xs
xsm
sm
md
lg

UTAเจรจา“ทัพเรือ” ขอบริหารเทอร์มินอล2

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

กลุ่ม UTA ส่งแผนแม่บทพัฒนาและก่อสร้างสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ให้ “อีอีซี” แล้ว คาด ก.ย.ปักหมุดสำรวจละเอียด จ่อเจรจากองทัพเรือ ขอบริหารเทอร์มินอล 2 สร้างฐานผู้โดยสาร "หมอเสริฐ" ชูจัดบริการ สะดวก-เร็ว-ลดค่าใช้จ่าย

วานนี้ (20 ส.ค.) คณะผู้บริหารบริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด หรือ UTA นำโดย นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ, นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ, นายกวิน กาญจนพาสน์, นายภาคภูมิ ศรีชำนิ และ นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา ร่วมจัดแถลง “ความคืบหน้า โครงการสนามบินอู่ตะเภา และเมืองการบินภาคตะวันออก”ครั้งที่ 1 หลังจากมีการลงนามสัญญา กับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. 63 โดยเสนอผลประโยชน์ด้านการเงินแก่รัฐ 305,555 ล้านบาท โดยมีระยะเวลาสัมปทาน 50 ปี

นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ ประธานคณะผู้บริหาร บมจ.การบินกรุงเทพ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 10 ก.ค.63 บริษัทฯได้เข้าสำรวจพื้นที่ของสนามบินอู่ตะเภาเบื้องต้น และในวันที่ 17 ส.ค. บริษัทฯได้จัดส่งแผนแม่บทให้อีอีซี ตามที่กำหนดในสัญญาร่วมลงทุนฯ ทั้งนี้ แผนแม่บทดังกล่าวจะเป็นวางผังเบื้องต้น กำหนดตำแหน่งและจุดเชื่อมโยงของโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภคที่สำคัญต่างๆ และในเดือน ก.ย.นี้ จะลงพื้นที่เพื่อสำรวจ Topographic อย่างละเอียด รวมถึงพื้นที่ศูนย์ซ่อมบำรุงของการบินไทยเพื่อดำเนินการออกแบบรายละเอียดต่อไป โดยตามแผนต้นปี 65 คาดว่าจะได้รับหนังสือแจ้งให้เริ่มงาน (NTP) และใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปี พร้อมเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ในปี 2568 และครบอายุสัญญาร่วมทุนในปี 2615

“ในปีแรกที่เปิดบริการ (2568 ) คาดว่าจะมีผู้โดยสาร 5-6 ล้านคน ซึ่งปัจจุบันสนามบินอู่ตะเภามีผู้โดยสาร 2 ล้านคนเศษ ซึ่งบริษัทฯ สนใจที่จะขอเข้าไปบริหารอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 ในปัจจุบันก่อนระหว่างก่อสร้าง ซึ่งจะต้องหารือกับกองทัพเรือเพื่อดูระเบียบ หลักเกณฑ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพราะการเข้าไปบริหารจัดการได้ก่อนจะทำให้สามารถสร้างฐานผู้โดยสารให้เมืองการบินได้ และเมื่อเปิดเมืองการบิน อาคาร 2 จะต้องปิดอยู่แล้ว” นายพุฒิพงศ์ ระบุ

ด้าน นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ ที่ปรึกษาประธานคณะผู้บริหาร บมจ. การบินกรุงเทพ กล่าวว่า หลักการบริหารสนามบินอู่ตะเภาให้เป็นศูนย์กลาง การบินของภูมิภาคนั้นจะต้องทำให้ มีความน่าขึ้น-ลง มีค่าใช้จ่ายที่ต่ำ เช่น สามารถบริหารจัดการให้เครื่องบินขึ้น-ลงในเวลาเฉลี่ย 2 นาที/ลำ เพราะช่วยทำให้เครื่องบินจะใช้น้ำมันน้อยลง ซึ่งสนามบินบางแห่งของสหรัฐอเมริกา ใช้เวลาแค่ 1 นาที/ลำ แต่ไทยปัจจุบัน เฉลี่ย 3 นาที/ลำ และจากทั่วโลกในการเข้าถึงประเทศไทย เส้นทางบินมายังสนามบินอู่ตะเภา จะเร็วกว่าเฉลี่ย 10 นาที เมื่อเทียบกับการลงที่สุวรรณภูมิและดอนเมือง เนื่องจากจุดที่ตั้งของอู่ตะเภาเครื่องบินไม่ต้องบินวน นอกจากนี้ การกำหนดอัตราค่าบริการค่าธรรมเนียม การขึ้นลงอากาศยาน (Landing Fee)ค่าจอดอากาศยาน(Parking Fee) ที่ต่ำและแบ่งอัตราทั้ง 24 ชม. ให้เหมาะสม ซึ่งจะเป็นแรงจูงใจให้สายการบินมาใช้บริการ และลดความแออัดในบางช่วงเวลาได้อีกด้วย และสร้างระบบธุรกิจเครือข่ายทั้ง โรงแรม บริษัททัวร์ ขับเคลื่อนไปด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น