ผู้จัดการรายวัน360- กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย-กลุ่มพลเมืองโต้กลับ บุกอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จัดกิจกรรม"ลบยังไงก็ไม่ลืม" ในโอกาสครบรอบ 88 ปี เปลี่ยนแปลงการปกครอง ขณะที่กลุ่มการเมืองบุกสภาฯ ทำกิจกรรม "24มิถุนา"ยื่นหนังสือแกนนำฝ่ายค้าน-กมธ.แก้ไขรธน. ทวงรธน.ประชาชน ปักหมุดประชาธิปไตย ด้าน ทบ.สวนกระแส 2475 "บิ๊กแดง" มอบหมาย รอง ผบ.ทบ. จัดพิธีรำลึก "พระองค์เจ้าบวรเดช-พระยาศรีสิทธิสงคราม" เป็นครั้งแรก เชิดชูเป็นทหารประชาธิปไตย ก่อกบฏ 2476 หวังล้มรัฐบาลพระยาพหลฯ ที่เป็นเผด็จการ ซัด "คณะราษฎร"เป็นคณะรัฐประหารล้มราชบัลลังก์
เมื่อเวลา 05.00 น.วานนี้ (24มิ.ย.) บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย นายอานนท์ นำภา ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน และกลุ่มพลเมืองโต้กลับ และน.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว ได้จัดกิจกรรมในโอกาสครบรอบ 88 ปี วันอภิวัตน์สยาม เปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์สู่ระบอบประชาธิปไตย โดยมีประชาชนจำนวนหนึ่งเข้าร่วมจัดกิจกรรมดังกล่าว ซึ่งมีการจัดตั้งฉากโฮโลแกรม 3 มิติ ย้อนไปวันที่มีการอ่านประกาศคณะราษฎร
ทั้งนี้ มีตำรวจ ประมาณ 60 นาย คอยอำนวยความสะดวก และยืนสังเกตการณ์ โดยระหว่างที่กลุ่มนักจัดกิจกรรมกำลังตั้งฉากโฮโลแกรม 3 มิติ บนถนนราชดำเนินกลาง บริเวณวงเวียนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ทางตำรวจได้เข้ามาขอความร่วมมือ ให้ย้ายขึ้นไปจัดกิจกรรมบนทางเท้า ทำให้มีการยื้อและเกิดการโต้เถียงกันเล็กน้อย จนสุดท้ายกลุ่มดังกล่าวก็สามารถตั้งฉากโฮโลแกรมได้สำเร็จ นอกจากนี้ยังมีการนำเอาหมุดคณะราษฎรจำลอง มาวางที่พื้นถนนอีกด้วย
นายอานนท์ นำภา เปิดเผยเพียงสั้นๆ หลังการจัดกิจกรรมว่า วันนี้ถือเป็นวันแรกของการเปลี่ยนระบบการปกครอง ซึ่งอุดมการณ์สูงสุดของคณะราษฎรให้ประชาชนมีสิทธิและเสรีภาพ และขอตัวกลับก่อน เนื่องจากมีภารกิจว่าความคดี 112 ที่ศาลจังหวัดสมุทรปราการ
เวลา 10.30 น. วันเดียวกันนี้ ที่บริเวณด้านหน้าอาคารัฐสภา เกียกกาย คณะรณรงค์เพื่อรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน (ครช.) กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย คณะประชาชนเพื่ออิสรภาพ (คปอ.) และกลุ่มสหภาพแรงงานย่านรังสิตและใกล้เคียง (กสรก.) นำโดย นายอนุสรณ์ อุณโณ ประธานครช. พร้อมด้วยมวลชน ประมาณ 200 คน มาร่วมทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ เนื่องในวาระครบรอบ 88 ปี การเปลี่ยนแปลงการปกครอง ในหัวข้อ “24มิถุนาฯ ทวงคืนมรดกคณะราษฎร ทวงสัญญารัฐธรรมนูญประชาชน” มีการเปิดคำแถลงการณ์ของคณะราษฎร เมื่อปี 2475 มาเผยแพร่ และนำอุปกรณ์จำลอง อาทิ หมุดคณะราษฎรจำลอง พานรัฐธรรมนูญจำลอง มาแสดง มีการแจกสติกเกอร์ แจกธงสีเขียว ซึ่งเป็นสัญลักษณ์รณรงค์แก้รัฐธรรมนูญปี 2540 จนสำเร็จ และ ชูสามนิ้ว พร้อมทั้งยื่นหนังสือต่อรัฐสภา เพื่อทวงถามความคืบหน้ากระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ตามนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภา และขอให้ประกาศ วันที่ 24 มิ.ย. ทุกปี เป็นวันชาติและวันกำเนิดประชาธิปไตยของไทย โดยมีตัวแทนคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญปี 2560 และแกนนำพรรคฝ่ายค้าน ประกอบด้วย นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล นายจิรวัฒน์ อรัณยกานนท์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล นายชำนาญ จันทรเรือง กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า นพ.ทศพร เสรีรักษ์ อดีต ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ เป็นตัวแทนรับหนังสือทบ.สวนกระแส 2475 ซัด"คณะราษฎร"ทำรัฐประหารล้มราชบัลลังก์ เชิดชู 2 ผู้นำกบฏวรเดชเป็นทหาร ปชต.
วันเดียวกันนี้ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.มอบหมายให้ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รองผบ.ทบ. ผู้แทนกองทัพบก เป็นประธานในพิธีบำเพ็ญกุศลอุทิศถวาย พล.อ.พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบวรเดช และ บำเพ็ญกุศลแก่ พ.อ.พระยาศรีสิทธิสงคราม เพื่อระลึกถึงคุณงามความดี ของนายทหารที่มีความจงรักภักดีต่อสถาบัน ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่มีการจัดพิธีรำลึก โดยนิมนต์พระเทพปัญญามุณี เจ้าอาวาสวัดอาวุธวิกสิตาราม มาทำพิธีสงฆ์ ใช้เวลาเพียง15 นาที ท่ามกลางสายฝนที่ตกอย่างหนักเมื่อเริ่มทำพิธี
ทั้งนี้ กองประชาสัมพันธ์กองทัพบก ได้เผยแพร่ข้อมูลประกอบวาระงานดังกล่าวว่า นายทหารทั้งสองนาย ยังเป็นนายทหารประชาธิปไตย เมื่อปี พ.ศ. 2475 เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ที่นับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของประวัติศาสตร์ไทย จากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เป็นระบอบประชาธิปไตย โดยกลุ่มคนที่เรียกตนเองว่า คณะราษฎร ถือเป็นการรัฐประหารเพื่อล้มราชบัลลังก์ ครั้นพ.ศ.2476 ได้เกิดการกบฏครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทย หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี 2475 โดยพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบวรเดช โดยมีพระยาศรีสิทธิสงคราม เป็นแม่ทัพ มีชื่อเป็นที่รู้จักกันว่า "กบฏบวรเดช" เนื่องจากพระองค์ทรงไม่เห็นด้วยกับแนวทางการปกครองของ พระยาพหลพลพยุหเสนา ที่มีลักษณะเป็นเผด็จการ โดยเรียกร้องให้รัฐบาลของพระยาพหลฯ ดำเนินตามแนวทางที่เสนอ คือ ให้รักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ไว้ และให้รัฐบาลมีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น โดยให้อำนาจฝ่ายรัฐสภาในการตรวจสอบมากขึ้น และจำกัดอำนาจของรัฐบาลมิให้คณะราษฎรกลายเป็นคณะเผด็จการ แต่ในที่สุดการก่อกบฏไม่เป็นผล ฝ่ายรัฐบาลปราบปรามคณะกบฏลงได้ วีรกรรมที่กล้าหาญและเสียสละของพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบวรเดช และพระยาศรีสิทธิสงคราม ควรแก่การยกย่องในฐานะที่ทรงปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ด้วยความจงรักภักดี และทรงมุ่งหวังให้ประเทศชาติดำรงไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
เมื่อเวลา 05.00 น.วานนี้ (24มิ.ย.) บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย นายอานนท์ นำภา ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน และกลุ่มพลเมืองโต้กลับ และน.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว ได้จัดกิจกรรมในโอกาสครบรอบ 88 ปี วันอภิวัตน์สยาม เปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์สู่ระบอบประชาธิปไตย โดยมีประชาชนจำนวนหนึ่งเข้าร่วมจัดกิจกรรมดังกล่าว ซึ่งมีการจัดตั้งฉากโฮโลแกรม 3 มิติ ย้อนไปวันที่มีการอ่านประกาศคณะราษฎร
ทั้งนี้ มีตำรวจ ประมาณ 60 นาย คอยอำนวยความสะดวก และยืนสังเกตการณ์ โดยระหว่างที่กลุ่มนักจัดกิจกรรมกำลังตั้งฉากโฮโลแกรม 3 มิติ บนถนนราชดำเนินกลาง บริเวณวงเวียนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ทางตำรวจได้เข้ามาขอความร่วมมือ ให้ย้ายขึ้นไปจัดกิจกรรมบนทางเท้า ทำให้มีการยื้อและเกิดการโต้เถียงกันเล็กน้อย จนสุดท้ายกลุ่มดังกล่าวก็สามารถตั้งฉากโฮโลแกรมได้สำเร็จ นอกจากนี้ยังมีการนำเอาหมุดคณะราษฎรจำลอง มาวางที่พื้นถนนอีกด้วย
นายอานนท์ นำภา เปิดเผยเพียงสั้นๆ หลังการจัดกิจกรรมว่า วันนี้ถือเป็นวันแรกของการเปลี่ยนระบบการปกครอง ซึ่งอุดมการณ์สูงสุดของคณะราษฎรให้ประชาชนมีสิทธิและเสรีภาพ และขอตัวกลับก่อน เนื่องจากมีภารกิจว่าความคดี 112 ที่ศาลจังหวัดสมุทรปราการ
เวลา 10.30 น. วันเดียวกันนี้ ที่บริเวณด้านหน้าอาคารัฐสภา เกียกกาย คณะรณรงค์เพื่อรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน (ครช.) กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย คณะประชาชนเพื่ออิสรภาพ (คปอ.) และกลุ่มสหภาพแรงงานย่านรังสิตและใกล้เคียง (กสรก.) นำโดย นายอนุสรณ์ อุณโณ ประธานครช. พร้อมด้วยมวลชน ประมาณ 200 คน มาร่วมทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ เนื่องในวาระครบรอบ 88 ปี การเปลี่ยนแปลงการปกครอง ในหัวข้อ “24มิถุนาฯ ทวงคืนมรดกคณะราษฎร ทวงสัญญารัฐธรรมนูญประชาชน” มีการเปิดคำแถลงการณ์ของคณะราษฎร เมื่อปี 2475 มาเผยแพร่ และนำอุปกรณ์จำลอง อาทิ หมุดคณะราษฎรจำลอง พานรัฐธรรมนูญจำลอง มาแสดง มีการแจกสติกเกอร์ แจกธงสีเขียว ซึ่งเป็นสัญลักษณ์รณรงค์แก้รัฐธรรมนูญปี 2540 จนสำเร็จ และ ชูสามนิ้ว พร้อมทั้งยื่นหนังสือต่อรัฐสภา เพื่อทวงถามความคืบหน้ากระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ตามนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภา และขอให้ประกาศ วันที่ 24 มิ.ย. ทุกปี เป็นวันชาติและวันกำเนิดประชาธิปไตยของไทย โดยมีตัวแทนคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญปี 2560 และแกนนำพรรคฝ่ายค้าน ประกอบด้วย นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล นายจิรวัฒน์ อรัณยกานนท์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล นายชำนาญ จันทรเรือง กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า นพ.ทศพร เสรีรักษ์ อดีต ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ เป็นตัวแทนรับหนังสือทบ.สวนกระแส 2475 ซัด"คณะราษฎร"ทำรัฐประหารล้มราชบัลลังก์ เชิดชู 2 ผู้นำกบฏวรเดชเป็นทหาร ปชต.
วันเดียวกันนี้ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.มอบหมายให้ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รองผบ.ทบ. ผู้แทนกองทัพบก เป็นประธานในพิธีบำเพ็ญกุศลอุทิศถวาย พล.อ.พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบวรเดช และ บำเพ็ญกุศลแก่ พ.อ.พระยาศรีสิทธิสงคราม เพื่อระลึกถึงคุณงามความดี ของนายทหารที่มีความจงรักภักดีต่อสถาบัน ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่มีการจัดพิธีรำลึก โดยนิมนต์พระเทพปัญญามุณี เจ้าอาวาสวัดอาวุธวิกสิตาราม มาทำพิธีสงฆ์ ใช้เวลาเพียง15 นาที ท่ามกลางสายฝนที่ตกอย่างหนักเมื่อเริ่มทำพิธี
ทั้งนี้ กองประชาสัมพันธ์กองทัพบก ได้เผยแพร่ข้อมูลประกอบวาระงานดังกล่าวว่า นายทหารทั้งสองนาย ยังเป็นนายทหารประชาธิปไตย เมื่อปี พ.ศ. 2475 เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ที่นับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของประวัติศาสตร์ไทย จากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เป็นระบอบประชาธิปไตย โดยกลุ่มคนที่เรียกตนเองว่า คณะราษฎร ถือเป็นการรัฐประหารเพื่อล้มราชบัลลังก์ ครั้นพ.ศ.2476 ได้เกิดการกบฏครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทย หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี 2475 โดยพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบวรเดช โดยมีพระยาศรีสิทธิสงคราม เป็นแม่ทัพ มีชื่อเป็นที่รู้จักกันว่า "กบฏบวรเดช" เนื่องจากพระองค์ทรงไม่เห็นด้วยกับแนวทางการปกครองของ พระยาพหลพลพยุหเสนา ที่มีลักษณะเป็นเผด็จการ โดยเรียกร้องให้รัฐบาลของพระยาพหลฯ ดำเนินตามแนวทางที่เสนอ คือ ให้รักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ไว้ และให้รัฐบาลมีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น โดยให้อำนาจฝ่ายรัฐสภาในการตรวจสอบมากขึ้น และจำกัดอำนาจของรัฐบาลมิให้คณะราษฎรกลายเป็นคณะเผด็จการ แต่ในที่สุดการก่อกบฏไม่เป็นผล ฝ่ายรัฐบาลปราบปรามคณะกบฏลงได้ วีรกรรมที่กล้าหาญและเสียสละของพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบวรเดช และพระยาศรีสิทธิสงคราม ควรแก่การยกย่องในฐานะที่ทรงปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ด้วยความจงรักภักดี และทรงมุ่งหวังให้ประเทศชาติดำรงไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง