ผู้จัดการรายวัน360- ภรรยา"บรรยิน" พบกองปราบ แจงปมเอี่ยววางแผนแหกคุก ด้านเจ้าตัวปฏิเสธไม่เคยโอนเงินให้ทนายประกันตัวลูกสมุนสามี
วานนี้ ( 8 ก.ค.) ที่ กองปราบปราม นางวราภรณ์ ตั้งภากรณ์ ภรรยาพ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีตรมช.พาณิชย์ ผู้ต้องหาคดีร่วมกันอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษาศาลอาญากรุงเทพใต้ เดินทางเข้าพบพ.ต.ท.ภิรมย์ เมืองไสย รอง ผกก.1 บก.ป. เพื่อให้ปากคำในฐานะพยาน คดีวางแผนชิงตัวพ.ต.ท.บรรยิน ระหว่างนำตัวออกจากเรือนจำไปขึ้นศาล หลังก่อนหน้านี้ทางพนักงานสอบสวนได้มีการออกหมายเรียกมาเข้าพบ เนื่องจากพบว่า นางวราภรณ์ มีความเกี่ยวกับข้องกับพยานหลักฐานบางอย่างทางคดี โดยใช้เวลาในการสอบปากคำนานร่วม 3 ชั่วโมงครึ่งจึงแล้วเสร็จ
นางวราภรณ์ กล่าวว่า มาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก แต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดเพราะได้ชี้แจงให้พนักงานสอบสวนไปหมดแล้ว และไม่ได้มีประเด็นใดที่ต้องหนักใจ ทั้งนี้ยืนยันว่า นายวรภัทร์ ตั้งภากรณ์ บุตรชายไม่ได้เป็นเพื่อน หรือสนิทสนมกันเป็นการส่วนตัวกับ นายณัฐพล หรือ ท็อป นรการ อายุ 30 ปี ลูกน้องพ.ต.ท.บรรยิน ตามที่มีการกล่าวอ้าง และยืนยันว่าตนเองก็ไม่ได้รู้จัก นายสุธน หรือ โจ ทองศิริ ลูกน้องพ.ต.ท.บรรยิน อีกคน รวมทั้งไม่ได้โอนเงินให้ทนายกรณ์ กันเที่ยง สำหรับใช้ประสานประกันตัว นายสุธน แต่อย่างใด
ด้านพ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. กล่าวถึงความคืบหน้าของคดีดังกล่าวว่า ในสัปดาห์นี้ออกหมายเรียกให้บุคคลที่เกี่ยวข้องกับคดีมาสอบปากคำเพิ่มเติม 2 ราย โดยรายแรก คือ นางวราภรณ์ ภรรยาของพ.ต.ท.บรรยิน เนื่องจากตำรวจสงสัยว่าอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับแผนการแหกคุกดังกล่าว จึงจำเป็นต้องเรียกมาสอบปากคำในประเด็นที่พนักงานสอบสวนสงสัย ส่วนพยานบุคคลอีกรายที่ออกหมายเรียกไป คือ นายณัฐพล หรือ ท็อป ที่เคยถูกคุมขังร่วมกับพ.ต.ท.บรรยินภายในเรือนจำ ที่รับว่ารู้ถึงแผนการแหกคุกของพ.ต.ท.บรรยิน เพราะเจ้าตัวเป็นคนพูดโอ้อวดในเรือนจำ จะนำตัวมาสอบสวนในฐานะพยานประกอบคดีถึงความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับแผนของ พ.ต.ท.บรรยิน โดยกำหนดการตามหมายเรียกของนายณัฐพล นั้นทางพนักงานสอบสวนได้นัดหมายให้มาเข้าพบในวันนี้ (9 ก.ค.)
ส่วนความคืบหน้าในการแจ้งข้อกล่าวหากับ พ.ต.ท.บรรยิน ขณะนี้คดีมีความคืบหน้าเหลือเพียงเอกสารที่ตำรวจได้ยื่นขอไปยังธนาคารพาณิชย์หลายแห่ง เพื่อนำมาตรวจสอบเส้นทางการเงิน เพื่อยืนยันถึงแผนการของพ.ต.ท.บรรยินและผู้เกี่ยวข้อง โดยคาดว่าน่าจะได้ข้อมูลมาภายในสัปดาห์นี้ จากนั้นเมื่อตรวจสอบข้อมูลพยานหลักฐานเสร็จเรียบร้อยจะนำข้อมูลทั้งหมดไปแจ้งข้อกล่าวหาแก่ พ.ต.ท.บรรยิน ภายในเรือนจำบางขวาง ในฐานะผู้ใช้ให้ผู้อื่นร่วมแหกคุกชิงตัวในสัปดาห์หน้า
วานนี้ ( 8 ก.ค.) ที่ กองปราบปราม นางวราภรณ์ ตั้งภากรณ์ ภรรยาพ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีตรมช.พาณิชย์ ผู้ต้องหาคดีร่วมกันอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษาศาลอาญากรุงเทพใต้ เดินทางเข้าพบพ.ต.ท.ภิรมย์ เมืองไสย รอง ผกก.1 บก.ป. เพื่อให้ปากคำในฐานะพยาน คดีวางแผนชิงตัวพ.ต.ท.บรรยิน ระหว่างนำตัวออกจากเรือนจำไปขึ้นศาล หลังก่อนหน้านี้ทางพนักงานสอบสวนได้มีการออกหมายเรียกมาเข้าพบ เนื่องจากพบว่า นางวราภรณ์ มีความเกี่ยวกับข้องกับพยานหลักฐานบางอย่างทางคดี โดยใช้เวลาในการสอบปากคำนานร่วม 3 ชั่วโมงครึ่งจึงแล้วเสร็จ
นางวราภรณ์ กล่าวว่า มาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก แต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดเพราะได้ชี้แจงให้พนักงานสอบสวนไปหมดแล้ว และไม่ได้มีประเด็นใดที่ต้องหนักใจ ทั้งนี้ยืนยันว่า นายวรภัทร์ ตั้งภากรณ์ บุตรชายไม่ได้เป็นเพื่อน หรือสนิทสนมกันเป็นการส่วนตัวกับ นายณัฐพล หรือ ท็อป นรการ อายุ 30 ปี ลูกน้องพ.ต.ท.บรรยิน ตามที่มีการกล่าวอ้าง และยืนยันว่าตนเองก็ไม่ได้รู้จัก นายสุธน หรือ โจ ทองศิริ ลูกน้องพ.ต.ท.บรรยิน อีกคน รวมทั้งไม่ได้โอนเงินให้ทนายกรณ์ กันเที่ยง สำหรับใช้ประสานประกันตัว นายสุธน แต่อย่างใด
ด้านพ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. กล่าวถึงความคืบหน้าของคดีดังกล่าวว่า ในสัปดาห์นี้ออกหมายเรียกให้บุคคลที่เกี่ยวข้องกับคดีมาสอบปากคำเพิ่มเติม 2 ราย โดยรายแรก คือ นางวราภรณ์ ภรรยาของพ.ต.ท.บรรยิน เนื่องจากตำรวจสงสัยว่าอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับแผนการแหกคุกดังกล่าว จึงจำเป็นต้องเรียกมาสอบปากคำในประเด็นที่พนักงานสอบสวนสงสัย ส่วนพยานบุคคลอีกรายที่ออกหมายเรียกไป คือ นายณัฐพล หรือ ท็อป ที่เคยถูกคุมขังร่วมกับพ.ต.ท.บรรยินภายในเรือนจำ ที่รับว่ารู้ถึงแผนการแหกคุกของพ.ต.ท.บรรยิน เพราะเจ้าตัวเป็นคนพูดโอ้อวดในเรือนจำ จะนำตัวมาสอบสวนในฐานะพยานประกอบคดีถึงความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับแผนของ พ.ต.ท.บรรยิน โดยกำหนดการตามหมายเรียกของนายณัฐพล นั้นทางพนักงานสอบสวนได้นัดหมายให้มาเข้าพบในวันนี้ (9 ก.ค.)
ส่วนความคืบหน้าในการแจ้งข้อกล่าวหากับ พ.ต.ท.บรรยิน ขณะนี้คดีมีความคืบหน้าเหลือเพียงเอกสารที่ตำรวจได้ยื่นขอไปยังธนาคารพาณิชย์หลายแห่ง เพื่อนำมาตรวจสอบเส้นทางการเงิน เพื่อยืนยันถึงแผนการของพ.ต.ท.บรรยินและผู้เกี่ยวข้อง โดยคาดว่าน่าจะได้ข้อมูลมาภายในสัปดาห์นี้ จากนั้นเมื่อตรวจสอบข้อมูลพยานหลักฐานเสร็จเรียบร้อยจะนำข้อมูลทั้งหมดไปแจ้งข้อกล่าวหาแก่ พ.ต.ท.บรรยิน ภายในเรือนจำบางขวาง ในฐานะผู้ใช้ให้ผู้อื่นร่วมแหกคุกชิงตัวในสัปดาห์หน้า
