ทีมเศรษฐกิจไก่รองบ่อน

การสรรหารัฐมนตรีเศรษฐกิจชุดใหม่ แทนทีมดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่ลาออกพร้อม 4 กุมาร กำลังเป็นที่จับตาจากทุกฝ่าย เพราะถ้าเลือกเฟ้นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถเข้ามา จะเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนกลับมา แต่ดูเหมือนว่า การแสวงหาบุคคลที่ประชาชนให้ความคาดหวัง อาจต้องประสบความล้มเหลว

ดร.วิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งกำลังจะครบวาระการดำรงตำแหน่ง 4 ปี และประกาศไม่ต่อวาระ ปฏิเสธเข้าร่วม ครม.เศรษฐกิจในรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาแล้ว

ขณะที่ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล อดีตเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และอดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ก็ไม่ตอบรับคำเชิญเหมือนกัน

รายชื่อที่อยู่ในโผขณะนี้ มีเพียงนายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทยและกรรมการผู้จัดการธนาคารกสิกรไทย นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมและกรรมการอิสระธนาคารไทยพาณิชย์

นอกนั้นเป็นโผของพรรคพลังประชารัฐที่จัดส่งเข้ามาตามโควตา และตามรายชื่อที่เปิดออกมา เป็นนักการเมืองประเภทที่ชาวบ้าน “ร้องยี้” เสียมากกว่า

รายชื่อ ครม.เศรษฐกิจชุดใหม่ที่ประชาชนอยากได้ เช่น ดร.วิรไท และดร.ประสาร ทั้งคู่ปฏิเสธคำเชิญของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาแล้ว โดยเหตุผลที่แท้จริงไม่เป็นที่เปิดเผย

ส่วนนักการเมืองที่ชาวบ้าน “ร้องยี้” และไม่อยากให้เข้ามาคุมกระทรวงเศรษฐกิจ กลับเสนอหน้าเข้ามาเป็นแถว และถ้าเข้ามาจริง วิกฤตเศรษฐกิจจากผลกระทบเชื้อไวรัสโควิด-19 คงน่าห่วงยิ่งขึ้น

ยังไม่นับถึงการทุจริตหรือการรุมทึ้งงบประมาณฟื้นฟูเศรษฐกิจจากพิษ “โควิด” โดยเฉพาะงบ 4 แสนล้านบาท

พล.อ.ประยุทธ์คงประเมินถึงผลกระทบจากการตั้ง ครม.เศรษฐกิจได้ดี และถ้าปล่อยให้นักการเมืองเข้ามานั่งเก้าอี้กระทรวงเศรษฐกิจสำคัญ จะส่งผลให้เสถียรภาพรัฐบาลสั่นคลอน อายุไขรัฐบาลอาจสั้นลง จึงพยายามเต็มที่ที่จะรักษาโควตา ครม.เศรษฐกิจไว้ โดยทาบทามคนนอกที่สังคมยอมรับเข้ามารับตำแหน่ง

แต่มือเศรษฐกิจระดับต้นๆ ในปัจจุบัน แสดงเจตจำนงแล้ว ไม่ปรารถนาจะร่วมงานกับรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จึงต้องดิ้นรนค้นหามือรองๆ เข้ามาแทน แต่ก็ไม่ง่าย

เพราะคนดีที่มีความสามารถ ไม่อยากเปลืองตัว และรู้ดีว่า เข้ามาแล้ว คงทำงานไม่ได้เต็มที่ ไม่มีอิสระในการตัดสินใจ เข้ามาแล้วจะต้องเจอกับนักการเมืองที่หิวกระหาย และต่อรองเรื่องผลประโยชน์
นอกจากนั้นบทเรียนที่ทีม 4 กุมารได้รับ โดยถูกขับไล่ไสส่ง และไม่ได้รับการปกป้องจากผู้นำรัฐบาล ทำให้คนที่ได้รับการทาบทามเข้าร่วมทีมเศรษฐกิจต้องคิดหนัก

นอกจากนายปรีดีและนายไพรินท์แล้ว ยังไม่มีโผรายชื่อ ครม.เศรษฐกิจชุดใหม่ ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์อาจยังทาบทามใครเพิ่มเติมไม่ได้

เพราะเมื่อดร.วิรไท และดร.ประสาร ปฏิเสธที่จะร่วมงานกับรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์แล้ว จะกลายเป็นบรรทัดฐานให้คนอื่น ต้องพิจารณาไตร่ตรองอย่างรอบคอบ หากได้รับการทาบทามเข้าร่วมทีมเศรษฐกิจ

คนดีมีความสามารถ และมีเสียงสนับสนุนจากประชาชน ยังไม่ปรารถนาที่จะได้รับตำแหน่งรัฐมนตรี

ส่วนคนที่ปรารถนารับตำแหน่งรัฐมนตรีเศรษฐกิจ จะถูกตั้งคำถามว่า มีคุณสมบัติดีจริงหรือไม่ หรือเข้ามาเพียงเพราะอยากเป็นรัฐมนตรี ทั้งที่ความสามารถไม่ถึง

แม้นายปรีดีและนายไพรินทร์ จะตกปากรับคำเชิญของพล.อ.ประยุทธ์แล้ว แต่ขณะนี้อาจเกิดความลังเล ไม่แน่ใจว่า อยากรับตำแหน่งรัฐมนตรีจริงหรือไม่

เพราะคงมองเห็นถึงเหตุผลที่ดร.วิรไท และดร.ประสารปฏิเสธคำเชิญ และเริ่มทบทวนแล้วว่า ตำแหน่งรัฐมนตรีที่ได้มา อาจไม่คุ้มกับชื่อเสียงที่จะเสียไป หากไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจในขอบข่ายความรับผิดชอบของกระทรวงที่เข้ามาดูแลได้

และการเข้ามาร่วมรัฐบาลในฐานะคนนอก โดยไม่มีฐานเสียง ส.ส.พรรคพลังประชารัฐสนับสนุน คงทำอะไรไม่ได้มาก และจะถูกแซะขาเก้าอี้ตลอดเวลา ตั้งแต่ยังไม่เริ่มทำงานด้วยซ้ำ เช่นเดียวกับทีมดร.สมคิดที่เจอมา

เพราะนักการเมืองมองว่า คนนอกเข้ามาแย่งโควตารัฐมนตรี และขวางเส้นทางกอบโกยผลประโยชน์ของกลุ่มนักการเมือง

ครม.เศรษฐกิจชุดใหม่ ยังไม่รู้ว่า เป็นคนนอกสักเท่าไหร่ และมีใครเข้ามาบ้าง แต่คนนอกที่ตัดสินใจเข้ามา ใครก็ตามที่เข้ามา จะถูกสังคมจ้องมองในแง่ลบ

พล.อ.ประยุทธ์อาจไม่มีตัวเลือกแล้ว จึงต้องเลือกรัฐมนตรีเศรษฐกิจประเภทไก่รองบ่อนเข้ามาเป็นมวยแทน

ทีมเศรษฐกิจประเภทไก่รองบ่อน จะเรียกความเชื่อมั่นจากประชาชน ในการกอบกู้อภิมหาวิกฤตเศรษฐกิจครั้งนี้ได้อย่างไร

และถ้า ครม.เศรษฐกิจชุดใหม่ มีการจัดสรรโควตาให้นักการเมือง “ยี้” เข้ามาด้วย ประเทศอาจถึงขั้นบรรลัยละคราวนี้