ผู้จัดการรายวัน360- ครม.ไฟเขียวแผนพลังงานสร้างไทยของกระทรวงพลังงานเร่งรัดการลงทุนปี 2563 กว่า 2 แสนล้านบาท หนุนจ้างงาน 10,000 คน หวังฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยหลังโควิด-19 มุ่ง 3 ด้าน 1.สร้างชุมชนเข้มแข็งกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก 2. พลังงานทดแทนเพื่อทุกคน และ3.ด้านนวัตกรรม เพื่อช่วยต่อยอดรายได้และเพิ่มมูลค่าของผู้ประกอบการสตาร์ทอัป
นางสาวรัชดา ธนาดิเรก ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. ครม.เห็นชอบมาตรการช่วยเศรษฐกิจ พลังงานสร้างไทย ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ซึ่งจะเร่งรัดการลงทุนทางด้านพลังงานในปี 2563 ประมาณ 203,770 ล้านบาท เพื่อกระตุ้นให้เกิดการจ้างงานกว่า 10,000 คน หวังฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยหลังโควิด-19
การลงทุนที่สำคัญได้แก่ การลงทุนสำรวจและผลิตปิโตรเลียม การรื้อถอนแท่นผลิตปิโตรเลียม การลงทุนพัฒนาและปรับปรุงระบบสายส่งไฟฟ้าให้พร้อมรองรับพลังงานหมุนเวียน (Grid Modernization) และศึกษาความเป็นไปได้ของการเชื่อมโยงสายส่งไฟฟ้ากับประเทศเพื่อนบ้าน
แผนงานเน้น 3 ด้าน คือ 1. การสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ประกอบด้วย ด้านการส่งเสริมสินค้าชุมชน ส่งเสริมการค้าขายผ่านตลาดนัดออนไลน์ชุมชนรอบโรงไฟฟ้า โดย กฟผ. และการจัดการ Living Community Market Place โดย ปตท. เพื่อเป็นการเชื่อมโยงระหว่างผู้ผลิตและผู้บริโภคผ่านช่องทางการจำหน่ายในรูปแบบออนไลน์และสถานีบริการน้ำมัน ด้านการท่องเที่ยว กระตุ้นและจูงใจให้เกิดการท่องเที่ยว และการพิจารณานำไฟฟ้าส่วนเกินมาใช้ประโยชน์ โดยจัดโครงการห้องเย็น บริเวณสถานีไฟฟ้าย่อย และให้เกษตรกรนำผลิตมาเก็บรักษาและคิดค่าบริการในราคาถูก ตั้งเป้าภาคละ 1 แห่ง ซึ่งคาดว่าจะกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในปี 2563-2564 มูลค่ากว่า 3,700 ล้านบาท และเกิดการจ้างงานกว่า 1,000 คน
2.ด้านพลังงานทดแทนเพื่อทุกคน ดำเนินการใน 3 ส่วน ส่วนแรกได้แก่โรงไฟฟ้าชุมชนนำร่องขนาดกำลังผลิตแห่งละ 3 เมกกะวัตต์ ที่ อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ของกฟผ. ใช้หญ้าเนเปียร์เป็นเชื้อเพลิง และอำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ ใช้ซังข้าวโพดเป็นเชื้อเพลิง , โรงไฟฟ้าชุมชนรูปแบบ Quick win กำลังผลิตรวม 100 เมกกะวัตต์ โดยเชิญชวนผู้สนใจลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้าในปี 2563 และโรงไฟฟ้าชุมชนทั่วไป กำลังผลิตรวม 600 เมกะวัตต์ ที่จะเริ่มประกาศชวนชวนผู้สนใจภายในปี 2563 และคาดว่าจะลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้าได้ ภายในปี 2564
นอกจากนี้ยัง การส่งเสริมการปลูกต้นไม้โตเร็วเพื่อผลิตเชื้อเพลิง ทำให้เกษตรกรมีรายได้ การส่งเสริมการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา การใช้ระบบ Blockchain เข้ามาช่วยในการซื้อขายน้ำมันปาล์ม คาดว่าจะทำให้เกิดการลงทุนด้านพลังงานทดแทนและเกิดรายได้หมุนเวียนในปี 2563 -2564 กว่า 30,000 ล้านบาท และเกิดการจ้างงานกว่า 8,000 คน
3.ด้านนวัตกรรม เช่น การส่งเสริมและการระดมทุนแก่ผู้ประกอบการ Startup ที่มีศักยภาพโดย ปตท. ผ่านกลไกของบริษัท Innospace ซึ่งช่วยต่อยอดรายได้และเพิ่มมูลค่าของผู้ประกอบการ Startup ไทย การจัดตั้ง Innovation Holding Company โดย กฟผ. เพื่อสนับสนุนการสร้างนวัตกรรมด้านไฟฟ้า การผลักดันการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งที่ใช้ไฟฟ้า (E-Transportation) ซึ่งคาดว่าจะก่อให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมด้านพลังงาน ที่สร้างมูลค่าการลงทุนในปี 2563-2564 รวมกว่า 470 ล้านบาท
นางสาวรัชดา ธนาดิเรก ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. ครม.เห็นชอบมาตรการช่วยเศรษฐกิจ พลังงานสร้างไทย ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ซึ่งจะเร่งรัดการลงทุนทางด้านพลังงานในปี 2563 ประมาณ 203,770 ล้านบาท เพื่อกระตุ้นให้เกิดการจ้างงานกว่า 10,000 คน หวังฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยหลังโควิด-19
การลงทุนที่สำคัญได้แก่ การลงทุนสำรวจและผลิตปิโตรเลียม การรื้อถอนแท่นผลิตปิโตรเลียม การลงทุนพัฒนาและปรับปรุงระบบสายส่งไฟฟ้าให้พร้อมรองรับพลังงานหมุนเวียน (Grid Modernization) และศึกษาความเป็นไปได้ของการเชื่อมโยงสายส่งไฟฟ้ากับประเทศเพื่อนบ้าน
แผนงานเน้น 3 ด้าน คือ 1. การสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ประกอบด้วย ด้านการส่งเสริมสินค้าชุมชน ส่งเสริมการค้าขายผ่านตลาดนัดออนไลน์ชุมชนรอบโรงไฟฟ้า โดย กฟผ. และการจัดการ Living Community Market Place โดย ปตท. เพื่อเป็นการเชื่อมโยงระหว่างผู้ผลิตและผู้บริโภคผ่านช่องทางการจำหน่ายในรูปแบบออนไลน์และสถานีบริการน้ำมัน ด้านการท่องเที่ยว กระตุ้นและจูงใจให้เกิดการท่องเที่ยว และการพิจารณานำไฟฟ้าส่วนเกินมาใช้ประโยชน์ โดยจัดโครงการห้องเย็น บริเวณสถานีไฟฟ้าย่อย และให้เกษตรกรนำผลิตมาเก็บรักษาและคิดค่าบริการในราคาถูก ตั้งเป้าภาคละ 1 แห่ง ซึ่งคาดว่าจะกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในปี 2563-2564 มูลค่ากว่า 3,700 ล้านบาท และเกิดการจ้างงานกว่า 1,000 คน
2.ด้านพลังงานทดแทนเพื่อทุกคน ดำเนินการใน 3 ส่วน ส่วนแรกได้แก่โรงไฟฟ้าชุมชนนำร่องขนาดกำลังผลิตแห่งละ 3 เมกกะวัตต์ ที่ อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ของกฟผ. ใช้หญ้าเนเปียร์เป็นเชื้อเพลิง และอำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ ใช้ซังข้าวโพดเป็นเชื้อเพลิง , โรงไฟฟ้าชุมชนรูปแบบ Quick win กำลังผลิตรวม 100 เมกกะวัตต์ โดยเชิญชวนผู้สนใจลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้าในปี 2563 และโรงไฟฟ้าชุมชนทั่วไป กำลังผลิตรวม 600 เมกะวัตต์ ที่จะเริ่มประกาศชวนชวนผู้สนใจภายในปี 2563 และคาดว่าจะลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้าได้ ภายในปี 2564
นอกจากนี้ยัง การส่งเสริมการปลูกต้นไม้โตเร็วเพื่อผลิตเชื้อเพลิง ทำให้เกษตรกรมีรายได้ การส่งเสริมการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา การใช้ระบบ Blockchain เข้ามาช่วยในการซื้อขายน้ำมันปาล์ม คาดว่าจะทำให้เกิดการลงทุนด้านพลังงานทดแทนและเกิดรายได้หมุนเวียนในปี 2563 -2564 กว่า 30,000 ล้านบาท และเกิดการจ้างงานกว่า 8,000 คน
3.ด้านนวัตกรรม เช่น การส่งเสริมและการระดมทุนแก่ผู้ประกอบการ Startup ที่มีศักยภาพโดย ปตท. ผ่านกลไกของบริษัท Innospace ซึ่งช่วยต่อยอดรายได้และเพิ่มมูลค่าของผู้ประกอบการ Startup ไทย การจัดตั้ง Innovation Holding Company โดย กฟผ. เพื่อสนับสนุนการสร้างนวัตกรรมด้านไฟฟ้า การผลักดันการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งที่ใช้ไฟฟ้า (E-Transportation) ซึ่งคาดว่าจะก่อให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมด้านพลังงาน ที่สร้างมูลค่าการลงทุนในปี 2563-2564 รวมกว่า 470 ล้านบาท