"ฝั่งขวาเจ้าพระยา"
"โชกุน"
คณะรัฐมนตรีประยุทธ์ 2/2 เริ่มทำหน้าที่อย่างเป็นทางการแล้ว ภายหลังพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นำรัฐมนตรีใหม่ 6 รายเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณต่อ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 12 สิงหาคมที่ผ่านมา
รัฐมนตรีใหม่ 6 ราย ได้แก่ นายดอน ปรมัตถ์วินัย ซึ่งเป็นรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศอยู่แล้ว เป็นรองนายกรัฐมนตรีอีกตำแหน่งหนึ่ง นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายปรีดี ดาวฉาย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน
สองคนที่อยู่ในความสนใจมากที่สุดน่าจะเป็น สุพัฒนพงษ์ และปรีดี เพราะว่า ต้องรับศึกหนักในการแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจหลังไวรัสโควิด-19 ระลอกที่ 1 ในประเทศผ่านไป ท่ามกลางข้อจำกัดมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงบประมาณที่จำกัดจำเขี่ย จำเป็นต้องกู้ เพื่อนำเงินมาใช้จ่าย ซึ่งต้องระมัดระวังไม่ให้ฐานะการคลังของประเทศมีความเสี่ยง และคำนึงถึงภาระหนี้ในอนาคต การระบาดของไวรัสโควิดในต่างประเทศที่ยังไม่นิ่ง โดยเฉพาะจีน ที่แม้จะควบคุมการระบาดระลอกที่ 1 ได้แล้ว แต่ก็ยังปิดประเทศ
เศรษฐกิจไทยนั้น ต้องพึ่งกำลังซื้อจากต่างประเทศ คือ การส่งออก และการท่องเที่ยว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากจีน เมื่อกำลังซื้อนี้หายไป ไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อไร ก็จำเป็นต้องพึ่งกำลังซื้อหรือตลาดภายใน คือ การลงทุน และการบริโภคในประเทศ ผ่านการเยียวยา และกระตุ้นในรูปแบบต่างๆ ดังที่ผ่านมา และที่กำลังจะเกิดขึ้น
ทั้งคู่คือ สุพัฒนพงษ์ และปรีดี คือ คนที่พล.อ.ประยุทธ์ เลือกมาทำหน้าที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลังโควิดระลอก 1 เพราะต่างได้ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีมาระยะหนึ่งแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ คงได้รับรู้ รับฟัง วิธีคิด วิธีการในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจเฉพาะหน้า การเลือกทั้งสองคนมาทำหน้าที่แทน “ทีมสมคิด” แสดงว่า เห็นด้วยกับแนวทาง และเชื่อว่า จะทำได้
สุพัฒนพงษ์นั้น เป็นที่รู้จักกันว่า เป็นผู้บริหารระดับซีอีโอ กรรมการผู้จัดการ และกรรมการในเครือ ปตท.แต่ก่อนหน้าที่จะมาร่วมงานกับ ปตท.มีประสบการณ์ การบริหารงานในวงการการเงินมาแล้วพอตัว คนที่รู้จักบอกว่า เป็นคนเก่งมาก ในเรื่องการสร้างและขับเคลื่อนนโยบายมหภาค เขาได้รับมอบหมายให้ไปคุมกระทรวงพลังงาน เพราะว่า มีประสบการณ์ในเรื่องพลังงานจาก ปตท. แต่บทบาทสำคัญคือ การออกแบบ และขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจต่อจากนี้
สุพัฒนพงษ์เป็น 1 ในทีมที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ที่ประกอบด้วย ดิสทัต โหตระกิตย์ บุญทักษ์ หวังเจริญ ปิติ ตัณฑเกษม ไพรินทร์ ชูโชติถาวร เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ และตัวเขาเอง
ทั้ง 6 คนได้รับการแต่งตั้งเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2562 ก่อนหน้าวันเลือกตั้งทั่วไปเพียง 3 วัน นายกรัฐมนตรีมีที่ปรึกษามากมายหลายคน บางคนตั้งแล้วนายกฯ ไม่เคยใช้งาน แต่ทั้ง 6 คนเป็น “คณะที่ปรึกษา” ที่มีบทบาทสำคัญในการเสนอความเห็นหรือข้อเสนอแนะต่างๆ ตามที่นายกฯ มอบหมาย ถือเป็นกุนซือข้างกาย
หลายๆ คนได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่สำคัญ นอกเหนือจากเป็นคณะที่ปรึกษา เช่น ดิสทัต เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี บุญทักษ์ และไพรินทร์ ถูกส่งไปเป็นกรรมการ การบินไทย เพื่อช่วยฟื้นฟูกิจการร่วมกับ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีอีกคนหนึ่งที่ไม่ได้อยู่ในคณะนี้ แต่ไพรินทร์ขอลาออก เพราะมีคุณสมบัติต้องห้าม เป็นบอร์ดการบินไทย เศรษฐพุฒิ ถูกเลือกให้เป็นผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยคนใหม่ในเดือนตุลาคมนี้ ต่อจากวิรไท สันติประภพ ที่จะครบวาระ
สุพัฒนพงษ์ เป็นสายตรงไทยคู่ฟ้า รายล่าสุดที่ถูกส่งไปลงสนามจากเดิมที่ทำหน้าที่กุนซือข้างสนาม
ส่วนปรีดี โดยตำแหน่งประธานสมาคมธนาคารไทย จึงเป็นตัวแทนของภาคเอกชนในคณะที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ และคณะกรรมการหลายชุดที่รัฐบาลตั้งขึ้น ที่สำคัญคือ คณะกรรมการนโยบายเขตระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรืออีอีซี และคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
ปรีดี สละเงินเดือนล้านกว่าบาทในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการธนาคารกสิกรไทย มารับตำแหน่งรัฐมนตรีคลัง แม้ว่า ตลอดการทำงานเกือบ 40 ปีของเขา คือ การทำงานกับธนาคารกสิกรไทยที่เดียว แต่ประสบการณ์ของนายธนาคารภาคเอกชน เป็นความต้องการในสถานการณ์ที่จำเป็นต้องอัดฉีดเม็ดเงินลงไปให้ถึงธุรกิจเอสเอ็มอีผ่านซอฟต์โลน 5 แสนล้านบาทของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ปล่อยไปได้เพียง 1 แสนล้านบาท รวมทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่นๆ ให้บังเกิดผลที่เป็นรูปธรรม
ทั้งสุพัฒนพงษ์ และปรีดี เป็นนักบริหารมืออาชีพจากภาคเอกชนที่มีประสบการณ์จากการปฏิบัติโดยตรง เป็นภาพที่แตกต่างจากทีมสมคิด ซึ่งเป็นอาจารย์ นักวิชาการ สถานการณ์ใหม่จากการระบาดของไวรัสโควิด-19 จำเป็นต้องใช้นโยบาย วิธีการที่ได้ผลในระยะเวลาอันสั้น ก่อนที่เศรษฐกิจจะถลำลึกดิ่งเหวไปกว่านี้