัสดิ์ รองเสนาธิการกองทัพเรือ กล่าวกรณีนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.เพื่อไทย ที่ออกมาโจมตีกองทัพเรือ เปิดเผยเอกสารลับการจัดซื้อเรือดำน้ำว่า เป็นการพูดที่บิดเบือนข้อเท็จจริง นำมาสู่ความเกลียดชังต่อกองทัพ และเป็นสิ่งที่ไม่สมควร และยังนำมาเป็นประเด็นเคลื่อนไหวทางการเมือง กล่าวหาว่าการจัดซื้อเรือดำน้ำ เป็นสัญญาเก๊ ก็ไม่เป็นความจริง จำนำข้าวที่พรรคเพื่อไทย ทำต่างหากที่เป็น จีทูจีเก๊ แต่กองทัพเรือทำการซื้อแบบจีทูจี อย่างถูกต้อง โปร่งใส ขอสังคมอย่าตกเป็นเหยื่อ เรื่องการเมือง
***ส.ส.ก้าวไกลถามเลื่อนซื้อไปก่อนได้หรือไม่
นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล และประธานวิปพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ประเด็นที่ทุกคนในสังคม โดยเฉพาะส.ส. ฝ่ายค้าน ต่างพูดเหมือนกัน คือ เลื่อนออกไปก่อนได้หรือไม่ ภายใต้สถานการณ์วิกฤตทางเศรษฐกิจเช่นนี้ ซึ่งเมื่อปี 2540 ตอนรัฐบาล นายชวน หลีกภัย ก็เคยทำมาแล้ว ในการยกเลิกสั่งซื้อเครื่องบิน F-18 ซึ่งขณะนั้น มีการมัดจำไปแล้ว
***เล็งขอ กมธ.งบฯ ชุดใหญ่ทบทวน
นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธาน อนุกมธ.ครุภัณฑ์ฯ กล่าวว่า การประชุม กมธ.งบฯ ชุดใหญ่ วันที่ 26 ส.ค.นี้ จะขอให้ทบทวนมติของอนุกมธ. เพราะกองทัพเรือชี้แจงไม่เคลียร์ สัญญาจีทูจีไม่มีผลผูกพันกับการซื้อเรือดำน้ำลำที่ 2 และ 3 ถึงจะเป็นงบเดิมที่ตั้งไว้ตั้งแต่งบปี 2563 แต่ขณะนี้ปี 2564 วิกฤตโควิด-19 ยังคงอยู่ อยากให้เลื่อนการจัดซื้อไป 1 ปี เพราะเรือดำน้ำลำแรกจะได้มาในปี 2567 ควรรอให้ได้ลำแรกมาก่อน แล้วค่อยซื้อลำที่ 2 และ 3 หรือเลื่อนซื้อลำที่ 2-3ไปปีหน้า เพราะขณะนี้ประชาชนกำลังลำบาก
**"ยุทธพงศ์-สุพล"โต้เดือดเวทีอนุกมธ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจาก นายยุทธพงศ์ ให้สัมภาษณ์สื่อเสร็จแล้ว ได้เดินเข้าไปร่วมประชุม คณะอนุกมธ.ฯ ที่นายสุพล ฟองงาม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ทำหน้าที่ประธาน และเปิดให้สื่อมวลชนเข้าฟังด้วย โดยนายสุพลและนายยุทธพงศ์ ได้ตอบโต้กันเรื่องมติการซื้อเรือดำน้ำ และนายสุพลได้ถามนายยุทธพงศ์ ถึงกรณีที่ให้สัมภาษณ์มี นายพล ป. โทรศัพท์มาสั่งการให้ลงมติจัดซื้อเรือดำน้ำ แต่นายยุทธพงศ์ เลี่ยงไม่ตอบ
**ปชป.ยันเรื่องปากท้องสำคัญกว่า
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การนำเงินไปใช้ เพื่อช่วยเหลือแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ดูแลปากท้องของประชาชน จำเป็นมากกว่าการซื้อเรือดำน้ำที่กำลังผลักดันกันอยู่ขณะนี้ และขอให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทบทวนการซื้อเรือดำน้ำอย่างจริงจัง เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติบ้านเมือง