ผู้จัดการรายวัน360-“บิ๊กตู่” รับคาใจ เล็งให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายกรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญา ถกใช้อำนาจนายกฯ รื้อคดี “บอส กระทิงแดง” ด้าน “วิชา” ลั่นไม่เคยบอกคดีสิ้นสุดแล้ว เผยสั่งตั้งคณะทำงาน 4 ชุดช่วยสางคดี เรียกทุกสำนวนมาดูหมด ตั้งแต่สน.ทองหล่อ อัยการ กมธ.กฎหมาย สนช. พร้อมเปิดช่องรับข้อมูลจากประชาชน อัยการนัดแถลงผลตรวจสอบข้อเท็จจริงไม่ฟ้องถูกต้องตามข้อกฎหมายหรือไม่วันนี้ แย้มพบช่องฟ้องคดีใหม่ “ความเร็วรถ-โคเคน” ตำรวจเตรียมเรียก “เพิ่มพูน” น้องชาย “เนวิน” สอบปมไม่แย้งอัยการ “ศรีสุวรรณ”บุกป.ป.ช. ยื่นสอบตำรวจ-อัยการละเว้น ด้าน 3 กมธ.สภาฯ และวุฒิสภาร่วมสางคดี
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เปิดเผยถึงการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายกรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ที่มีนายวิชา มหาคุณ เป็นประธาน และได้มีการประชุมครั้งแรก วานนี้ (3 ส.ค.) ว่า ไม่มีอะไร ตนคงไม่ไปก้าวล่วง เพราะตนอยู่อำนาจบริหาร ชุดนี้เป็นคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ถ้าเสนออะไรมาที่ตน หากอยู่ในกรอบที่ตนทำได้ ก็จะทำ ซึ่งต้องดูต่อว่าทำไมจึงมีฝ่ายกฎหมาย ฝ่ายปฏิรูปกฎหมายเข้ามาด้วย ต้องดูว่าขั้นตอนเป็นอย่างไร ขั้นตอนทำให้เกิดปัญหาหรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า นักวิชาการเสนอให้นายกฯ ใช้อำนาจรื้อคดี จะทำได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวยอมรับว่า กำลังให้เขาศึกษาอยู่ กรรมการดูอยู่ว่าตนสามารถรื้อได้หรือไม่ วันนี้อยู่ในขั้นตอนการทำให้เกิดข้อเท็จจริงว่าอยู่ในขั้นตอนไหน และดูว่าใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ อำนาจมันคนละอำนาจกัน
เมื่อถามว่าการที่นายกฯ สั่งอายัดศพนายจารุชาติ มาดทอง แสดงว่าเห็นว่าการตายมีความผิดปกติใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ใช่ แต่ตนฟังมาจากสื่อ สังคม ประชาชน ที่ให้ความสงสัย ตนจึงต้องทำให้เกิดความชัดเจนเท่านั้นเอง และในฐานะที่ตนมีอำนาจควบคุมตำรวจ ตนก็สั่งตำรวจไปว่าทำได้หรือไม่ ต้องไปคุยกับญาติเขาว่าตกลงหรือไม่ เลื่อนวันเผาไปวันหน้าได้หรือไม่ เพื่อที่จะทำการผ่าศพพิสูจน์ ดูว่ามีหลักฐานอะไรหรือไม่ ถ้าไม่มีก็จบตรงนั้นไป คือ ต้องลดปัญหาต่างๆ ที่พูดกันลงมาให้ได้ด้วยข้อเท็จจริง
เมื่อถามว่า คดีนี้เข้าสู่การพิจารณาเป็นคดีพิเศษได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เดี๋ยวเขาคงพิจารณา กรรมการก็ต้องว่ามา
เมื่อถามว่า จากกรณีที่มีข่าว นายกฯ ได้ติดตามมาตลอดและเห็นว่ามีข้อพิรุธเช่นกันใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวยอมรับว่า ได้ติดตามข่าวนี้มาตลอด แต่ตนไม่ได้ตัดสินใจ มันอยู่ในใจอยู่ และยังพูดอะไรไม่ได้ เพราะมันเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรม
“วิชา”ลั่นคดียังไม่สิ้นสุด
ที่ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นายวิชา มหาคุณ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายกรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่อยู่ในความสนใจของประชาชน กล่าวก่อนการประชุมนัดแรกกรณีมีการเสนอให้รื้อคดีนายวรยุทธ ว่า ใช่ มีหลายฝ่ายเสนอ และขอบอกว่าคณะกรรมการชุดนี้ ยังไม่ได้พูดเลยว่าคดีสิ้นสุดแล้ว ยังไม่มีการพูดอย่างนั้น ส่วนการให้รื้อคดี นายกฯ สั่งไม่ได้อยู่แล้ว จะไปสั่งอัยการได้อย่างไร แต่นายกฯ สามารถมีข้อเสนอแนะได้
นายมุนินทร์ พงศาปาน คณบดีคณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ กล่าวว่า คณะกรรมการฯ ไม่ใช่ศาล ไม่สามารถจะชี้ได้ 100% แต่อย่างน้อยน่าจะประเมินได้ว่าข้อสงสัยมันมีมูลหรือไม่ เพื่อเปิดทางให้มีการสอบสวนอย่างจริงจังต่อไป
สั่งตั้งคณะทำงาน 4 ชุดร่วมสางคดี
นายวิชากล่าวภายหลังการประชุม ว่า ได้ตั้งคณะทำงาน 4 ชุด ได้แก่ 1.คณะทำงานตรวจสอบอัยการ มีนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นประธาน เพราะเป็นประธานคณะกรรมการปฏิรูปด้านกฎหมาย 2.คณะทำงานการตรวจสอบตำรวจ มีนายเข็มชัย ชุติวงศ์ เป็นประธาน เพราะเป็นประธานคณะกรรมการปฏิรูปด้านกระบวนการยุติธรรม 3.คณะทำงานตรวจสอบบุคคลทั่วไป มีนายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นประธาน โดยคณะทำงานชุดนี้จะต้องตรวจสอบพยาน บุคคลที่เกี่ยวข้อง กรรมาธิการ ทนายความ ซึ่งเป็นคนที่ไม่ใช่ตำรวจและอัยการ โดยผู้แทนของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) จะอยู่ในคณะนี้ ทำหน้าที่ตรวจสอบเส้นทางทางการเงิน และ 4.คณะทำงานตรวจสอบด้านกฎหมาย มีนายปกรณ์ นิลประพันธุ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เป็นประธาน
ทั้งนี้ คณะทำงานแต่ละชุดจะทำงานคู่ขนานกันไปกับคณะกรรมการชุดใหญ่ที่จะประชุมกันสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เนื่องจากมีความเร่งรัดอย่างมาก เพื่อให้เสร็จสิ้นภายใน 30 วัน โดยคณะทำงาน มีหน้าที่รวบรวมเอกสารต่างๆ ทั้งจากตำรวจ สน.ทองหล่อ เอกสารของ กมธ.กฎหมาย สนช. สำนวนของอัยการ และประเด็นการเสียชีวิตของนายจารุชาติ หรืออะไรที่เป็นข้อสงสัยจะต้องเอามาให้หมด รวมทั้งเปิดโอกาสให้ประชาชนได้แจ้งข้อมูล ข้อคิดเห็น ส่งเอกสารหลักฐานได้ด้วย หรือคนที่มีความคับข้องใจ ซึ่งมีทั้งอัยการและตำรวจที่อยากจะให้ข้อมูล ก็สามารถส่งเข้ามาได้
เมื่อถามว่า นายกฯ มีอำนาจที่จะสั่งให้ตำรวจไปทบทวนความเห็นที่ไม่คัดค้านกรณีอัยการไม่สั่งฟ้องได้หรือไม่ นายวิชากล่าวว่า คณะกรรมการชุดนี้ต้องดูว่าหากเสนอแล้วต้องเป็นไปได้ คือ ถ้าเสนอแล้ว ยังกั๊กอยู่ ติดอยู่ ก็ไม่เอา ย้ำว่าเสนอแล้วต้องเป็นไปได้ สิ่งที่เราเสนอจะต้องเป็นความแน่นอน จะต้องปรึกษากันอีกที
“อัยการ”นัดแถลงผลสอบวันนี้
นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ในฐานะผู้ช่วยเลขานุการคณะทำงานตรวจสอบการสั่งไม่ฟ้องคดีนายวรยุทธ กล่าวว่า คณะทำงานกำลังประชุมกันอยู่ น่าจะเป็นการสรุปภาพรวมทั้งหมด และจะนำผลของการพิจารณาเสนออัยการสูงสุด โดยวันนี้ (4 ส.ค.) เวลา 10.00 น. ที่ห้องประชุม 120 ปี ชั้น 1 คณะทำงานจะแถลงผลการตรวจสอบในนามของสำนักงานอัยการสูงสุด โดยกำลังเร่งสรุปนำเรียนให้พี่น้องสื่อมวลชนและประชาชนทราบทั้งหมด กำลังเร่งให้ทัน ต้องทำให้เสร็จสมบูรณ์ก่อนมีการแถลงวันนี้
รายงานข่าวจากสำนักข่าวอิศรา อ้างแหล่งข่าวจากสำนักงานอัยการสูงสุด ระบุว่า พยานหลักฐานใหม่ อาจจะมีอยู่ 2 ประเด็น คือ ความเร็วของรถ และเรื่องยาเสพติดหรือโคเคน ถ้าอัยการสูงสุดเห็นชอบด้วย ก็อาจจะมีการตั้งคณะทำงานคณะพิเศษ หรือให้คณะกรรมการตรวจสอบการพิจารณาคดีชุดนี้ ทำหน้าที่ในการพิจารณาคดี และสั่งให้พนักงานสอบสวน ไปสอบตามประเด็นที่คิดว่าเป็นพยานหลักฐานใหม่ดังกล่าวตั้งแต่ต้น และนำมาใช้ฟ้องร้องคดี แต่แม้จะสั่งฟ้องได้ ถ้าไม่สามารถติดตามตัวนายวรยุทธ ก็ไม่สามารถที่จะนำตัวผู้ต้องหาขึ้นศาลเพื่อพิจารณาคดีได้ ขณะที่คดีนี้ มีอายุความเหลืออยู่อีก 7 ปี
“บิ๊กป้อม”ชี้รื้อคดีเป็นเรื่องไกลเกินไป
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการรื้อคดีขึ้นมาใหม่ว่า จะต้องไปดูว่าผลการหารือของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายเป็นอย่างไร การพูดรื้อคดีในเวลานี้ มองว่าไกลเกินไป
“วิษณุ”ไม่รู้นายกฯ มีอำนาจสั่งรื้อคดี
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอให้ไปถามนายปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำภาควิชานิติศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ออกมาให้ความเห็นว่านายกฯ มีอำนาจสั่งทบทวนรื้อคดี เพราะไม่ทราบว่านายกฯ จะมีอำนาจในการสั่งรื้อคดีได้หรือไม่ ขอให้รอการตรวจสอบของคณะกรรมการชุดของนายวิชา ที่จะเป็นผู้ชี้แนะแนวทาง
เตรียมเรียกน้องชาย “เนวิน”สอบ
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะรองประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการทำสำนวนคดีนายบอส กล่าวว่า ได้เรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสำนักงานกฎหมายและคดี ที่เป็นผู้รับสำนวนมากจากพนักงานอัยการ เข้ามาให้ข้อมูลว่ารับเอกสารมาแล้ว มีขั้นตอนดำเนินการอย่างไร และพิจารณาเรื่องผลการตรวจเลือด รวมทั้งมีการแบ่งเจ้าหน้าที่ไปสอบผู้เชี่ยวชาญเรื่องยาอะม็อกซีซิลลิน และภายในสัปดาห์นี้ จะเรียก พล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ ผู้ช่วย ผบ.ตร. เข้ามาให้ข้อมูลกรณีการใช้ดุลพินิจไม่เห็นแย้งอัยการ
"ต้องขอเวลาในการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพราะไม่ได้ตรวจสอบจากสำนวน แต่เป็นเรื่องการสืบสวนสอบสวน ต้องไปไล่ตามหาความจริง เราพยายามจะให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน ไม่ให้เกิดความสับสน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องยา หมอฟัน จริงๆ มันไม่ใช่แบบนั้น ซึ่งตนต้องเคลียร์ประเด็นนี้ด้วย"
อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงชุดนี้ ไม่ใช่เสือกระดาษ ที่ไม่สามารถนำคนผิดมาลงโทษได้ แต่ต้องขอให้อดใจรอ เพราะเป็นการตรวจสอบย้อนหลังไปถึง 8 ปี เพื่อแสวงหาผู้บกพร่องในการทำหน้าที่ และหากพบว่าใครที่บกพร่องต่อหน้าที่ ก็จะเสนอ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พิจารณาลงโทษแน่นอน
ยื่นป.ป.ช.สอบตำรวจ-อัยการละเว้น
ที่สำนักงาน ป.ป.ช. นนทบุรี นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางมายื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช. เพื่อขอให้ไต่สวนและวินิจฉัยว่าการที่ตำรวจดำเนินการสืบสวนสอบสวนคดีในลักษณะมีพิรุธ และอัยการมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องคดี กรณีนายวรยุทธ ขับขี่รถโดยประมาท ทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ถือว่าเป็นการกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตาม พรป.ป.ป.ช.2561 ประกอบพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ 2547 ม.78 (9) และ พ.ร.บ.องค์กรอัยการและพนักงานอัยการ 2553 ม.19 วรรคสอง ประกอบ ม.21 หรือไม่ เพราะมีประเด็นที่เป็นข้อขัดแย้งและข้อสงสัยของสังคม เช่น ความเร็วรถ การตรวจพบสารเสพติดในร่างกาย และกรณีใช้โคเคนรักษาฟัน
กมธ.สภาฯ ร่วมมือสางคดี "บอส"
นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้จัดประชุมพิจารณาเรื่องซ้ำซ้อนกรณีอัยการสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ โดยเชิญประธาน กมธ. 3 ชุด ที่พิจารณาเรื่องเดียวกัน คือ นายสิระ เจนจาคะ ประธาน กมธ.กฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ประธาน กมธ.กิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และนายนิโรธ สุทรเลขา ประธานกมธ.ตำรวจ เพื่อร่วมกันคลายข้อสงสัยในคดี
“กมธ.เหลื่อมล้ำตามติดคดี
นายคำนูณ สิทธิสมาน รองประธานกรรมาธิการ (กมธ.) แก้ปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำ วุฒิสภา กล่าวว่า คณะกรรมาธิการฯ ได้ประชุมร่วมกับตัวแทนจากคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา โดยหยิกยกคดีขับรถชนคนตายของนายวรยุทธ มาพิจารณา หลังจากที่อัยการสั่งไม่ฟ้อง ทำให้กระบวนการยุติธรรมขาดความน่าเชื่อถือ โดยเรื่องนี้ เกี่ยวข้องกับกรรมาธิการฯ ชุดนี้ เพราะเป็นความเหลื่อมล้ำทางกระบวนการยุติธรรม ซึ่งประชาชนมองว่ากระบวนการยุติธรรมสองมาตรฐาน จึงนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุม และเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง ซึ่งเป็นไปตามข้อบังคับการประชุมวุฒิสภาว่าด้วยอำนาจของกรรมาธิการ ส่วนเมื่อพิจารณาแล้วเสร็จแล้ว จะดำเนินการอย่างไรต่อไป ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการกิจการวุฒิสภา หรือวิปวุฒิสภา ที่จะประชุมในวันพุธที่ 5 ส.ค. เพื่อดำเนินการขั้นต่อไป
ทนายบอสพร้อมเข้าชี้แจง กมธ.
นายสมัคร เชาวภานันท์ ทนายความประจำครอบครัวนายเฉลิม อยู่วิทยา บิดานายวรยุทธ ได้เปิดเผยต่อสื่อครั้งแรก ว่า ยังไม่ได้รับหนังสือจากคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ของสภาผู้แทนราษฎรหลายคณะที่เรียกเข้าชี้แจง และช่วงนี้ อยู่ระหว่างพักฟื้นหลังจากผ่าตัดสมอง วันที่ 5 ส.ค. มีนัดเข้าพบหมอเพื่อติดตามการรักษา หากจะให้เข้าชี้แจง จะไปไม่ได้ แต่ก็พร้อมเข้าชี้แจง และไม่หนักใจ
ทั้งนี้ นายสมัคร ได้ชี้แจงถึงกรณียื่นเรื่องขอความเป็นธรรมให้นายวรยุทธ กับกมธ.กฎหมาย การยุติธรรมและกิจการตำรวจ สนช. ตนรับทราบ และได้ให้คำปรึกษา และไม่ได้คาดหวังให้มีผลเปลี่ยนแปลงคดี ส่วนพยาน 2 ราย มีมาตั้งแต่ต้น ไม่ได้นำเข้ามาภายหลัง ที่มาให้ปากคำห่างกัน เพราะไม่สามารถตามตัวได้ พร้อมระบุว่า นายจารุชาติ มาดทอง พยานที่ขับรถกระบะ ให้การว่าขับแซงรถเฟอร์รารี่ของนายวรยุทธ ใช้ความเร็ว 80 กม.ต่อชั่วโมง ส่วนรถจักรยานยนต์ของ ด.ต.วิเชียร เปลี่ยนช่องจราจรกะทันหัน และกรณีพล.อ.ท.จักรกฤช ถนอมกุลบุตร อดีตนายทหาร ทราบภายหลังว่าเป็นผู้เห็นเหตุการณ์ จึงร้องขอให้มาเป็นพยานให้
อย่างไรก็ตาม ทราบว่า ประเด็นที่เกิดขึ้น ทางครอบครัวเตรียมทำแถลงการณ์เพื่อชี้แจงรายละเอียดกับสังคม ส่วนจะเป็นเมื่อใดนั้นขอให้ติดตามอีกครั้ง
เมื่อถามถึงกรณีที่เกิดขึ้น หากมั่นใจว่าไม่ใช่กระทำโดยเจตนา ทำไมนายวรยุทธถึงหนี นายสมัคร ปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลและออกความเห็น
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เปิดเผยถึงการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายกรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ที่มีนายวิชา มหาคุณ เป็นประธาน และได้มีการประชุมครั้งแรก วานนี้ (3 ส.ค.) ว่า ไม่มีอะไร ตนคงไม่ไปก้าวล่วง เพราะตนอยู่อำนาจบริหาร ชุดนี้เป็นคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ถ้าเสนออะไรมาที่ตน หากอยู่ในกรอบที่ตนทำได้ ก็จะทำ ซึ่งต้องดูต่อว่าทำไมจึงมีฝ่ายกฎหมาย ฝ่ายปฏิรูปกฎหมายเข้ามาด้วย ต้องดูว่าขั้นตอนเป็นอย่างไร ขั้นตอนทำให้เกิดปัญหาหรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า นักวิชาการเสนอให้นายกฯ ใช้อำนาจรื้อคดี จะทำได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวยอมรับว่า กำลังให้เขาศึกษาอยู่ กรรมการดูอยู่ว่าตนสามารถรื้อได้หรือไม่ วันนี้อยู่ในขั้นตอนการทำให้เกิดข้อเท็จจริงว่าอยู่ในขั้นตอนไหน และดูว่าใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ อำนาจมันคนละอำนาจกัน
เมื่อถามว่าการที่นายกฯ สั่งอายัดศพนายจารุชาติ มาดทอง แสดงว่าเห็นว่าการตายมีความผิดปกติใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ใช่ แต่ตนฟังมาจากสื่อ สังคม ประชาชน ที่ให้ความสงสัย ตนจึงต้องทำให้เกิดความชัดเจนเท่านั้นเอง และในฐานะที่ตนมีอำนาจควบคุมตำรวจ ตนก็สั่งตำรวจไปว่าทำได้หรือไม่ ต้องไปคุยกับญาติเขาว่าตกลงหรือไม่ เลื่อนวันเผาไปวันหน้าได้หรือไม่ เพื่อที่จะทำการผ่าศพพิสูจน์ ดูว่ามีหลักฐานอะไรหรือไม่ ถ้าไม่มีก็จบตรงนั้นไป คือ ต้องลดปัญหาต่างๆ ที่พูดกันลงมาให้ได้ด้วยข้อเท็จจริง
เมื่อถามว่า คดีนี้เข้าสู่การพิจารณาเป็นคดีพิเศษได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เดี๋ยวเขาคงพิจารณา กรรมการก็ต้องว่ามา
เมื่อถามว่า จากกรณีที่มีข่าว นายกฯ ได้ติดตามมาตลอดและเห็นว่ามีข้อพิรุธเช่นกันใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวยอมรับว่า ได้ติดตามข่าวนี้มาตลอด แต่ตนไม่ได้ตัดสินใจ มันอยู่ในใจอยู่ และยังพูดอะไรไม่ได้ เพราะมันเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรม
“วิชา”ลั่นคดียังไม่สิ้นสุด
ที่ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นายวิชา มหาคุณ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายกรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่อยู่ในความสนใจของประชาชน กล่าวก่อนการประชุมนัดแรกกรณีมีการเสนอให้รื้อคดีนายวรยุทธ ว่า ใช่ มีหลายฝ่ายเสนอ และขอบอกว่าคณะกรรมการชุดนี้ ยังไม่ได้พูดเลยว่าคดีสิ้นสุดแล้ว ยังไม่มีการพูดอย่างนั้น ส่วนการให้รื้อคดี นายกฯ สั่งไม่ได้อยู่แล้ว จะไปสั่งอัยการได้อย่างไร แต่นายกฯ สามารถมีข้อเสนอแนะได้
นายมุนินทร์ พงศาปาน คณบดีคณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ กล่าวว่า คณะกรรมการฯ ไม่ใช่ศาล ไม่สามารถจะชี้ได้ 100% แต่อย่างน้อยน่าจะประเมินได้ว่าข้อสงสัยมันมีมูลหรือไม่ เพื่อเปิดทางให้มีการสอบสวนอย่างจริงจังต่อไป
สั่งตั้งคณะทำงาน 4 ชุดร่วมสางคดี
นายวิชากล่าวภายหลังการประชุม ว่า ได้ตั้งคณะทำงาน 4 ชุด ได้แก่ 1.คณะทำงานตรวจสอบอัยการ มีนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นประธาน เพราะเป็นประธานคณะกรรมการปฏิรูปด้านกฎหมาย 2.คณะทำงานการตรวจสอบตำรวจ มีนายเข็มชัย ชุติวงศ์ เป็นประธาน เพราะเป็นประธานคณะกรรมการปฏิรูปด้านกระบวนการยุติธรรม 3.คณะทำงานตรวจสอบบุคคลทั่วไป มีนายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นประธาน โดยคณะทำงานชุดนี้จะต้องตรวจสอบพยาน บุคคลที่เกี่ยวข้อง กรรมาธิการ ทนายความ ซึ่งเป็นคนที่ไม่ใช่ตำรวจและอัยการ โดยผู้แทนของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) จะอยู่ในคณะนี้ ทำหน้าที่ตรวจสอบเส้นทางทางการเงิน และ 4.คณะทำงานตรวจสอบด้านกฎหมาย มีนายปกรณ์ นิลประพันธุ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เป็นประธาน
ทั้งนี้ คณะทำงานแต่ละชุดจะทำงานคู่ขนานกันไปกับคณะกรรมการชุดใหญ่ที่จะประชุมกันสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เนื่องจากมีความเร่งรัดอย่างมาก เพื่อให้เสร็จสิ้นภายใน 30 วัน โดยคณะทำงาน มีหน้าที่รวบรวมเอกสารต่างๆ ทั้งจากตำรวจ สน.ทองหล่อ เอกสารของ กมธ.กฎหมาย สนช. สำนวนของอัยการ และประเด็นการเสียชีวิตของนายจารุชาติ หรืออะไรที่เป็นข้อสงสัยจะต้องเอามาให้หมด รวมทั้งเปิดโอกาสให้ประชาชนได้แจ้งข้อมูล ข้อคิดเห็น ส่งเอกสารหลักฐานได้ด้วย หรือคนที่มีความคับข้องใจ ซึ่งมีทั้งอัยการและตำรวจที่อยากจะให้ข้อมูล ก็สามารถส่งเข้ามาได้
เมื่อถามว่า นายกฯ มีอำนาจที่จะสั่งให้ตำรวจไปทบทวนความเห็นที่ไม่คัดค้านกรณีอัยการไม่สั่งฟ้องได้หรือไม่ นายวิชากล่าวว่า คณะกรรมการชุดนี้ต้องดูว่าหากเสนอแล้วต้องเป็นไปได้ คือ ถ้าเสนอแล้ว ยังกั๊กอยู่ ติดอยู่ ก็ไม่เอา ย้ำว่าเสนอแล้วต้องเป็นไปได้ สิ่งที่เราเสนอจะต้องเป็นความแน่นอน จะต้องปรึกษากันอีกที
“อัยการ”นัดแถลงผลสอบวันนี้
นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ในฐานะผู้ช่วยเลขานุการคณะทำงานตรวจสอบการสั่งไม่ฟ้องคดีนายวรยุทธ กล่าวว่า คณะทำงานกำลังประชุมกันอยู่ น่าจะเป็นการสรุปภาพรวมทั้งหมด และจะนำผลของการพิจารณาเสนออัยการสูงสุด โดยวันนี้ (4 ส.ค.) เวลา 10.00 น. ที่ห้องประชุม 120 ปี ชั้น 1 คณะทำงานจะแถลงผลการตรวจสอบในนามของสำนักงานอัยการสูงสุด โดยกำลังเร่งสรุปนำเรียนให้พี่น้องสื่อมวลชนและประชาชนทราบทั้งหมด กำลังเร่งให้ทัน ต้องทำให้เสร็จสมบูรณ์ก่อนมีการแถลงวันนี้
รายงานข่าวจากสำนักข่าวอิศรา อ้างแหล่งข่าวจากสำนักงานอัยการสูงสุด ระบุว่า พยานหลักฐานใหม่ อาจจะมีอยู่ 2 ประเด็น คือ ความเร็วของรถ และเรื่องยาเสพติดหรือโคเคน ถ้าอัยการสูงสุดเห็นชอบด้วย ก็อาจจะมีการตั้งคณะทำงานคณะพิเศษ หรือให้คณะกรรมการตรวจสอบการพิจารณาคดีชุดนี้ ทำหน้าที่ในการพิจารณาคดี และสั่งให้พนักงานสอบสวน ไปสอบตามประเด็นที่คิดว่าเป็นพยานหลักฐานใหม่ดังกล่าวตั้งแต่ต้น และนำมาใช้ฟ้องร้องคดี แต่แม้จะสั่งฟ้องได้ ถ้าไม่สามารถติดตามตัวนายวรยุทธ ก็ไม่สามารถที่จะนำตัวผู้ต้องหาขึ้นศาลเพื่อพิจารณาคดีได้ ขณะที่คดีนี้ มีอายุความเหลืออยู่อีก 7 ปี
“บิ๊กป้อม”ชี้รื้อคดีเป็นเรื่องไกลเกินไป
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการรื้อคดีขึ้นมาใหม่ว่า จะต้องไปดูว่าผลการหารือของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายเป็นอย่างไร การพูดรื้อคดีในเวลานี้ มองว่าไกลเกินไป
“วิษณุ”ไม่รู้นายกฯ มีอำนาจสั่งรื้อคดี
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอให้ไปถามนายปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำภาควิชานิติศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ออกมาให้ความเห็นว่านายกฯ มีอำนาจสั่งทบทวนรื้อคดี เพราะไม่ทราบว่านายกฯ จะมีอำนาจในการสั่งรื้อคดีได้หรือไม่ ขอให้รอการตรวจสอบของคณะกรรมการชุดของนายวิชา ที่จะเป็นผู้ชี้แนะแนวทาง
เตรียมเรียกน้องชาย “เนวิน”สอบ
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะรองประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการทำสำนวนคดีนายบอส กล่าวว่า ได้เรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสำนักงานกฎหมายและคดี ที่เป็นผู้รับสำนวนมากจากพนักงานอัยการ เข้ามาให้ข้อมูลว่ารับเอกสารมาแล้ว มีขั้นตอนดำเนินการอย่างไร และพิจารณาเรื่องผลการตรวจเลือด รวมทั้งมีการแบ่งเจ้าหน้าที่ไปสอบผู้เชี่ยวชาญเรื่องยาอะม็อกซีซิลลิน และภายในสัปดาห์นี้ จะเรียก พล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ ผู้ช่วย ผบ.ตร. เข้ามาให้ข้อมูลกรณีการใช้ดุลพินิจไม่เห็นแย้งอัยการ
"ต้องขอเวลาในการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพราะไม่ได้ตรวจสอบจากสำนวน แต่เป็นเรื่องการสืบสวนสอบสวน ต้องไปไล่ตามหาความจริง เราพยายามจะให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน ไม่ให้เกิดความสับสน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องยา หมอฟัน จริงๆ มันไม่ใช่แบบนั้น ซึ่งตนต้องเคลียร์ประเด็นนี้ด้วย"
อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงชุดนี้ ไม่ใช่เสือกระดาษ ที่ไม่สามารถนำคนผิดมาลงโทษได้ แต่ต้องขอให้อดใจรอ เพราะเป็นการตรวจสอบย้อนหลังไปถึง 8 ปี เพื่อแสวงหาผู้บกพร่องในการทำหน้าที่ และหากพบว่าใครที่บกพร่องต่อหน้าที่ ก็จะเสนอ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พิจารณาลงโทษแน่นอน
ยื่นป.ป.ช.สอบตำรวจ-อัยการละเว้น
ที่สำนักงาน ป.ป.ช. นนทบุรี นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางมายื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช. เพื่อขอให้ไต่สวนและวินิจฉัยว่าการที่ตำรวจดำเนินการสืบสวนสอบสวนคดีในลักษณะมีพิรุธ และอัยการมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องคดี กรณีนายวรยุทธ ขับขี่รถโดยประมาท ทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ถือว่าเป็นการกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตาม พรป.ป.ป.ช.2561 ประกอบพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ 2547 ม.78 (9) และ พ.ร.บ.องค์กรอัยการและพนักงานอัยการ 2553 ม.19 วรรคสอง ประกอบ ม.21 หรือไม่ เพราะมีประเด็นที่เป็นข้อขัดแย้งและข้อสงสัยของสังคม เช่น ความเร็วรถ การตรวจพบสารเสพติดในร่างกาย และกรณีใช้โคเคนรักษาฟัน
กมธ.สภาฯ ร่วมมือสางคดี "บอส"
นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้จัดประชุมพิจารณาเรื่องซ้ำซ้อนกรณีอัยการสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ โดยเชิญประธาน กมธ. 3 ชุด ที่พิจารณาเรื่องเดียวกัน คือ นายสิระ เจนจาคะ ประธาน กมธ.กฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ประธาน กมธ.กิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และนายนิโรธ สุทรเลขา ประธานกมธ.ตำรวจ เพื่อร่วมกันคลายข้อสงสัยในคดี
“กมธ.เหลื่อมล้ำตามติดคดี
นายคำนูณ สิทธิสมาน รองประธานกรรมาธิการ (กมธ.) แก้ปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำ วุฒิสภา กล่าวว่า คณะกรรมาธิการฯ ได้ประชุมร่วมกับตัวแทนจากคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา โดยหยิกยกคดีขับรถชนคนตายของนายวรยุทธ มาพิจารณา หลังจากที่อัยการสั่งไม่ฟ้อง ทำให้กระบวนการยุติธรรมขาดความน่าเชื่อถือ โดยเรื่องนี้ เกี่ยวข้องกับกรรมาธิการฯ ชุดนี้ เพราะเป็นความเหลื่อมล้ำทางกระบวนการยุติธรรม ซึ่งประชาชนมองว่ากระบวนการยุติธรรมสองมาตรฐาน จึงนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุม และเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง ซึ่งเป็นไปตามข้อบังคับการประชุมวุฒิสภาว่าด้วยอำนาจของกรรมาธิการ ส่วนเมื่อพิจารณาแล้วเสร็จแล้ว จะดำเนินการอย่างไรต่อไป ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการกิจการวุฒิสภา หรือวิปวุฒิสภา ที่จะประชุมในวันพุธที่ 5 ส.ค. เพื่อดำเนินการขั้นต่อไป
ทนายบอสพร้อมเข้าชี้แจง กมธ.
นายสมัคร เชาวภานันท์ ทนายความประจำครอบครัวนายเฉลิม อยู่วิทยา บิดานายวรยุทธ ได้เปิดเผยต่อสื่อครั้งแรก ว่า ยังไม่ได้รับหนังสือจากคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ของสภาผู้แทนราษฎรหลายคณะที่เรียกเข้าชี้แจง และช่วงนี้ อยู่ระหว่างพักฟื้นหลังจากผ่าตัดสมอง วันที่ 5 ส.ค. มีนัดเข้าพบหมอเพื่อติดตามการรักษา หากจะให้เข้าชี้แจง จะไปไม่ได้ แต่ก็พร้อมเข้าชี้แจง และไม่หนักใจ
ทั้งนี้ นายสมัคร ได้ชี้แจงถึงกรณียื่นเรื่องขอความเป็นธรรมให้นายวรยุทธ กับกมธ.กฎหมาย การยุติธรรมและกิจการตำรวจ สนช. ตนรับทราบ และได้ให้คำปรึกษา และไม่ได้คาดหวังให้มีผลเปลี่ยนแปลงคดี ส่วนพยาน 2 ราย มีมาตั้งแต่ต้น ไม่ได้นำเข้ามาภายหลัง ที่มาให้ปากคำห่างกัน เพราะไม่สามารถตามตัวได้ พร้อมระบุว่า นายจารุชาติ มาดทอง พยานที่ขับรถกระบะ ให้การว่าขับแซงรถเฟอร์รารี่ของนายวรยุทธ ใช้ความเร็ว 80 กม.ต่อชั่วโมง ส่วนรถจักรยานยนต์ของ ด.ต.วิเชียร เปลี่ยนช่องจราจรกะทันหัน และกรณีพล.อ.ท.จักรกฤช ถนอมกุลบุตร อดีตนายทหาร ทราบภายหลังว่าเป็นผู้เห็นเหตุการณ์ จึงร้องขอให้มาเป็นพยานให้
อย่างไรก็ตาม ทราบว่า ประเด็นที่เกิดขึ้น ทางครอบครัวเตรียมทำแถลงการณ์เพื่อชี้แจงรายละเอียดกับสังคม ส่วนจะเป็นเมื่อใดนั้นขอให้ติดตามอีกครั้ง
เมื่อถามถึงกรณีที่เกิดขึ้น หากมั่นใจว่าไม่ใช่กระทำโดยเจตนา ทำไมนายวรยุทธถึงหนี นายสมัคร ปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลและออกความเห็น