"สมคิด" หารือร่วม "สนธิรัตน์" เตรียมพร้อมนโยบาย “พลังงานสร้างชาติ” เร่งรัดลงทุนปีนี้กว่า 2 แสนล้านบาทพยุงเศรษฐกิจจ้างงาน รวม 3 ปี (ปี 63-65) ลงทุนกว่า 1.1 ล้านล้านบาท บี้ “ปตท.-กฟผ.” รีวิวลงทุนดึงงบปี 64 ร่วมกระตุ้น
วานนี้ (25 มิ.ย.) นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังเดินทางมามอบนโยบาย "พลังงานสร้างชาติ" และหารือเพื่อเตรียมแผนงานด้านพลังงานในการลดค่าครองชีพและสร้างรายได้ให้กับประชาชนหลังสถานการณ์เชื้อโควิด-19 เริ่มคลี่คลายร่วมกับ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงานและหน่วยงานในสังกัดเมื่อ 25 มิ.ย.ว่า ภาวะที่ประชาชนทั้งประเทศลำบากจึงต้องการให้กระทรวงพลังงานเร่งรัดมาตรการลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนโดยขับเคลื่อนให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้โดยเฉพาะระยะสั้นภายในปี 2563 ที่แผนดังกล่าวจะมีการเร่งรัดการลงทุนด้านพลังงานกว่า 2.03 แสนล้านบาท และรวม 3 ปี(ปี 2563-65) กว่า 1.1 ล้านล้านบาท
“กระทรวงพลังงานต้องเร่งรัดเพื่อให้คนไทยก้าวข้ามปีนี้ไปให้ได้ ดังนั้นเวลาที่เหลืออยู่ไม่มากจะต้องทำอย่างไรให้เศรษฐกิจหมุนและเกิดการจ้างงานและให้เน้นเกษตรให้มากขึ้นเพื่อเป็นฐานต่อไปในปีหน้า ขณะที่ทาง บมจ.ปตท.และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) หน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัดผมเองมีแผนที่จะไปตรวจเยี่ยมก็เห็นว่าทั้ง 2 หน่วยงางบลงทุนปีนี้ต้องไม่พลาดเป้าและงบปี 64 ขอให้มาเร่งรัดลงทุนในปีนี้เพื่อพยุงเศรษฐกิจเนื่องจากครึ่งปีหลังเศรษฐกิจไม่ดีนักทำอย่างไรจะให้มีการจ้างนักศึกษาจบใหม่ "นายสมคิดกล่าว
นอกจากนี้ขอให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) กระทรวงพลังงาน, ปตท.และกฟผ.ศึกษาความเป็นไปได้ที่จะลดราคาพลังงานลงมาอีกโดยเฉพาะราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (NGV) และแอลพีจีไม่ใช่แค่ตรึงราคา รวมถึงร่วมกับกองทุนหมู่บ้านที่จะพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวเพื่อการเกษตร เป็นต้น อย่างไรก็ตามรัฐบาลได้ให้มีการยื่นเสนอโครงการภายใต้กรอบนโยบายการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมของประเทศวงเงิน 4 แสนล้านบาทจึงเห็นว่าทั้งปตท.และกฟผ.เองก็สามารถยื่นขอได้หากเห็นว่าจะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจฐานรากซึ่งเบื้องต้นกระทรวงพลังงานเองก็ได้เสนอยื่นของบดังกล่าววงเงิน 1,000 ล้านบาท ส่วนโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานรากขอให้มุ่งเน้นชุมชนดำเนินการเองเป็นหลัก
ด้าน นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน กล่าวว่า แผนพลังงานสร้างชาติจะดำเนินการ 3 ด้านในช่วงปี 2563-2565 คือ 1.ลดรายจ่ายแก่ประชาชนช่วงโควิด-19 รวมกว่า 40,500 ล้านบาท ผ่านมาตรการช่วยเหลือสำคัญ อาทิ ลดค่าไฟฟ้าครัวเรือนและภาคธุรกิจด้วยการบริหารจัดการเพื่อลดต้นทุนค่าไฟฟ้าจากการนำเข้า Spot LNG การยกเว้นเก็บอัตราค่าไฟฟ้าขั้นต่ำ (Minimum charge) ถึง ก.ย.63, การตรึงราคาแอลพีจี 3 เดือนถึงก.ย.63 และลดราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นลง 50 สตางค์ต่อลิตร เป็นต้น
2. เร่งรัดการลงทุนด้านพลังงาน รวมกว่า 2.03 แสนล้านบาท ในปี 63 อีก 4.57แสนล้านบาทในปี 64 และ 4.5 แสนล้านบาทในปี 65 รวม 3 ปี 1.11 ล้านล้านบาท โดยคาดว่าปีนี้จะก่อให้เกิดการจ้างงานกว่า 1 หมื่นอัตรา และการลงทุน อาทิ เปิดสำรวจและผลิตปิโตรเลียมรอบใหม่, เริ่มดำเนินการ LNG Hub, การรื้อถอนแท่นปิโตรเลียม และเร่ง LNG receiving Terminal เป็นต้น
และ 3.กระตุ้นเศรษฐกิจ ฟื้นฟูหลังโควิด-19 รวมกว่า 30,000 ล้านบาท สร้างรายได้ให้ชุมชน เกิดการจ้างงานกว่า 8 พันคน โดย กฟผ.จะกระตุ้นให้เกิดการค้าผ่านตลาดนัดออนไลน์ชุมชนโรงไฟฟ้าและท่องเที่ยวเขื่อนทั่วไทย และ ปตท. จะจัด Living Community Market Place และเที่ยวทั่วทิศกระตุ้นเศรษฐกิจกับ Blue card
นอกจากนี้ในส่วนของโรงไฟฟ้าชุมชน การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 30 มิ.ย.นี้ จะมีวาระการเห็นชอบแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1 (PDP-ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1) ที่จะมีการบรรจุโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานเอาไว้ในแผนดังกล่าวดังนั้นเมื่อผ่านครม.แล้วกระทรวงได้มอบหมายให้ กกพ. เปิดรับซื้อไฟฟ้าในโครงการดังกล่าวระยะเร่งด่วน (ควิกวิน) 100 เมกะวัตต์ ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.63 คัดเลือกเอกชนได้กลาง ส.ค.นี้ และจะลงนามได้ภายใน พ.ย.-ธ.ค.นี้ ส่วนโครงการทั่วไป 600 เมกะวัตต์นั้น กระทรวงฯจะเร่งดำเนินการรับซื้อให้ได้ภายในเดือน ต.ค.นี้และคาดว่าจะลงนามได้ภายในไตรมาส 1 ของปี 2564
นายสนธิรัตน์กล่าวว่า วันที่ 29 มิ.ย.นี้กระทรวงพลังงานจะหารือร่วมกับผู้ประกอบการและภาคประชาชนต่างๆที่เกี่ยวข้องเพื่อขับเคลื่อนโครงการโซลาร์ภาคประชาชนที่ก่อนหน้านี้มีการส่งเสริมให้ประชาชนติดตั้งการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาสำหรับประเภทบ้านที่อยู่อาศัยและที่เหลือรับซื้อในอัตรา 1.68 บาทต่อหน่วยก็จะมาหาแนวทางถึงการขับเคลื่อนให้โครงการเดินหน้ามากขึ้นจากปัจจุบันมีผู้เข้าร่วมโครงการค่อนข้างต่ำ
“นโยบายปาล์มนั้นได้มอบให้ บมจ.ปตท.รับซื้อ B100 ล่วงหน้า 30 ล้านลิตรเพื่อที่จะเป็นการกำหนดราคาบี 100 ให้สะท้อนไปยังราคาปาล์มถึงเกษตรกรที่สอดรับกันซึ่งขณะนี้กรมธุรกิจพลังงานได้นำร่องใช้ระบบบล็อกเชนมื้อขายนำร่องกับผู้ผลิต 3 แห่งแล้วซึ่ง ปตท.จะต้องรับซื้อกับผู้ที่ซื้อผ่านระบบนี้" นายสนธิรัตน์กล่าว
ขณะที่ นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า กระทรวงพลังานได้เห็นชอบจัดตั้ง บ. Innovation Holding ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง กฟผ.ถือหุ้น 40%, บริษัท ราช กรุ๊ป ถือหุ้น 30% และบริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO ถือหุ้น 30% เพื่อเข้ามาช่วยสนับสนุนการพัฒนาไฟฟ้าในยุค Disruptive technology ผลักดันการพัฒนา E-Transportation โดยจะเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) เห็นชอบและเตรียมจดทะเบียนจัดตั้งได้ในปีนี้ทุนจดทะเบียนเบื้องต้น 300 ล้านบาท
วานนี้ (25 มิ.ย.) นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังเดินทางมามอบนโยบาย "พลังงานสร้างชาติ" และหารือเพื่อเตรียมแผนงานด้านพลังงานในการลดค่าครองชีพและสร้างรายได้ให้กับประชาชนหลังสถานการณ์เชื้อโควิด-19 เริ่มคลี่คลายร่วมกับ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงานและหน่วยงานในสังกัดเมื่อ 25 มิ.ย.ว่า ภาวะที่ประชาชนทั้งประเทศลำบากจึงต้องการให้กระทรวงพลังงานเร่งรัดมาตรการลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนโดยขับเคลื่อนให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้โดยเฉพาะระยะสั้นภายในปี 2563 ที่แผนดังกล่าวจะมีการเร่งรัดการลงทุนด้านพลังงานกว่า 2.03 แสนล้านบาท และรวม 3 ปี(ปี 2563-65) กว่า 1.1 ล้านล้านบาท
“กระทรวงพลังงานต้องเร่งรัดเพื่อให้คนไทยก้าวข้ามปีนี้ไปให้ได้ ดังนั้นเวลาที่เหลืออยู่ไม่มากจะต้องทำอย่างไรให้เศรษฐกิจหมุนและเกิดการจ้างงานและให้เน้นเกษตรให้มากขึ้นเพื่อเป็นฐานต่อไปในปีหน้า ขณะที่ทาง บมจ.ปตท.และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) หน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัดผมเองมีแผนที่จะไปตรวจเยี่ยมก็เห็นว่าทั้ง 2 หน่วยงางบลงทุนปีนี้ต้องไม่พลาดเป้าและงบปี 64 ขอให้มาเร่งรัดลงทุนในปีนี้เพื่อพยุงเศรษฐกิจเนื่องจากครึ่งปีหลังเศรษฐกิจไม่ดีนักทำอย่างไรจะให้มีการจ้างนักศึกษาจบใหม่ "นายสมคิดกล่าว
นอกจากนี้ขอให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) กระทรวงพลังงาน, ปตท.และกฟผ.ศึกษาความเป็นไปได้ที่จะลดราคาพลังงานลงมาอีกโดยเฉพาะราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (NGV) และแอลพีจีไม่ใช่แค่ตรึงราคา รวมถึงร่วมกับกองทุนหมู่บ้านที่จะพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวเพื่อการเกษตร เป็นต้น อย่างไรก็ตามรัฐบาลได้ให้มีการยื่นเสนอโครงการภายใต้กรอบนโยบายการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมของประเทศวงเงิน 4 แสนล้านบาทจึงเห็นว่าทั้งปตท.และกฟผ.เองก็สามารถยื่นขอได้หากเห็นว่าจะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจฐานรากซึ่งเบื้องต้นกระทรวงพลังงานเองก็ได้เสนอยื่นของบดังกล่าววงเงิน 1,000 ล้านบาท ส่วนโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานรากขอให้มุ่งเน้นชุมชนดำเนินการเองเป็นหลัก
ด้าน นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน กล่าวว่า แผนพลังงานสร้างชาติจะดำเนินการ 3 ด้านในช่วงปี 2563-2565 คือ 1.ลดรายจ่ายแก่ประชาชนช่วงโควิด-19 รวมกว่า 40,500 ล้านบาท ผ่านมาตรการช่วยเหลือสำคัญ อาทิ ลดค่าไฟฟ้าครัวเรือนและภาคธุรกิจด้วยการบริหารจัดการเพื่อลดต้นทุนค่าไฟฟ้าจากการนำเข้า Spot LNG การยกเว้นเก็บอัตราค่าไฟฟ้าขั้นต่ำ (Minimum charge) ถึง ก.ย.63, การตรึงราคาแอลพีจี 3 เดือนถึงก.ย.63 และลดราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นลง 50 สตางค์ต่อลิตร เป็นต้น
2. เร่งรัดการลงทุนด้านพลังงาน รวมกว่า 2.03 แสนล้านบาท ในปี 63 อีก 4.57แสนล้านบาทในปี 64 และ 4.5 แสนล้านบาทในปี 65 รวม 3 ปี 1.11 ล้านล้านบาท โดยคาดว่าปีนี้จะก่อให้เกิดการจ้างงานกว่า 1 หมื่นอัตรา และการลงทุน อาทิ เปิดสำรวจและผลิตปิโตรเลียมรอบใหม่, เริ่มดำเนินการ LNG Hub, การรื้อถอนแท่นปิโตรเลียม และเร่ง LNG receiving Terminal เป็นต้น
และ 3.กระตุ้นเศรษฐกิจ ฟื้นฟูหลังโควิด-19 รวมกว่า 30,000 ล้านบาท สร้างรายได้ให้ชุมชน เกิดการจ้างงานกว่า 8 พันคน โดย กฟผ.จะกระตุ้นให้เกิดการค้าผ่านตลาดนัดออนไลน์ชุมชนโรงไฟฟ้าและท่องเที่ยวเขื่อนทั่วไทย และ ปตท. จะจัด Living Community Market Place และเที่ยวทั่วทิศกระตุ้นเศรษฐกิจกับ Blue card
นอกจากนี้ในส่วนของโรงไฟฟ้าชุมชน การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 30 มิ.ย.นี้ จะมีวาระการเห็นชอบแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1 (PDP-ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1) ที่จะมีการบรรจุโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานเอาไว้ในแผนดังกล่าวดังนั้นเมื่อผ่านครม.แล้วกระทรวงได้มอบหมายให้ กกพ. เปิดรับซื้อไฟฟ้าในโครงการดังกล่าวระยะเร่งด่วน (ควิกวิน) 100 เมกะวัตต์ ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.63 คัดเลือกเอกชนได้กลาง ส.ค.นี้ และจะลงนามได้ภายใน พ.ย.-ธ.ค.นี้ ส่วนโครงการทั่วไป 600 เมกะวัตต์นั้น กระทรวงฯจะเร่งดำเนินการรับซื้อให้ได้ภายในเดือน ต.ค.นี้และคาดว่าจะลงนามได้ภายในไตรมาส 1 ของปี 2564
นายสนธิรัตน์กล่าวว่า วันที่ 29 มิ.ย.นี้กระทรวงพลังงานจะหารือร่วมกับผู้ประกอบการและภาคประชาชนต่างๆที่เกี่ยวข้องเพื่อขับเคลื่อนโครงการโซลาร์ภาคประชาชนที่ก่อนหน้านี้มีการส่งเสริมให้ประชาชนติดตั้งการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาสำหรับประเภทบ้านที่อยู่อาศัยและที่เหลือรับซื้อในอัตรา 1.68 บาทต่อหน่วยก็จะมาหาแนวทางถึงการขับเคลื่อนให้โครงการเดินหน้ามากขึ้นจากปัจจุบันมีผู้เข้าร่วมโครงการค่อนข้างต่ำ
“นโยบายปาล์มนั้นได้มอบให้ บมจ.ปตท.รับซื้อ B100 ล่วงหน้า 30 ล้านลิตรเพื่อที่จะเป็นการกำหนดราคาบี 100 ให้สะท้อนไปยังราคาปาล์มถึงเกษตรกรที่สอดรับกันซึ่งขณะนี้กรมธุรกิจพลังงานได้นำร่องใช้ระบบบล็อกเชนมื้อขายนำร่องกับผู้ผลิต 3 แห่งแล้วซึ่ง ปตท.จะต้องรับซื้อกับผู้ที่ซื้อผ่านระบบนี้" นายสนธิรัตน์กล่าว
ขณะที่ นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า กระทรวงพลังานได้เห็นชอบจัดตั้ง บ. Innovation Holding ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง กฟผ.ถือหุ้น 40%, บริษัท ราช กรุ๊ป ถือหุ้น 30% และบริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO ถือหุ้น 30% เพื่อเข้ามาช่วยสนับสนุนการพัฒนาไฟฟ้าในยุค Disruptive technology ผลักดันการพัฒนา E-Transportation โดยจะเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) เห็นชอบและเตรียมจดทะเบียนจัดตั้งได้ในปีนี้ทุนจดทะเบียนเบื้องต้น 300 ล้านบาท
