ผู้จัดการรายวัน 360 - ครม.อนุมัติกู้เงินจากธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 4.8 หมื่นล้านบาท เพิ่มสภาพคล่องในตลาดการเงินรองรับผลกระทบโควิด-19 นายกฯ เผย ศบค.เตรียมพิจารณามาตรการผ่อนคลายให้นักธุรกิจเข้าไทย สัปดาห์หน้ารู้ผล พร้อมย้ำ “ทหารสหรัฐ-ญี่ปุ่น” ฝึกในไทยต้องเข้าควบคุมเข้ม กักตัว 14 วัน-swop Test 3 ครั้ง ศบค. เผย ประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่ม 1 ราย เดินทางกลับจากสหพันธรัฐรัสเซีย
น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบ ร่างสัญญาเงินกู้ในนามของรัฐบาลไทยจากธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) วงเงิน 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 48,000 ล้านบาท คำนวณจากอัตราแลกเปลี่ยน 32 บาท/ดอลลาร์ เพื่อนำไปใช้ในโครงการแผนงานตาม พ.ร.ก.เงินกู้ โดยมีกำหนดลงนามในสัญญาเงินกู้ในเดือน ส.ค.63
"หนี้รัฐบาล ในส่วนของสกุลเงินต่างประเทศยังอยู่ในระดับต่ำ กระทรวงการคลังสามารถบริหารความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนของเงินกู้สกุลเงินตราต่างประเทศให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมได้ และเห็นว่า จากนี้ไปสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจจะเป็นแหล่งเงินสำคัญให้แก่ภาคธุรกิจเอกชนไทย ในขณะที่มีเพดานในการกู้เงินสกุลต่างประเทศอยู่ จึงอยากให้โอกาสนี้กู้เงิน และเป็นแหล่งเงินกู้ที่ไม่ได้คิดดอกเบี้ยสูงแต่อย่างใด"
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังมองว่าในระยะต่อไป ตลาดการเงินในประเทศจะมีความผันผวนเพิ่มขึ้น ภาคเอกชนมีความต้องการสภาพคล่องเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับผลกระทบจากโควิด-19 และรัฐบาลยังจำเป็นต้องใช้งบประมาณเพื่อกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ
สำหรับสาระสำคัญของสัญญาเงินกู้ฉบับนี้ ผู้กู้คือกระทรวงการคลัง ขอกู้เงินจาก ADB วงเงินกู้ 1,500 ล้านดอลลาร์ อัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัว โดยอ้างอิงอัตราดอกเบี้ย LIBOR 6 เดือน ด้วยส่วนต่าง 0.5% ต่อปี ชำระดอกเบี้ยของวงเงินกู้คงค้างทุก 6 เดือน คือ 15 ก.พ. และ 15 ส.ค. กำหนดระยะเวลาเบิกจ่ายเงินกู้ให้แล้วเสร็จภายใน 30 มิ.ย.64
ส่วน การชำระคืนเงินต้นจะแบ่งเป็น 2 วงเงิน 1. วงเงิน 500 ล้านดอลลาร์ อายุเงินกู้ 10 ปี ระยะเวลาปลอดการชำระต้นเงินกู้ 3 ปี ทยอยชำระคืน 14 งวดๆ ละ 35.7 ล้านดอลลาร์ เริ่มชำระงวดแรก 15 ส.ค.66 และงวดสุดท้าย 15 ก.พ.73 และ 2. วงเงิน 1,000 ล้านดอลลาร์ อายุเงินกู้ 5 ปี ระยะเวลาปลอดการชำระต้นเงินกู้ 3 ปี ทยอยชำระคืน 4 งวด ๆ ละ 250 ล้านดอลลาร์ เริ่มชำระงวดแรก 15 ส.ค.66 และงวดสุดท้าย 15 ก.พ.68
อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากการกู้เงิน ADB แล้วจะทำให้สัดส่วนหนี้สาธารณะของไทยที่เป็นเงินตราต่างประเทศต่อหนี้สาธารณะทั้งหมด จะอยู่ที่ 2.46 ซึ่งไม่เกิน 10% ตามกรอบการบริหารหนี้สาธารณะ ที่คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐได้กำหนดไว้
นายกฯเผยศบค.เตรียมถก ผ่อนคลายนักธุรกิจเข้าไทย
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม แถลงภายหลังการประชุมครม. ว่า ที่ประชุม ได้หารือถึงมาตรการผ่อนคลายต่างๆเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ว่า จำเป็นจะต้องมีการผ่อนคลาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของนักธุรกิจที่จะต้องเข้ามา แต่ต้องมีมาตรการที่รัดกุม โดยศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 2019 หรือโควิด-19 (ศบค.) ต้องมีการหารือกัน ซึ่งสัปดาห์หน้าในที่ประชุม ศบค.คงจะรู้ผลเรื่องนี้
ส่วนกรณีมีทหารสหรัฐและญี่ปุ่น เข้ามาฝึกในประเทศไทยนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทาง ผบ.ทบ.ได้ชี้แจงแล้วว่าจะต้องนำเข้าสู่การกักตัว 14 วัน และจะต้องมีมาตรการต่างๆอย่างดีที่สุด โดยต้องมีการกักตัว 14 วัน ทำ swop Test 3 ครั้ง หากพบติดเชื้อ ต้องเข้าโรงพยาบาลทันที
พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)ในฐานะประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19 ) กล่าวว่า ในวันที่ 7 ส.ค.จะมีการหารือเรื่องการขอเปิดสถานศึกษาให้ครบ 100 % ในที่ประชุมศบค.โดยจะต้องรับฟังความเห็นจากกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อประกอบการพิจารณาด้วย
ด้าน ศบค. เปิดเผยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ ว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่ 1 ราย ซึ่งเป็นผู้ที่เดินทางมาจากสหพันธรัฐรัสเซีย และเข้า State Quarantine
สำหรับผู้ป่วยยืนยันสะสมล่าสุดอยู่ที่ 3,321 ราย เป็นผู้ป่วยในประเทศ 2,444 ราย และตรวจพบใน State Quarantine จำนวน 384 ราย จำนวนผู้ป่วยรักษาหายแล้วรวม 3,142 ราย และยังมีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 121 ราย ขณะที่ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม โดยยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 58 ราย
น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบ ร่างสัญญาเงินกู้ในนามของรัฐบาลไทยจากธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) วงเงิน 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 48,000 ล้านบาท คำนวณจากอัตราแลกเปลี่ยน 32 บาท/ดอลลาร์ เพื่อนำไปใช้ในโครงการแผนงานตาม พ.ร.ก.เงินกู้ โดยมีกำหนดลงนามในสัญญาเงินกู้ในเดือน ส.ค.63
"หนี้รัฐบาล ในส่วนของสกุลเงินต่างประเทศยังอยู่ในระดับต่ำ กระทรวงการคลังสามารถบริหารความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนของเงินกู้สกุลเงินตราต่างประเทศให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมได้ และเห็นว่า จากนี้ไปสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจจะเป็นแหล่งเงินสำคัญให้แก่ภาคธุรกิจเอกชนไทย ในขณะที่มีเพดานในการกู้เงินสกุลต่างประเทศอยู่ จึงอยากให้โอกาสนี้กู้เงิน และเป็นแหล่งเงินกู้ที่ไม่ได้คิดดอกเบี้ยสูงแต่อย่างใด"
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังมองว่าในระยะต่อไป ตลาดการเงินในประเทศจะมีความผันผวนเพิ่มขึ้น ภาคเอกชนมีความต้องการสภาพคล่องเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับผลกระทบจากโควิด-19 และรัฐบาลยังจำเป็นต้องใช้งบประมาณเพื่อกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ
สำหรับสาระสำคัญของสัญญาเงินกู้ฉบับนี้ ผู้กู้คือกระทรวงการคลัง ขอกู้เงินจาก ADB วงเงินกู้ 1,500 ล้านดอลลาร์ อัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัว โดยอ้างอิงอัตราดอกเบี้ย LIBOR 6 เดือน ด้วยส่วนต่าง 0.5% ต่อปี ชำระดอกเบี้ยของวงเงินกู้คงค้างทุก 6 เดือน คือ 15 ก.พ. และ 15 ส.ค. กำหนดระยะเวลาเบิกจ่ายเงินกู้ให้แล้วเสร็จภายใน 30 มิ.ย.64
ส่วน การชำระคืนเงินต้นจะแบ่งเป็น 2 วงเงิน 1. วงเงิน 500 ล้านดอลลาร์ อายุเงินกู้ 10 ปี ระยะเวลาปลอดการชำระต้นเงินกู้ 3 ปี ทยอยชำระคืน 14 งวดๆ ละ 35.7 ล้านดอลลาร์ เริ่มชำระงวดแรก 15 ส.ค.66 และงวดสุดท้าย 15 ก.พ.73 และ 2. วงเงิน 1,000 ล้านดอลลาร์ อายุเงินกู้ 5 ปี ระยะเวลาปลอดการชำระต้นเงินกู้ 3 ปี ทยอยชำระคืน 4 งวด ๆ ละ 250 ล้านดอลลาร์ เริ่มชำระงวดแรก 15 ส.ค.66 และงวดสุดท้าย 15 ก.พ.68
อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากการกู้เงิน ADB แล้วจะทำให้สัดส่วนหนี้สาธารณะของไทยที่เป็นเงินตราต่างประเทศต่อหนี้สาธารณะทั้งหมด จะอยู่ที่ 2.46 ซึ่งไม่เกิน 10% ตามกรอบการบริหารหนี้สาธารณะ ที่คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐได้กำหนดไว้
นายกฯเผยศบค.เตรียมถก ผ่อนคลายนักธุรกิจเข้าไทย
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม แถลงภายหลังการประชุมครม. ว่า ที่ประชุม ได้หารือถึงมาตรการผ่อนคลายต่างๆเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ว่า จำเป็นจะต้องมีการผ่อนคลาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของนักธุรกิจที่จะต้องเข้ามา แต่ต้องมีมาตรการที่รัดกุม โดยศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 2019 หรือโควิด-19 (ศบค.) ต้องมีการหารือกัน ซึ่งสัปดาห์หน้าในที่ประชุม ศบค.คงจะรู้ผลเรื่องนี้
ส่วนกรณีมีทหารสหรัฐและญี่ปุ่น เข้ามาฝึกในประเทศไทยนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทาง ผบ.ทบ.ได้ชี้แจงแล้วว่าจะต้องนำเข้าสู่การกักตัว 14 วัน และจะต้องมีมาตรการต่างๆอย่างดีที่สุด โดยต้องมีการกักตัว 14 วัน ทำ swop Test 3 ครั้ง หากพบติดเชื้อ ต้องเข้าโรงพยาบาลทันที
พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)ในฐานะประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19 ) กล่าวว่า ในวันที่ 7 ส.ค.จะมีการหารือเรื่องการขอเปิดสถานศึกษาให้ครบ 100 % ในที่ประชุมศบค.โดยจะต้องรับฟังความเห็นจากกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อประกอบการพิจารณาด้วย
ด้าน ศบค. เปิดเผยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ ว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่ 1 ราย ซึ่งเป็นผู้ที่เดินทางมาจากสหพันธรัฐรัสเซีย และเข้า State Quarantine
สำหรับผู้ป่วยยืนยันสะสมล่าสุดอยู่ที่ 3,321 ราย เป็นผู้ป่วยในประเทศ 2,444 ราย และตรวจพบใน State Quarantine จำนวน 384 ราย จำนวนผู้ป่วยรักษาหายแล้วรวม 3,142 ราย และยังมีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 121 ราย ขณะที่ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม โดยยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 58 ราย