ผู้จัดการรายวัน360-ศบค.รายงานผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่ม 3 ราย มาจากต่างประเทศ พบสถานกักตัวหละหลวมปล่อย “ทหารอียิปต์” ออกจากโรงแรมบินไปจีนก่อนกลับมาตรวจพบเชื้อ เผยไปเดินห้างในระยอง อีกรายเป็น ดญ.จากซูดานมาพร้อมครอบครัวทูต พักคอนโดกลางกรุงเทพฯ สั่งเร่งสอบสวนโรค กรมควบคุมโรคตามหาคนสัมผัสใกล้ชิด ผู้ว่าฯ ระยองสั่งปิดโรงแรม กักตัวพนักงานแล้ว โรงเรียน 8 แห่งสั่งปิดด้วย “อนุทิน”แจ้งวัคซีนคืบหน้า ทดลองในคนต้องเน้นปลอดภัย อย.คาด 1 เดือนเริ่มทดลองได้ “หมอยง”เตือนโควิด-19 ตอนนี้เป็นสายพันธุ์ G แพร่กระจายง่ายและเร็ว ต้องป้องกันเต็มที่ไม่ให้ระบาดระลอกสอง “บิ๊กแป๊ะ”สั่งเชือดแก๊งขน ลักลอบนำเข้าแรงงานต่างด้าว ด้าน “บิ๊กป้อม” กำชับฝ่ายความมั่นคงคุมเข้มชายแดน
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงข่าวสถานการณ์โรคโควิด-19 ประจำวัน ว่า วานนี้ (13 ก.ค.) มีผู้ป่วยโรคโควิด-19 รายใหม่ จำนวน 3 ราย เดินทางมาจากต่างประเทศ เข้าพักในสถานเฝ้าระวังที่รัฐจัดให้ (State Quarantine) กลับบ้านเพิ่ม 2 ราย ไม่มีเสียชีวิตเพิ่มเติม ผู้ป่วยสะสมรวม 3,220 ราย หายกลับบ้านรวม 3,090 ราย เสียชีวิตรวม 58 ราย ยังรักษาตัวใน รพ. 72 ราย และไม่มีการติดเชื้อภายในประเทศเป็นวันที่ 49
สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ 3 ราย โดยรายแรกมาจากคูเวต มาถึงวันที่ 29 มิ.ย. ตรวจหาเชื้อครั้งแรก 2 ก.ค. ไม่พบเชื้อ ตรวจซ้ำ 11 ก.ค. จึงพบเชื้อ แต่ไม่มีอาการ สอบถามประวัติเสี่ยง พบว่า เป็นช่างทั่วไป พักในแคมป์คนงานที่มีผู้ป่วยยืนยัน และพบผู้ป่วยเที่ยวบินเดียวกันก่อนหน้านี้ 10 ราย รายที่ 2 มาจากบาห์เรน มาถึงวันที่ 12 ก.ค. มีไข้ และตรวจพบเชื้อ และรายที่ 3 เป็นทหารมาจากอียิปต์ ถึงไทย 8 ก.ค. พักในสถานเฝ้าระวังที่รัฐจัดให้ที่ จ.ระยอง วันที่ 9 ก.ค. ออกจากโรงแรมไปจีน กลับมาวันเดียวกัน และพักที่เดิม วันที่ 10 ก.ค.ตรวจพบเชื้อ แต่ยังไม่ค่อยชัด จึงตรวจซ้ำวันที่ 11 ก.ค. และได้เดินทางกลับไปประเทศต้นทาง และผลตรวจออก 12 ก.ค.ว่าพบเชื้อ
“ทหารท่านนี้ เดินทางเข้ามาในลักษณะของลูกเรือ ตามข้อกำหนดมาตรา 9 ฉบับที่ 6 ที่ระบุคน 11 กลุ่ม คือ กลุ่มผู้ควบคุมยานพาหนะ และเจ้าหน้าที่ประจำยานพาหนะ จำเป็นต้องเดินทางเข้ามาตามภารกิจ และมีกำหนดเวลาเดินทางออกนอกราชอาณาจักรที่ชัดเจน ซึ่งกลุ่มนี้เข้ามาได้ แต่จะมีที่พักให้ เดิมเป็นโรงแรมแถวสุวรรณภูมิ แต่เนื่องจากมีเที่ยวบินเข้ามามาก ทำให้ทหารและลูกเรือชุดนี้จำนวน 31 คน เดินทางเข้ามาและลงที่สนามบินอู่ตะเภาแทน ส่วนอีก 30 คนที่เหลือตรวจแล้วไม่พบเชื้อ”นพ.ทวีศิลป์กล่าว
นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องพูดคุยกันอย่างมากในที่ประชุม ศบค. ซึ่งเดิมกลุ่มลูกเรือเราใช้โรงแรมแถวสุวรรณภูมิ แต่ครั้งนี้มาลงสนามบินอู่ตะเภา ทำให้มาตรการของการคุมเข้มในเรื่องตรงนี้มีข้อต้องทบทวนปฏิบัติกันใหม่ ซึ่งทีมสอบสวนโรค ยังพบว่า ทีมลูกเรือนี้ได้ออกจากโรงแรมไปยังสถานที่บางแห่งใน จ.ระยอง ซึ่งทีมจะสอบสวนโรคในพื้นที่สัมผัสทุกแห่งที่กลุ่มนี้เดินทางไป ตอนนี้พอมีบางแห่ง เช่น ห้างสรรพสินค้าบางแห่งในระยอง ถ้าท่านคิดว่ามีความเสี่ยงหรือสัมผัส ให้โทรเข้ามายัง 1422 และโรงแรมดังกล่าวที่ จ.ระยอง ถือว่าเป็นสถานที่สัมผัสกับผู้ที่พบเชื้อ ฉะนั้น การเข้าไปสอบสวนโรค ต้องครอบคลุมโรงแรมนี้ทั้งหมด
"ตอนนี้ยังไม่มีข้อเสียหายที่เป็นประเด็น ถ้าคุมโรคได้ ปิดจุดอ่อน กำหนดข้อปฏิบัติให้ละเอียดยิ่งขึ้น ข่าวนี้ข้อดี คือ ขอให้รับทราบว่าใกล้ตัวเรามาก เพราะไม่ได้เกินกว่าความคิดที่จะบอกว่ามีระลอกสองใกล้เข้ามาแล้ว ขอให้ดูแลตัวเองอย่างดี ปลอดโรคปลอดภัยนานเท่านาน" นพ.ทวีศิลป์กล่าว
นอกจากนี้ ยังมีเคสผู้ป่วยเด็กหญิงอายุ 9 ปี ที่รายงานเมื่อวันที่ 11 ก.ค.ที่ผ่านมา เดินทางมาจากภูมิภาคแอฟริกา มาพร้อมครอบครัวของคณะทูต โดยวันที่ 7 ก.ค. เดินทางมาจากซูดาน ซึ่งมารดานำผู้ป่วยและครอบครัวรวม 5 คน ตรวจเชื้อก่อนเดินทาง แต่ไม่พบเชื้อ เดินทางถึงไทยวันที่ 10 ก.ค. เมื่อมาถึงได้ตรวจคัดกรอง ไม่มีอาการ จึงเก็บตัวอย่างส่งตรวจและพบเชื้อ บิดานำผู้ป่วยเข้ารับการรักษาใน รพ.เอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ โดยตรวจซ้ำว่าพบเชื้อ วันที่ 11 ก.ค. ผลตรวจแพทย์พบปอดอักเสบ ส่งต่อมายัง รพ.รัฐแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ แต่มีการนำสมาชิกครอบครัวที่เหลือไปพำนักที่คอนโดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ทั้งที่กลุ่มคณะทูต คณะกงสุล องค์การระหว่างประเทศ หรือผู้แทนรัฐบาล หรือหน่วยงานของรัฐต่างประเทศที่มาปฏิบัติงานในประเทศไทย เราให้เกียรติโดยให้กักตัวในสถานทูต ในพื้นที่ของท่าน 14 วัน ดังนั้น เราต้องกำหนดมาตรการโดยละเอียดให้ครอบคลุมมากกว่านี้ และขอให้กระทรวงการต่างประเทศประสานสถานทูตทุกแห่งถึงเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม ทีมสอบสวนโรค จะต้องเข้าไปสอบสวนในพื้นที่คอนโดแห่งนี้ด้วย
นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญ อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวว่า ทีมสอบสวนโรคอยู่ระหว่างเร่งค้นหาข้อมูลจากกล้องวงจรปิดของโรงแรมที่คณะลูกเรือนี้เข้าพัก และสถานที่ๆ คณะลูกเรือให้ข้อมูลว่าได้เดินทางไป เช่น ห้างสรรพสินค้าใน จ.ระยอง โดยทีมสอบสวนโรคจะต้องเร่งหา คือ 1.ผู้สัมผัสใกล้ชิดกับคนกลุ่มนี้ 2.มีการนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น หากประชาชนในพื้นที่ จ.ระยอง มีความกังวลหรือว่าคิดว่าตนเองเป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดกับคนกลุ่มนี้ สามารถติดต่อได้ที่สาธารณสุขจังหวัดหรือเบอร์สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422
“ตอนนี้ยังไม่สามารถระบุรายละเอียดได้ว่าเป็นที่ใด และผู้ป่วยที่ยืนยันได้เดินทางไปด้วยหรือไม่ จึงต้องดูจากกล้องวงจรปิด แต่หากประชาชนเดินทางไปในพื้นที่สาธารณะและสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ และเว้นระยะห่าง ก็จะเป็นการป้องกันโรคได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งเป็นความสำคัญอย่างยิ่งในการลดโอกาสติดเชื้อ ในระหว่างนี้ขอให้ประชาชนใน จ.ระยอง มีการป้องกันตัวเองที่มากขึ้น และทีมสอบสวนกำลังเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุดคาดว่า 2-3 วันจะทราบผล” นพ.สุวรรณชัยกล่าว
นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชค ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง กล่าวว่า จ.ระยอง ได้สั่งปิดห้องพักและพื้นที่โรงแรมทั้ง 2 ชั้น ที่กลุ่มทหารอียิปต์เข้าพัก และสั่งกักตัวพนักงานโรงแรมจำนวน 12 คนแล้ว
ว่าที่เรือตรีชูชีพ อรุณเหลือง ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคระยอง กล่าวว่า ได้สั่งให้นักศึกษาเรียนผ่านระบบออนไลน์และให้กักตัวอยู่ภายในบ้านเป็นเวลา 14 วัน เพื่อสร้างความปลอดภัยตามมาตรฐานสาธารณสุข
ทั้งนี้ มีรายงานว่า เทศบาลนครระยอง ได้ออกคำสั่งปิดการเรียนการสอนในโรงเรียน 8 แห่งที่อยู่ในสังกัดอย่างไม่มีกำหนดแล้ว ประกอบด้วย 1.รร.สาธิตเทศบาลนครระยอง 2.รร.นครระยองวิทยาคม 3.รร.เทศบาลบ้านปากคลอง 4.รร.เทศบาลวัดปากน้ำ 5.รร.วัดโขดทิมธาราม 6.รร.เทศบาลวัดลุ่ม 7.ศูนย์เด็กเล็กวัดเนินพระ 8.ศูนย์เด็กเล็กวัดป่าประดู่ เช่นเดียวกับอนุบาลนานาชาติตากสิน โดยให้มีผลตั้งแต่วันนี้ เป็นต้นไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีประชาชนโทรไปสอบถามกรมควบคุมโรค เพื่อขอชื่อโรงแรมกับห้างใน จ.ระยอง ที่ทหารอียิปต์ใช้บริการ แต่ไม่ได้รับคำตอบ โดยระบุว่า เป็นข้อมูลความมั่นคง ให้ไม่ได้ จนประชาชนได้โพสต์ผ่านสื่อโซเชียลมีเดียด่ายับ พร้อมระบุว่า ประชาชนควรรู้ และถามต่อว่าจะมี "ไทยชนะ" ไปเพื่ออะไร รวมทั้งได้มีการเรียกร้องให้ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ออกมาชี้แจงด้วย
วันเดียวกันนี้ ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์เฟซบุ๊ก มีใจความโดยสรุปว่า ขณะนี้โควิด-19 แพร่กระจายโรคได้ง่ายขึ้น เพราะมีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์จากเดิมที่เริ่มต้นระบาดในจีนเป็นสายพันธุ์ S และสายพันธุ์ L ส่วนที่ระบาดในไทยเป็นสายพันธุ์ S และเปลี่ยนแปลงเป็นสายพันธุ์ T แต่น่าจะหมดไปแล้ว แต่สายพันธุ์ L ที่ไประบาดที่ยุโรป ได้ออกลูกหลานเป็นสายพันธุ์ G และ V พบว่าสายพันธุ์ G แพร่ระบาดได้ง่าย มีเชื้อที่ลำคอค่อนข้างมาก เติบโตได้ดีในทางเดินหายใจ มีปริมาณไวรัสมากกว่า และกระจายได้มากขึ้น โดยะเชื่อว่าถ้ามีการระบาดในระลอก 2 สายพันธุ์ที่จะระบาดจะต้องเป็นสายพันธุ์ G
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข กล่าวว่า การพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิด-19 คืบหน้าไปมาก และต้องนำผลการทดลองในแต่ละขั้นมาขอความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แต่ต้องระวังเมื่อผ่านการทดลองในสัตว์แล้วมาทดลองในมนุษย์ ต้องมั่นใจจริงๆ ว่าปลอดภัย
ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า ขณะนี้มีผู้พัฒนาวัคซีน ได้ยื่นขออนุญาตมาที่ อย. ประมาณ 7 ตัว โดยหนึ่งในนั้นเป็นวัคซีนป้องกันโควิด-19 ชนิด mRNA ของคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่เพิ่งแถลงผลการทดลองในลิงแล้วมีภูมิคุ้มกันสูง ซึ่งที่ผ่านมามีการคุยและพิจารณาร่วมกันมาตลอดอยู่แล้ว แต่ยังต้องพิจารณาเรื่องความปลอดภัย คุณภาพ ประสิทธิภาพ หากคณะผู้วิจัยส่งข้อมูลทุกอย่างมาครบถ้วน คาดว่าใช้เวลาในการพิจารณาประมาณ 1 เดือน
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. กล่าวว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. ซึ่งกำกับดูแลงานด้านความมั่นคงและกิจการพิเศษ กำชับ กวดขัน หน่วยงานในสังกัดที่เกี่ยวข้อง เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจคัดกรองบุคคล หรือยานพาหนะตามจุดผ่านแดนถาวร จุดผ่อนปรน และตามแนวช่องทางธรรมชาติ เพื่อสกัดกั้นบุคคลหรือขบวนการขนแรงงานต่างด้าวที่จะลักลอบเข้ามา และให้ตำรวจในพื้นที่ชั้นใน ร่วมกับฝ่ายปกครองและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบคัดกรองแรงงานต่างด้าวในสถานประกอบการหรือร้านต่างๆ ด้วย
“ขอฝากเตือนไปยังบุคคล หรือขบวนการในลักษณะดังกล่าวที่ท้าทายกฎหมาย คอยอำนวยความสะดวก นำพา สนับสนุนช่วยเหลือแรงงานต่างด้าว ให้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร รวมไปถึงนายจ้าง และสถานประกอบการที่รับแรงงานต่างด้าวที่ผิดกฎหมายเข้าทำงาน ซึ่งไม่ผ่านการคัดกรอง จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดทุกราย” พ.ต.อ.กฤษณะกล่าว
พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้กำชับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร( กอ.รมน.) ฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ และกระทรวงแรงงาน ปฏิบัติการเชิงรุก คุมเข้มเฝ้าระวัง สกัดกั้นกวาดล้างปราบปรามขบวนการลักลอบนำแรงงานต่างด้าวเข้าเมืองผิดกฎหมาย ทั้งพื้นที่ชายแดนและพื้นที่ชั้นใน ควบคู่กับคัดกรองแรงงานต่างด้าวในสถานประกอบการ หลังพบสถิติการจับกุมแรงงานต่างด้าวเข้าเมืองผิดกฎหมายมากขึ้น พร้อมกับย้ำว่าต้องไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง หรือรับประโยชน์โดยเด็ดขาด
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงข่าวสถานการณ์โรคโควิด-19 ประจำวัน ว่า วานนี้ (13 ก.ค.) มีผู้ป่วยโรคโควิด-19 รายใหม่ จำนวน 3 ราย เดินทางมาจากต่างประเทศ เข้าพักในสถานเฝ้าระวังที่รัฐจัดให้ (State Quarantine) กลับบ้านเพิ่ม 2 ราย ไม่มีเสียชีวิตเพิ่มเติม ผู้ป่วยสะสมรวม 3,220 ราย หายกลับบ้านรวม 3,090 ราย เสียชีวิตรวม 58 ราย ยังรักษาตัวใน รพ. 72 ราย และไม่มีการติดเชื้อภายในประเทศเป็นวันที่ 49
สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ 3 ราย โดยรายแรกมาจากคูเวต มาถึงวันที่ 29 มิ.ย. ตรวจหาเชื้อครั้งแรก 2 ก.ค. ไม่พบเชื้อ ตรวจซ้ำ 11 ก.ค. จึงพบเชื้อ แต่ไม่มีอาการ สอบถามประวัติเสี่ยง พบว่า เป็นช่างทั่วไป พักในแคมป์คนงานที่มีผู้ป่วยยืนยัน และพบผู้ป่วยเที่ยวบินเดียวกันก่อนหน้านี้ 10 ราย รายที่ 2 มาจากบาห์เรน มาถึงวันที่ 12 ก.ค. มีไข้ และตรวจพบเชื้อ และรายที่ 3 เป็นทหารมาจากอียิปต์ ถึงไทย 8 ก.ค. พักในสถานเฝ้าระวังที่รัฐจัดให้ที่ จ.ระยอง วันที่ 9 ก.ค. ออกจากโรงแรมไปจีน กลับมาวันเดียวกัน และพักที่เดิม วันที่ 10 ก.ค.ตรวจพบเชื้อ แต่ยังไม่ค่อยชัด จึงตรวจซ้ำวันที่ 11 ก.ค. และได้เดินทางกลับไปประเทศต้นทาง และผลตรวจออก 12 ก.ค.ว่าพบเชื้อ
“ทหารท่านนี้ เดินทางเข้ามาในลักษณะของลูกเรือ ตามข้อกำหนดมาตรา 9 ฉบับที่ 6 ที่ระบุคน 11 กลุ่ม คือ กลุ่มผู้ควบคุมยานพาหนะ และเจ้าหน้าที่ประจำยานพาหนะ จำเป็นต้องเดินทางเข้ามาตามภารกิจ และมีกำหนดเวลาเดินทางออกนอกราชอาณาจักรที่ชัดเจน ซึ่งกลุ่มนี้เข้ามาได้ แต่จะมีที่พักให้ เดิมเป็นโรงแรมแถวสุวรรณภูมิ แต่เนื่องจากมีเที่ยวบินเข้ามามาก ทำให้ทหารและลูกเรือชุดนี้จำนวน 31 คน เดินทางเข้ามาและลงที่สนามบินอู่ตะเภาแทน ส่วนอีก 30 คนที่เหลือตรวจแล้วไม่พบเชื้อ”นพ.ทวีศิลป์กล่าว
นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องพูดคุยกันอย่างมากในที่ประชุม ศบค. ซึ่งเดิมกลุ่มลูกเรือเราใช้โรงแรมแถวสุวรรณภูมิ แต่ครั้งนี้มาลงสนามบินอู่ตะเภา ทำให้มาตรการของการคุมเข้มในเรื่องตรงนี้มีข้อต้องทบทวนปฏิบัติกันใหม่ ซึ่งทีมสอบสวนโรค ยังพบว่า ทีมลูกเรือนี้ได้ออกจากโรงแรมไปยังสถานที่บางแห่งใน จ.ระยอง ซึ่งทีมจะสอบสวนโรคในพื้นที่สัมผัสทุกแห่งที่กลุ่มนี้เดินทางไป ตอนนี้พอมีบางแห่ง เช่น ห้างสรรพสินค้าบางแห่งในระยอง ถ้าท่านคิดว่ามีความเสี่ยงหรือสัมผัส ให้โทรเข้ามายัง 1422 และโรงแรมดังกล่าวที่ จ.ระยอง ถือว่าเป็นสถานที่สัมผัสกับผู้ที่พบเชื้อ ฉะนั้น การเข้าไปสอบสวนโรค ต้องครอบคลุมโรงแรมนี้ทั้งหมด
"ตอนนี้ยังไม่มีข้อเสียหายที่เป็นประเด็น ถ้าคุมโรคได้ ปิดจุดอ่อน กำหนดข้อปฏิบัติให้ละเอียดยิ่งขึ้น ข่าวนี้ข้อดี คือ ขอให้รับทราบว่าใกล้ตัวเรามาก เพราะไม่ได้เกินกว่าความคิดที่จะบอกว่ามีระลอกสองใกล้เข้ามาแล้ว ขอให้ดูแลตัวเองอย่างดี ปลอดโรคปลอดภัยนานเท่านาน" นพ.ทวีศิลป์กล่าว
นอกจากนี้ ยังมีเคสผู้ป่วยเด็กหญิงอายุ 9 ปี ที่รายงานเมื่อวันที่ 11 ก.ค.ที่ผ่านมา เดินทางมาจากภูมิภาคแอฟริกา มาพร้อมครอบครัวของคณะทูต โดยวันที่ 7 ก.ค. เดินทางมาจากซูดาน ซึ่งมารดานำผู้ป่วยและครอบครัวรวม 5 คน ตรวจเชื้อก่อนเดินทาง แต่ไม่พบเชื้อ เดินทางถึงไทยวันที่ 10 ก.ค. เมื่อมาถึงได้ตรวจคัดกรอง ไม่มีอาการ จึงเก็บตัวอย่างส่งตรวจและพบเชื้อ บิดานำผู้ป่วยเข้ารับการรักษาใน รพ.เอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ โดยตรวจซ้ำว่าพบเชื้อ วันที่ 11 ก.ค. ผลตรวจแพทย์พบปอดอักเสบ ส่งต่อมายัง รพ.รัฐแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ แต่มีการนำสมาชิกครอบครัวที่เหลือไปพำนักที่คอนโดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ทั้งที่กลุ่มคณะทูต คณะกงสุล องค์การระหว่างประเทศ หรือผู้แทนรัฐบาล หรือหน่วยงานของรัฐต่างประเทศที่มาปฏิบัติงานในประเทศไทย เราให้เกียรติโดยให้กักตัวในสถานทูต ในพื้นที่ของท่าน 14 วัน ดังนั้น เราต้องกำหนดมาตรการโดยละเอียดให้ครอบคลุมมากกว่านี้ และขอให้กระทรวงการต่างประเทศประสานสถานทูตทุกแห่งถึงเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม ทีมสอบสวนโรค จะต้องเข้าไปสอบสวนในพื้นที่คอนโดแห่งนี้ด้วย
นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญ อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวว่า ทีมสอบสวนโรคอยู่ระหว่างเร่งค้นหาข้อมูลจากกล้องวงจรปิดของโรงแรมที่คณะลูกเรือนี้เข้าพัก และสถานที่ๆ คณะลูกเรือให้ข้อมูลว่าได้เดินทางไป เช่น ห้างสรรพสินค้าใน จ.ระยอง โดยทีมสอบสวนโรคจะต้องเร่งหา คือ 1.ผู้สัมผัสใกล้ชิดกับคนกลุ่มนี้ 2.มีการนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น หากประชาชนในพื้นที่ จ.ระยอง มีความกังวลหรือว่าคิดว่าตนเองเป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดกับคนกลุ่มนี้ สามารถติดต่อได้ที่สาธารณสุขจังหวัดหรือเบอร์สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422
“ตอนนี้ยังไม่สามารถระบุรายละเอียดได้ว่าเป็นที่ใด และผู้ป่วยที่ยืนยันได้เดินทางไปด้วยหรือไม่ จึงต้องดูจากกล้องวงจรปิด แต่หากประชาชนเดินทางไปในพื้นที่สาธารณะและสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ และเว้นระยะห่าง ก็จะเป็นการป้องกันโรคได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งเป็นความสำคัญอย่างยิ่งในการลดโอกาสติดเชื้อ ในระหว่างนี้ขอให้ประชาชนใน จ.ระยอง มีการป้องกันตัวเองที่มากขึ้น และทีมสอบสวนกำลังเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุดคาดว่า 2-3 วันจะทราบผล” นพ.สุวรรณชัยกล่าว
นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชค ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง กล่าวว่า จ.ระยอง ได้สั่งปิดห้องพักและพื้นที่โรงแรมทั้ง 2 ชั้น ที่กลุ่มทหารอียิปต์เข้าพัก และสั่งกักตัวพนักงานโรงแรมจำนวน 12 คนแล้ว
ว่าที่เรือตรีชูชีพ อรุณเหลือง ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคระยอง กล่าวว่า ได้สั่งให้นักศึกษาเรียนผ่านระบบออนไลน์และให้กักตัวอยู่ภายในบ้านเป็นเวลา 14 วัน เพื่อสร้างความปลอดภัยตามมาตรฐานสาธารณสุข
ทั้งนี้ มีรายงานว่า เทศบาลนครระยอง ได้ออกคำสั่งปิดการเรียนการสอนในโรงเรียน 8 แห่งที่อยู่ในสังกัดอย่างไม่มีกำหนดแล้ว ประกอบด้วย 1.รร.สาธิตเทศบาลนครระยอง 2.รร.นครระยองวิทยาคม 3.รร.เทศบาลบ้านปากคลอง 4.รร.เทศบาลวัดปากน้ำ 5.รร.วัดโขดทิมธาราม 6.รร.เทศบาลวัดลุ่ม 7.ศูนย์เด็กเล็กวัดเนินพระ 8.ศูนย์เด็กเล็กวัดป่าประดู่ เช่นเดียวกับอนุบาลนานาชาติตากสิน โดยให้มีผลตั้งแต่วันนี้ เป็นต้นไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีประชาชนโทรไปสอบถามกรมควบคุมโรค เพื่อขอชื่อโรงแรมกับห้างใน จ.ระยอง ที่ทหารอียิปต์ใช้บริการ แต่ไม่ได้รับคำตอบ โดยระบุว่า เป็นข้อมูลความมั่นคง ให้ไม่ได้ จนประชาชนได้โพสต์ผ่านสื่อโซเชียลมีเดียด่ายับ พร้อมระบุว่า ประชาชนควรรู้ และถามต่อว่าจะมี "ไทยชนะ" ไปเพื่ออะไร รวมทั้งได้มีการเรียกร้องให้ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ออกมาชี้แจงด้วย
วันเดียวกันนี้ ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์เฟซบุ๊ก มีใจความโดยสรุปว่า ขณะนี้โควิด-19 แพร่กระจายโรคได้ง่ายขึ้น เพราะมีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์จากเดิมที่เริ่มต้นระบาดในจีนเป็นสายพันธุ์ S และสายพันธุ์ L ส่วนที่ระบาดในไทยเป็นสายพันธุ์ S และเปลี่ยนแปลงเป็นสายพันธุ์ T แต่น่าจะหมดไปแล้ว แต่สายพันธุ์ L ที่ไประบาดที่ยุโรป ได้ออกลูกหลานเป็นสายพันธุ์ G และ V พบว่าสายพันธุ์ G แพร่ระบาดได้ง่าย มีเชื้อที่ลำคอค่อนข้างมาก เติบโตได้ดีในทางเดินหายใจ มีปริมาณไวรัสมากกว่า และกระจายได้มากขึ้น โดยะเชื่อว่าถ้ามีการระบาดในระลอก 2 สายพันธุ์ที่จะระบาดจะต้องเป็นสายพันธุ์ G
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข กล่าวว่า การพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิด-19 คืบหน้าไปมาก และต้องนำผลการทดลองในแต่ละขั้นมาขอความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แต่ต้องระวังเมื่อผ่านการทดลองในสัตว์แล้วมาทดลองในมนุษย์ ต้องมั่นใจจริงๆ ว่าปลอดภัย
ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า ขณะนี้มีผู้พัฒนาวัคซีน ได้ยื่นขออนุญาตมาที่ อย. ประมาณ 7 ตัว โดยหนึ่งในนั้นเป็นวัคซีนป้องกันโควิด-19 ชนิด mRNA ของคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่เพิ่งแถลงผลการทดลองในลิงแล้วมีภูมิคุ้มกันสูง ซึ่งที่ผ่านมามีการคุยและพิจารณาร่วมกันมาตลอดอยู่แล้ว แต่ยังต้องพิจารณาเรื่องความปลอดภัย คุณภาพ ประสิทธิภาพ หากคณะผู้วิจัยส่งข้อมูลทุกอย่างมาครบถ้วน คาดว่าใช้เวลาในการพิจารณาประมาณ 1 เดือน
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. กล่าวว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. ซึ่งกำกับดูแลงานด้านความมั่นคงและกิจการพิเศษ กำชับ กวดขัน หน่วยงานในสังกัดที่เกี่ยวข้อง เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจคัดกรองบุคคล หรือยานพาหนะตามจุดผ่านแดนถาวร จุดผ่อนปรน และตามแนวช่องทางธรรมชาติ เพื่อสกัดกั้นบุคคลหรือขบวนการขนแรงงานต่างด้าวที่จะลักลอบเข้ามา และให้ตำรวจในพื้นที่ชั้นใน ร่วมกับฝ่ายปกครองและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบคัดกรองแรงงานต่างด้าวในสถานประกอบการหรือร้านต่างๆ ด้วย
“ขอฝากเตือนไปยังบุคคล หรือขบวนการในลักษณะดังกล่าวที่ท้าทายกฎหมาย คอยอำนวยความสะดวก นำพา สนับสนุนช่วยเหลือแรงงานต่างด้าว ให้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร รวมไปถึงนายจ้าง และสถานประกอบการที่รับแรงงานต่างด้าวที่ผิดกฎหมายเข้าทำงาน ซึ่งไม่ผ่านการคัดกรอง จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดทุกราย” พ.ต.อ.กฤษณะกล่าว
พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้กำชับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร( กอ.รมน.) ฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ และกระทรวงแรงงาน ปฏิบัติการเชิงรุก คุมเข้มเฝ้าระวัง สกัดกั้นกวาดล้างปราบปรามขบวนการลักลอบนำแรงงานต่างด้าวเข้าเมืองผิดกฎหมาย ทั้งพื้นที่ชายแดนและพื้นที่ชั้นใน ควบคู่กับคัดกรองแรงงานต่างด้าวในสถานประกอบการ หลังพบสถิติการจับกุมแรงงานต่างด้าวเข้าเมืองผิดกฎหมายมากขึ้น พร้อมกับย้ำว่าต้องไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง หรือรับประโยชน์โดยเด็ดขาด