xs
xsm
sm
md
lg

"ก้าวไกล"ก้าวล่วงชนสถาบันฯ แก้หมวดกษัตริย์!

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ผู้จัดการรายวัน360- "พรรคก้าวไกล" ถอนชื่อไม่ร่วมยื่นญัตติแก้รัฐธรรมนูญ กับพรรคร่วมฝ่ายค้าน ก้าวล่วงประกาศแก้ หมวด 1 หมวด 2 ที่เกี่ยวเนื่องกับพระมหากษัตริย์ อ้างยังมี มาตรา 255 กำกับไว้ ไม่กระทบสถาบันฯ –รูปแบบการปกครอง พร้อมเร่งล่ารายชื่อส.ส.หลังมีไม่ถึง 1 ใน 5 ของจำนวนส.ส.ในสภาหรือ 98 คน เพื่อปิดสวิตช์ 250 ส.ว. พร้อมหนุนพูดคุยบางประเด็นในข้อเรียกร้อง 10 ข้อ

วานนี้ (18ส.ค.) ที่รัฐสภา นายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณี พรรคร่วมฝ่ายค้าน เข้าชื่อยื่นญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่พรรคก้าวไกล ไม่ได้ร่วมลงชื่อเสนอญัตติร่วมกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน ว่า เรื่องนี้ไม่ได้เป็นการแยกเรื่องการยื่นญัตติกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน ในประเด็นหลักที่พรรคร่วมฝ่ายค้านพิจารณา คือ การปลดล็อก การแก้ไขรธน. และให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ(ส.ส.ร.) ขึ้นมาพิจารณา โดยเป็นการแก้ไข มาตรา 256

ทั้งนี้ พรรคก้าวไกล ในฐานะหนึ่งในพรรคร่วมฝ่ายค้าน ร่วมพิจารณาตรงนี้มาโดยตลอด และสนับสนุนร่างของพรรคเพื่อไทย ที่เป็นแกนนำพรรคฝ่ายค้านที่ได้ยื่นญัตติไปเมื่อวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา ในร่างฉบับดังกล่าว มีรายละเอียดบางประการที่พรรคก้าวไกลต้องขอสงวนไว้ ซึ่งเป็นคนละส่วนกับสิ่งที่พรรคก้าวไกล พยายามจะผลักดันต่อไป

ในการแก้รธน. จะต้องมีส.ส.ร่วมลงชื่อ1 ใน 5 ของจำนวนส.ส.ทั้งหมดในสภา คือ 100 คน ซึ่งสิ่งที่ไม่ได้มีความแตกต่างกัน และพรรคก้าวไกลกำลังดำเนินการอยู่คือ การปิดสวิทซ์ ส.ว. ที่จะเป็นการแก้ไขรธน.อีกมาตราหนึ่ง คือ มาตรา 269-272 พรรคก้าวไกล จัดทำร่างเสร็จแล้ว อยู่ระหว่างการส่งให้พรรคร่วมฝ่ายค้านอื่นๆ พิจารณา คาดว่าสัปดาห์หน้าจะสามารถยื่นญัตติด่วนดังกล่าว ขึ้นไปอีกฉบับหนึ่งได้ ถ้าดำเนินการเสร็จพรรคก้าวไกล จะยื่นเพิ่มเติมเข้าไปอีกฉบับหนึ่ง

"รัฐธรรมนูญ 2560 เป็นรัฐธรรมนูญที่ปิดล็อกและเป็นวิกฤตในตัวมันเอง สถานการณ์ทางการเมืองที่ดำเนินมาถึงทุกวันนี้ ไม่มีเหตุผลอื่นแล้วที่จะไม่แก้ไขเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ ซึ่งจำเป็นจะต้องมีการตั้งส.ส.ร. บังเอิญว่าในร่างแก้ไขของพรรคเพื่อไทย มีการระบุไว้ว่า จะไม่มีการแก้ไขใน หมวดที่ 1-2 ด้วยเหตุจำเป็นและในสภาพปัจจุบัน รัฐธรรมนูญในหมวดที่ 1 ซึ่งเป็นหมวดทั่วไป ไม่ใช่ไม่เคยมีการแก้ไขเลย แต่มีการแก้ไขหลายครั้ง ทั้งปี 2540 และ ปี 2550 ข้อถกเถียงหนึ่งที่เคยพูดคุยกันคือ เช่น อำนาจอธิปไตยเป็นของ หรือมาจากประชาชนชาวไทย เราไม่อยากให้มีการปิดล็อกในหมวดดังกล่าวไว้ ส่วนหมวดที่ 2 เป็นหมวดที่ว่าด้วยพระมหากษัตริย์ มีการตั้งคำถามว่า ถ้าหากมีการแก้ไข เกรงว่า ส.ส.ร.จะนำข้อความแก้ไขเลยเถิดออกไป ตามกรอบที่เราไม่อาจกำหนดได้ ขอเรียนว่า ในหมวดพระมหากษัตริย์ ยังมีมาตรา 255 ที่ระบุไว้อยู่แล้วว่า รูปแบบการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะไม่สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงระบบการปกครองอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขได้ ขณะเดียวกันจะไม่สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงรูปแบบของรัฐได้ จริงๆ สิ่งเหล่านี้ถูกล็อกไว้แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นจะต้องไปเขียนเพิ่มเติม จะยกเว้นการแก้ไขเพิ่มเติม ในหมวดที่ 1 และ หมวดที่ 2" นายณัฐวุฒิ กล่าว

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้พูดในสภาฯ ถึงความจริงอันน่ากระอักกระอ่วนในสังคมไทย เราควรจะเปิดกว้าง ให้มีการพูดคุยเรื่องเหล่านี้อย่างมีวุฒิภาวะ ดังนั้นเมื่อมี ส.ส.ร.ขึ้นแล้ว ทุกๆ ความเห็นจะถูกนำเสนอเป็นระบบ เพื่อให้ ส.ส.ร.พิจารณา อย่างไรก็ตาม การแก้ไขรธน.ทั้งหมดเราไมได้เรียกร้องเฉพาะ ส.ส.ฝ่ายค้าน แต่เรียกร้องไปถึง ส.ส.รัฐบาลได้ร่วมลงชื่อร่างแก้ไขกับเราด้วยเช่นกัน

เมื่อถามว่า ในการแก้ไข หมวด 1 หมวด 2 จะมีนิยามข้อไหนที่พอจะจำกัดความได้ว่า จะไม่กระทบต่อระบบการปกครอง นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า อย่างที่ได้ระบุไว้ว่า ข้อความรายละเอียดใน มาตรา 255 มันไม่มีเรื่องของการให้นิยามเป็นอื่นไปได้ มันคือคำที่มีความหมายชัดเจนในตัว ส่วนแรกเรื่องรูปแบบของรัฐว่า รัฐไทยเป็นรัฐเดี่ยว ไม่อาจเปลี่ยนแปลงรูปแบบดังกล่าวได้ และไม่อาจตีความเป็นอื่นไปได้ ส่วนที่สอง ประเทศไทยมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และไม่สามารถเปลี่ยนแก้ไขคำสำคัญนี้ไปได้ อย่างไรก็ตามทั้งหมวด1 และ 2 ยังมีรายละเอียดอื่นๆ

นอกจากนั้น คิดว่า สังคมไทยต้องมีพื้นที่ที่ปลอดภัยให้มีการพูดคุยกันอย่างมีวุฒิภาวะและรับฟังกันอย่างเปิดกว้าง โดยเมื่อมี ส.ส.ร.ก็ให้ ส.ส.ร. รับข้อเสนอของทุกฝ่าย ซึ่งเชื่อว่าจะไม่มีการแตะในส่วนของ มาตรา 255 แต่แตะในส่วนที่สังคมไทยเรียกร้องและถกเถียงอย่างมีวุฒิภาวะ

เมื่อถามว่า 10 ข้อเรียกร้องของนักศึกษา ถ้าแก้ไขจะกระทบต่อการปกครองตาม มาตรา 255 หรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เรายืนยันว่า ต้องมีการเปิดพื้นที่ในการรับฟัง ตนต้องย้ำว่า 3 ข้อเรียกร้อง 2 จุดยืน 1 ความฝัน เป็นประเด็นหลักที่ประชาชนส่วนใหญ่ และนักศึกษาเห็นร่วมกันแล้ว ใน 10 ข้อดังกล่าว มีหลายข้อควรค่าแก่การพิจารณา เราจำเป็นต้องมีพื้นที่ที่ปลอดภัยจริงๆ ที่จะพูดคุยกันได้ และจำเป็นต้องมีกระบวนการการรับฟังที่เป็นระบบและต้องการความคิดเห็นที่หลากหลาย ท้ายที่สุดเมื่อมีการแก้ไขรธน. ระบบของประชาพิจารณ์ จะเป็นตัวที่เข้ามากำหนดอีกครั้ง

"สุดท้ายผลของการแก้ไขจะเป็นอย่างไร พรรคก้าวไกลมั่นใจว่า มาตรา 255 เป็นตัวกำหนดทิศทางเรื่องของ หมวดที่ 1 และ 2 อยู่แล้ว โดยที่เราไม่จำเป็นจะต้องพูดในรายละเอียดที่เป็นอื่นนอกเหนือจากนั้น ซึ่งภาพรวมยืนยันข้อเรียกร้อง 10 ข้อนี้ ไม่กระทบต่อการปกครองต่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และรัฐยังเป็นรัฐเดี่ยว ที่ไม่อาจแบ่งแยกได้ "นายณัฐวุฒิ กล่าว

เมื่อถามว่า การที่ให้แก้ไข หมวดที่ 1 และ หมวด 2 เป็นจุดที่ทำให้ไม่สามารถร่วมลงชื่อกับ พรรคร่วมฝ่ายค้านได้ ใช่หรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ประเด็นเหล่านี้ ยังคงถกเถียงกันในกรรมการบริหาร และส.ส.ของพรรค ท้ายที่สุดมีความเห็นร่วมกันว่า การคงข้อความดังกล่าวไว้ ไม่เป็นประโยชน์ในแง่การผลักดันร่าง การไม่มีข้อความดังกล่าว ก็ไม่ส่งผลต่อการผลักดันให้มี ส.ส.ร. นาทีนี้ คิดว่าประเด็นหลักคือ การผลักดันให้มีการแก้ไขรธน. ที่เปิดพื้นที่ได้จริง และมี ส.ส.รขึ้นมาร่างรัฐธรรมนูญได้จริง ถ้ายืดเวลาไปอีก ก็ไม่เป็นผลดีต่อวิกฤตการเมืองที่เกิดขึ้น

เมื่อถามอีกว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านอาจจะไม่ลงชื่อร่วมในการยื่นญัตติของพรรคของก้าวไกล เพราะเป็นคนละแนวทางกัน นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า อยู่ระหว่างการพูดคุย และพรรคร่วมฝ่ายค้าน ยังไม่มีมติที่ชัดเจนว่ามีลักษณะแบบนั้น ซึ่งในเรื่องการปิดสวิทซ์ ส.ว. ยืนยันว่า พรรคร่วมฝ่ายค้าน และส.ส.ฝ่ายค้านเกือบทั้งหมดเห็นด้วยกับเรา เพียงแต่ยังอยู่ในรายละเอียดของการอ่านข้อความเพื่อลงชื่อ ซึ่งการลงชื่อเป็นเอกสิทธิ์ของ ส.ส. แต่เชื่อว่าในนามของฝ่ายค้านที่ร่วมทำงานกันมาปีกว่า จะไปในทิศทางเดียวกัน ขณะนี้ญัตติที่จะร่วมเสนอในนามพรรคก้าวไกลนั้น ได้เสียงสนับสนุนเกินกว่าจำนวนส.ส.ของพรรคก้าวไกลไปแล้ว แต่ยังไม่ถึง 1 ใน 5 ของจำนวนส.ส.ในสภาหรือ 98 คน และอยู่ในระหว่างประสานงาน หลังจากนี้เชื่อว่าจะได้เสียงครบตามจำนวน


กำลังโหลดความคิดเห็น