ผู้จัดการรายวัน360- "บิ๊กแดง"เคลียร์ปม ผบ.ทบ.สหรัฐฯและคณะเยือนไทย ปัดเข้ามาตั้งฐานทัพ ยันใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน-คำสั่งศบค. คุมโควิดโดยเคร่งครัด ชี้เป็นโมเดลที่จะใช้ปฏิบัติกับคณะอื่นๆ ที่มาเยือน พร้อมสยบข่าวลือต่ออายุราชการ ลั่นเป็นทหารอาชีพ ยึดตามระเบียบเกษียณฯ บอก 30 ก.ย.นี้ ส่งธงตำแหน่งให้ ผบ.ทบ.คนใหม่ ถือว่าจบภารกิจ
วานนี้ (8ก.ค.) พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. กล่าวถึงกรณี ผบ.ทบ.สหรัฐฯและคณะ จะเดินทางเยือนประเทศไทย ระหว่างวันที่ 9-10 ก.ค.นี้ว่า เราต้องพูดกันด้วยข้อเท็จจริงว่า มีเหตุผลอะไรที่ ผบ.ทบ.สหรัฐฯและคณะมาไทย
ประการแรก ผบ.ทบ.สหรัฐฯมาเพียงแค่วันเดียว คือวันที่ 9ก.ค. และเดินทางกลับวันที่ 10 ก.ค. เพื่อมาลงนามในการแถลงวิสัยทัศน์ร่วมระหว่างกองทัพบกไทยกับกองทัพบกสหรัฐฯ ซึ่งเป็นเรื่องที่ผูกพันกันมาตั้งแต่ พ.ย.62 ที่รมว.กลาโหมสหรัฐฯ มาเยือนประเทศไทย และพบกับนายกรัฐมนตรี ในฐานะ รมว.กลาโหม ได้มีการลงนามว่าด้วยการเป็นพันธมิตรด้านการป้องกันประเทศ หรือ Join Vision statement 2020 ระหว่างกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯและของไทย
ในข้อข้อตกลงดังกล่าว เป็นเรื่องการแลกเปลี่ยนกำลังพลที่ไปฝึกเช่น ขณะนี้มีกองร้อยทหารราบของกองทัพบกไทย โดยจัดกำลังหลักจากกองทัพภาคที่ 2 เดินทางไปเมื่อวันที่ 1 ก.ค. อยู่รัฐฮาวาย สหรัฐอเมริกา ไปฝึกร่วมกับกองพลทหารราบที่ 25 จำนวน 152 นาย โดยในการเดินทางเป็นข้อตกลงระหว่างกันว่า กำลังพลของกองทัพบกไทยทั้งหมด ต้องกักตัว 14 วันตามที่ ศบค.กำหนด และดำเนินการเช่าเครื่องเหมาลำ เพื่อเดินทางไปสหรัฐฯ และเมื่อเดินทางกลับมา ต้องกักตัวอีก 14 วัน
เช่นเดียวกันคณะของ ผบ.ทบ.สหรัฐฯ ไม่เคยปฏิเสธที่จะไม่ปฏิบัติตามระเบียบ หรือกฎใดๆ ทั้งสิ้น ที่จะเป็นการยกเว้น หรือขอยกเว้น โดยระหว่างการติดต่อสื่อสารกัน และทำกำหนดการร่วมกัน ถามแต่ว่าจะให้ทำอะไร ขอให้บอกมา ซึ่งเรื่องนายกฯ และทางศคบ.ได้มีการประชุมกับกองทัพบก เพราะเป็นแขกของกองทัพบก และเราก็ปฏิบัติตามทุกอย่าง ซึ่ง ผบ.ทบ.สหรัฐฯไม่ได้ปฏิเสธ รวมถึงคณะทั้ง 10 คน ก่อนจะเดินทางมา swop (ตรวจสอบ) 3-4 ครั้ง และปฏิบัติตามระเบียบที่มีการหารือกันโดยตลอด ไม่มีการฝ่าฝืนแม้แต่ข้อเดียว
แต่ทุกอย่างต้องมีความจริงต้องพูดกันด้วย factซึ่งมีระเบียบ 2 ข้อ ที่เกี่ยวข้องคือ มาตรา 9 ใน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ปี48 ฉบับที่ 12 ว่าด้วยผู้มีเหตุยกเว้นหรือกรณีที่นายกรัฐมนตรี หรือหัวหน้ารับผิดชอบแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินกำหนด หรืออนุญาต หรือเชิญผู้ใดเข้ามาในราชอาณาจักรตามความจำเป็น โดยอาจกำหนดเงื่อนไขและข้อตกลงและเวลาได้
2. ตามคำสั่ง ศบค.ที่ 7/2563 คือ มีเหตุยกเว้น หรือเป็นกรณีที่นายกฯ หรือหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินให้เข้ามาในราชอาณาจักรไทยได้เท่าความจำเป็นโดยกำหนดเงื่อนไข ผบ.ทบ.สหรัฐฯและคณะ ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขดังกล่าวทุกประการ 1. มีหนังสือรับรองเดินทางว่าเป็นบุคคลเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร 2. มีใบรับรองแพทย์สำหรับการเดินทาง ก่อน 72 ชม. ซึ่งปัจจุบันผบ.ทบ. สหรัฐฯ และคณะ อยู่ระหว่างการเดินทาง และคาดว่าจะแวะเติมน้ำมันที่ เกาะกวม และประเทศญี่ปุ่น ก็จะต้องมีการตรวจเชื้อโควิด ทุกครั้ง ซึ่งปัจจุบันผลการทดสอบจะรู้ผลไม่เกิน 3 ชม. ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี ที่ ผบ.ทบ.สหรัฐฯ เดินจากวอชิงตัน ดี.ซี. และแวะที่รัฐฮาวาย ตรวจเยี่ยมกองร้อยทหารราบของไทย ที่ฝึกอยู่ เนื่องจากเป็นปีที่ 2 ที่กองทัพไทยได้ส่งกองร้อยทหารราบไปฝึก
3. มีใบรับรองแพทย์ยืนยันว่า ไม่มีเชื้อโควิด-19 โดยวิธีการตรวจ rt -pcr และ 4. มีแผนกำหนดการเดินทางชัดเจน และมีเจ้าหน้าที่จากสาธารณสุข และโรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้า ติดตามตลอดเวลา และคณะต้องไม่เกิน 10 นาย
นอกจากนี้จากการประชุมหารือ ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดโควิด-19 ประเทศไทยถือเป็นประเทศที่น่าจะแสดงความยินดี และเราน่าจะมีความภูมิใจ ที่รัฐบาล โดยนายกรัฐมนตรีได้ตัดสินใจ แม้จะมีบางคนที่รู้สึกต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าเราสามารถควบคุมโรคได้เป็นอย่างดี เพราะฉะนั้นใครก็ตามที่จะเข้ามาในช่วงนี้ ก็ต้องปฏิบัติตามมาตรการ
ทั้งนี้ คณะผบ.ทบ.สหรัฐฯ ถือเป็นคณะแรก ที่เดินทางมาเยือน และเราไม่สามารถปิดประเทศได้ เราต้องมีการค้า และคณะทูตานุทูต ที่จะต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบเช่นเดียวกัน เราต้องรักษาความสัมพันธ์อันดี ระหว่างประเทศ แม้ว่าทั่วโลกกำลังประสบภัยเช่นเดียวกัน แต่คณะผบ.ทบ.สหรัฐฯ นี้ จะเป็นคณะตัวอย่างที่จะปฏิบัติตามกฎ ระเบียบอย่างเคร่งครัด
นอกจากนั้น ยังมีข้อกำหนดว่า คณะผู้ที่เดินทางมาจากสหรัฐฯ เมื่อมาถึงท่าอากาศยานจะต้องมีการตรวจเชื้อโควิด-19 จากคณะแพทย์กระทรวงสาธารณสุขและมีการติดตามคณะโดยตลอด ร่วมกับคณะแพทย์จาก รพ.พระมงกุฎเกล้า รวมถึงเจ้าหน้าที่การบินไทย เพื่อดูเป็นโมเดลตัวอย่างว่าในอนาคตต่อไปในระยะเวลาอันใกล้นี้ หากมีคณะอื่นมาเยือน จะได้ปฏิบัติถูก ว่าเรามีระเบียบอย่างไร
เมื่อตรวจเสร็จแล้วก็จะขึ้นรถแยก โดยรถจะมีฉากกระจกกั้นระหว่างพลขับของไทย และคณะของผู้ที่มาเยือน เพราะฉะนั้นโอกาสที่จะสัมผัสกัน ไม่มีแน่นอน ส่วนกระเป๋าสัมภาระจะถูกพ่นยาฆ่าเชื้อ การเดินทางไม่มีออกนอกเส้นทาง รวมถึงการรับประทานอาหารในโรงแรมทุกมื้อ ยกเว้นในวันที่ 10 ก.ค. จะต้องไปเยี่ยมคำนับนายกรัฐมนตรี ในฐานะรมว.กลาโหม
เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า นายกฯ ขอให้เลื่อนกำหนดการนี้ออกไป แต่ทางสหรัฐฯ ไม่เลื่อน พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวว่า นายกฯไม่เคยบอกให้เลื่อน บอกแต่ว่าหากมาต้องปฏิบัติตามกฎ เพราะนายกฯรับทราบว่า การฝึกเป็นการฝึกต่อเนื่อง รวมถึงการแลกเปลี่ยน เช่นในก.ย.ปีนี้ เราจะต้องส่งนักบิน 2 นาย ไปทำงานกับกองทัพบกสหรัฐฯ เป็นเวลา 2 ปี ขณะเดียวกัน สหรัฐฯ ก็ส่งนักบินแบล็คฮ็อค มาปฏิบัติหน้าที่ที่ศูนย์การบินทหารบก ในฝูงบินแบล็คฮ็อค เช่นเดียวกันเป็นเวลา 2 ปี และเราส่งนายทหารจากกรมทหารราบที่ 112 หรือ กรมไสตเกอร์ ไปปฏิบัติงานที่สหรัฐฯ 2 ปีเช่นกัน และสหรัฐฯ ก็ส่งคนของเขามาปฏิบัติหน้าที่เช่นเดียวกัน นี่คือความสัมพันธ์ที่เรามีต่อกัน
เมื่อถามว่าสหรัฐฯ ต้องการที่จะมาใช้พื้นที่ของไทย เพื่อตั้งเป็นฐานทัพหรือไม่ พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวว่า ไม่ใช่ เช่น เรากับสิงคโปร์ มีพื้นที่ฝึกที่ จ.กาญจนบุรี มานานแล้ว และลงนามเซ็นสัญญากันทุก 3 ปี และ 5 ปี โดยใน 1 ปี ต้องมองว่ากองทัพสหรัฐฯ เข้ามาฝึกร่วมกับมิตรประเทศในรหัส คอบร้าโกลด์ และมีกี่ประเทศ ที่เข้าร่วมและแต่ละครั้งนอกเหนือจากการพัฒนาหลักนิยม หรือการฝึกฝนของกำลังพลของกองทัพบก ยังได้ในเรื่องการท่องเที่ยว ชื่อเสียงของประเทศ ยืนยันไม่ได้มีการมาตั้งฐานทัพ แต่มีการฝากอุปกรณ์ในช่วงที่มีการฝึกเท่านั้น อย่าสร้างอะไรที่เป็นประเด็นความขัดแย้งในภูมิภาค
พล.อ.อภิรัชต์ ยังกล่าวถึงกระแสข่าวที่ว่าจะมีการต่ออายุราชการ ว่า จากใจตน และตนถามตัวเองอยู่เสมอว่า อย่างแรกเราเป็นทหารอาชีพ และสอง แนวทางการรับราชการถูกกำหนดไว้ชัดเจนว่าจะต้องเกษียณอายุราชการ บางคนพยายามไปขุดคุ้ยว่ามีอยู่ 2 คน ประสบความสำเร็จในการต่ออายุราชการ ซึ่งไม่ใช่ ดังนั้นอย่าไปสร้างกระแส ในส่วนของตนปฏิบัติตามระเบียบของกระทรวงกลาโหม และระเบียบในการเกษียณอายุราชการ รวมถึงผู้บัญชาการเหล่าทัพทุกคน ที่จะเกษียณอายุราชการ
"เรามีการคุยกันในการประชุม ผบ.เหล่าทัพ เราก็หารือกันว่าข่าวพวกนี้ ไม่ใช่ข่าวเชิงสร้างสรรค์ จะทำให้เกิดความขัดแย้ง ผมมองแล้วไม่มีสาระ และไม่มีข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้นเลย และวันที่ 30 กันยายน 2563 ผมก็ส่งธงตำแหน่ง ผบ.ทบ. และถือว่าหมดภาระหน้าที่ ก็จบภารกิจในการเป็น ผบ.ทบ." พล.อ.พล.อ.อภิรัชต์ กล่าว
วานนี้ (8ก.ค.) พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. กล่าวถึงกรณี ผบ.ทบ.สหรัฐฯและคณะ จะเดินทางเยือนประเทศไทย ระหว่างวันที่ 9-10 ก.ค.นี้ว่า เราต้องพูดกันด้วยข้อเท็จจริงว่า มีเหตุผลอะไรที่ ผบ.ทบ.สหรัฐฯและคณะมาไทย
ประการแรก ผบ.ทบ.สหรัฐฯมาเพียงแค่วันเดียว คือวันที่ 9ก.ค. และเดินทางกลับวันที่ 10 ก.ค. เพื่อมาลงนามในการแถลงวิสัยทัศน์ร่วมระหว่างกองทัพบกไทยกับกองทัพบกสหรัฐฯ ซึ่งเป็นเรื่องที่ผูกพันกันมาตั้งแต่ พ.ย.62 ที่รมว.กลาโหมสหรัฐฯ มาเยือนประเทศไทย และพบกับนายกรัฐมนตรี ในฐานะ รมว.กลาโหม ได้มีการลงนามว่าด้วยการเป็นพันธมิตรด้านการป้องกันประเทศ หรือ Join Vision statement 2020 ระหว่างกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯและของไทย
ในข้อข้อตกลงดังกล่าว เป็นเรื่องการแลกเปลี่ยนกำลังพลที่ไปฝึกเช่น ขณะนี้มีกองร้อยทหารราบของกองทัพบกไทย โดยจัดกำลังหลักจากกองทัพภาคที่ 2 เดินทางไปเมื่อวันที่ 1 ก.ค. อยู่รัฐฮาวาย สหรัฐอเมริกา ไปฝึกร่วมกับกองพลทหารราบที่ 25 จำนวน 152 นาย โดยในการเดินทางเป็นข้อตกลงระหว่างกันว่า กำลังพลของกองทัพบกไทยทั้งหมด ต้องกักตัว 14 วันตามที่ ศบค.กำหนด และดำเนินการเช่าเครื่องเหมาลำ เพื่อเดินทางไปสหรัฐฯ และเมื่อเดินทางกลับมา ต้องกักตัวอีก 14 วัน
เช่นเดียวกันคณะของ ผบ.ทบ.สหรัฐฯ ไม่เคยปฏิเสธที่จะไม่ปฏิบัติตามระเบียบ หรือกฎใดๆ ทั้งสิ้น ที่จะเป็นการยกเว้น หรือขอยกเว้น โดยระหว่างการติดต่อสื่อสารกัน และทำกำหนดการร่วมกัน ถามแต่ว่าจะให้ทำอะไร ขอให้บอกมา ซึ่งเรื่องนายกฯ และทางศคบ.ได้มีการประชุมกับกองทัพบก เพราะเป็นแขกของกองทัพบก และเราก็ปฏิบัติตามทุกอย่าง ซึ่ง ผบ.ทบ.สหรัฐฯไม่ได้ปฏิเสธ รวมถึงคณะทั้ง 10 คน ก่อนจะเดินทางมา swop (ตรวจสอบ) 3-4 ครั้ง และปฏิบัติตามระเบียบที่มีการหารือกันโดยตลอด ไม่มีการฝ่าฝืนแม้แต่ข้อเดียว
แต่ทุกอย่างต้องมีความจริงต้องพูดกันด้วย factซึ่งมีระเบียบ 2 ข้อ ที่เกี่ยวข้องคือ มาตรา 9 ใน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ปี48 ฉบับที่ 12 ว่าด้วยผู้มีเหตุยกเว้นหรือกรณีที่นายกรัฐมนตรี หรือหัวหน้ารับผิดชอบแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินกำหนด หรืออนุญาต หรือเชิญผู้ใดเข้ามาในราชอาณาจักรตามความจำเป็น โดยอาจกำหนดเงื่อนไขและข้อตกลงและเวลาได้
2. ตามคำสั่ง ศบค.ที่ 7/2563 คือ มีเหตุยกเว้น หรือเป็นกรณีที่นายกฯ หรือหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินให้เข้ามาในราชอาณาจักรไทยได้เท่าความจำเป็นโดยกำหนดเงื่อนไข ผบ.ทบ.สหรัฐฯและคณะ ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขดังกล่าวทุกประการ 1. มีหนังสือรับรองเดินทางว่าเป็นบุคคลเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร 2. มีใบรับรองแพทย์สำหรับการเดินทาง ก่อน 72 ชม. ซึ่งปัจจุบันผบ.ทบ. สหรัฐฯ และคณะ อยู่ระหว่างการเดินทาง และคาดว่าจะแวะเติมน้ำมันที่ เกาะกวม และประเทศญี่ปุ่น ก็จะต้องมีการตรวจเชื้อโควิด ทุกครั้ง ซึ่งปัจจุบันผลการทดสอบจะรู้ผลไม่เกิน 3 ชม. ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี ที่ ผบ.ทบ.สหรัฐฯ เดินจากวอชิงตัน ดี.ซี. และแวะที่รัฐฮาวาย ตรวจเยี่ยมกองร้อยทหารราบของไทย ที่ฝึกอยู่ เนื่องจากเป็นปีที่ 2 ที่กองทัพไทยได้ส่งกองร้อยทหารราบไปฝึก
3. มีใบรับรองแพทย์ยืนยันว่า ไม่มีเชื้อโควิด-19 โดยวิธีการตรวจ rt -pcr และ 4. มีแผนกำหนดการเดินทางชัดเจน และมีเจ้าหน้าที่จากสาธารณสุข และโรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้า ติดตามตลอดเวลา และคณะต้องไม่เกิน 10 นาย
นอกจากนี้จากการประชุมหารือ ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดโควิด-19 ประเทศไทยถือเป็นประเทศที่น่าจะแสดงความยินดี และเราน่าจะมีความภูมิใจ ที่รัฐบาล โดยนายกรัฐมนตรีได้ตัดสินใจ แม้จะมีบางคนที่รู้สึกต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าเราสามารถควบคุมโรคได้เป็นอย่างดี เพราะฉะนั้นใครก็ตามที่จะเข้ามาในช่วงนี้ ก็ต้องปฏิบัติตามมาตรการ
ทั้งนี้ คณะผบ.ทบ.สหรัฐฯ ถือเป็นคณะแรก ที่เดินทางมาเยือน และเราไม่สามารถปิดประเทศได้ เราต้องมีการค้า และคณะทูตานุทูต ที่จะต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบเช่นเดียวกัน เราต้องรักษาความสัมพันธ์อันดี ระหว่างประเทศ แม้ว่าทั่วโลกกำลังประสบภัยเช่นเดียวกัน แต่คณะผบ.ทบ.สหรัฐฯ นี้ จะเป็นคณะตัวอย่างที่จะปฏิบัติตามกฎ ระเบียบอย่างเคร่งครัด
นอกจากนั้น ยังมีข้อกำหนดว่า คณะผู้ที่เดินทางมาจากสหรัฐฯ เมื่อมาถึงท่าอากาศยานจะต้องมีการตรวจเชื้อโควิด-19 จากคณะแพทย์กระทรวงสาธารณสุขและมีการติดตามคณะโดยตลอด ร่วมกับคณะแพทย์จาก รพ.พระมงกุฎเกล้า รวมถึงเจ้าหน้าที่การบินไทย เพื่อดูเป็นโมเดลตัวอย่างว่าในอนาคตต่อไปในระยะเวลาอันใกล้นี้ หากมีคณะอื่นมาเยือน จะได้ปฏิบัติถูก ว่าเรามีระเบียบอย่างไร
เมื่อตรวจเสร็จแล้วก็จะขึ้นรถแยก โดยรถจะมีฉากกระจกกั้นระหว่างพลขับของไทย และคณะของผู้ที่มาเยือน เพราะฉะนั้นโอกาสที่จะสัมผัสกัน ไม่มีแน่นอน ส่วนกระเป๋าสัมภาระจะถูกพ่นยาฆ่าเชื้อ การเดินทางไม่มีออกนอกเส้นทาง รวมถึงการรับประทานอาหารในโรงแรมทุกมื้อ ยกเว้นในวันที่ 10 ก.ค. จะต้องไปเยี่ยมคำนับนายกรัฐมนตรี ในฐานะรมว.กลาโหม
เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า นายกฯ ขอให้เลื่อนกำหนดการนี้ออกไป แต่ทางสหรัฐฯ ไม่เลื่อน พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวว่า นายกฯไม่เคยบอกให้เลื่อน บอกแต่ว่าหากมาต้องปฏิบัติตามกฎ เพราะนายกฯรับทราบว่า การฝึกเป็นการฝึกต่อเนื่อง รวมถึงการแลกเปลี่ยน เช่นในก.ย.ปีนี้ เราจะต้องส่งนักบิน 2 นาย ไปทำงานกับกองทัพบกสหรัฐฯ เป็นเวลา 2 ปี ขณะเดียวกัน สหรัฐฯ ก็ส่งนักบินแบล็คฮ็อค มาปฏิบัติหน้าที่ที่ศูนย์การบินทหารบก ในฝูงบินแบล็คฮ็อค เช่นเดียวกันเป็นเวลา 2 ปี และเราส่งนายทหารจากกรมทหารราบที่ 112 หรือ กรมไสตเกอร์ ไปปฏิบัติงานที่สหรัฐฯ 2 ปีเช่นกัน และสหรัฐฯ ก็ส่งคนของเขามาปฏิบัติหน้าที่เช่นเดียวกัน นี่คือความสัมพันธ์ที่เรามีต่อกัน
เมื่อถามว่าสหรัฐฯ ต้องการที่จะมาใช้พื้นที่ของไทย เพื่อตั้งเป็นฐานทัพหรือไม่ พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวว่า ไม่ใช่ เช่น เรากับสิงคโปร์ มีพื้นที่ฝึกที่ จ.กาญจนบุรี มานานแล้ว และลงนามเซ็นสัญญากันทุก 3 ปี และ 5 ปี โดยใน 1 ปี ต้องมองว่ากองทัพสหรัฐฯ เข้ามาฝึกร่วมกับมิตรประเทศในรหัส คอบร้าโกลด์ และมีกี่ประเทศ ที่เข้าร่วมและแต่ละครั้งนอกเหนือจากการพัฒนาหลักนิยม หรือการฝึกฝนของกำลังพลของกองทัพบก ยังได้ในเรื่องการท่องเที่ยว ชื่อเสียงของประเทศ ยืนยันไม่ได้มีการมาตั้งฐานทัพ แต่มีการฝากอุปกรณ์ในช่วงที่มีการฝึกเท่านั้น อย่าสร้างอะไรที่เป็นประเด็นความขัดแย้งในภูมิภาค
พล.อ.อภิรัชต์ ยังกล่าวถึงกระแสข่าวที่ว่าจะมีการต่ออายุราชการ ว่า จากใจตน และตนถามตัวเองอยู่เสมอว่า อย่างแรกเราเป็นทหารอาชีพ และสอง แนวทางการรับราชการถูกกำหนดไว้ชัดเจนว่าจะต้องเกษียณอายุราชการ บางคนพยายามไปขุดคุ้ยว่ามีอยู่ 2 คน ประสบความสำเร็จในการต่ออายุราชการ ซึ่งไม่ใช่ ดังนั้นอย่าไปสร้างกระแส ในส่วนของตนปฏิบัติตามระเบียบของกระทรวงกลาโหม และระเบียบในการเกษียณอายุราชการ รวมถึงผู้บัญชาการเหล่าทัพทุกคน ที่จะเกษียณอายุราชการ
"เรามีการคุยกันในการประชุม ผบ.เหล่าทัพ เราก็หารือกันว่าข่าวพวกนี้ ไม่ใช่ข่าวเชิงสร้างสรรค์ จะทำให้เกิดความขัดแย้ง ผมมองแล้วไม่มีสาระ และไม่มีข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้นเลย และวันที่ 30 กันยายน 2563 ผมก็ส่งธงตำแหน่ง ผบ.ทบ. และถือว่าหมดภาระหน้าที่ ก็จบภารกิจในการเป็น ผบ.ทบ." พล.อ.พล.อ.อภิรัชต์ กล่าว