“อธิบดีราชทัณฑ์”ปัดตอบรายละเอียด"บรรยิน"วางแผนแหกคุก หวั่นเป็นประโยชน์แก่ผู้พยายามก่อเหตุ ยันประสานงานกับตำรวจ ก่อนได้เบาะแสการวางแผนหลบหนี เตรียมให้สืบพยานผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ป้องกันการก่อเหตุตามแผน ด้านกองปราบ เตรียมสอบ“บรรยิน
วานนี้ (21 มิ.ย.) พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยกระแสข่าวเกี่ยวกับการวางแผนหลบหนีของ ข.ช.บรรยิน ตั้งภากรณ์ ว่า กรณีดังกล่าว เป็นข้อมูลและเบาะแสที่ได้มาจากการทำงานร่วมกันระหว่างกรมราชทัณฑ์ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ได้มีการประสานงานกันอย่างใกล้ชิดมาระยะหนึ่งแล้ว ในส่วนของรายละเอียดปลีกย่อยไม่ขอพูดถึง เพราะอาจจะเป็นการให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับฝ่ายตรงข้าม และผู้ที่อาจจะพยายามก่อเหตุ
"กรมราชทัณฑ์ขอยืนยันว่าได้ดำเนินการควบคุม และเคลื่อนย้ายผู้ต้องขังรายดังกล่าวด้วยความรอบคอบรัดกุมตามมาตรฐานสากล โดยได้มีการประสานงานกับศาลยุติธรรม เพื่อลดความถี่ในการนำตัวผู้ต้องขังรายนี้ออกเดินทางจากเรือนจำไปศาลเพื่อสืบพยาน โดยอาจมีทางเลือกอื่น เช่นสืบพยานผ่านจอภาพ หรือวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ และยังได้มีการวางแผนร่วมกับตำรวจหน่วยต่างๆ เพื่อเสริมกำลังและรักษาความปลอดภัยในขณะเคลื่อนย้ายตัว"
ส่วนการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ฐานพยายามก่อเหตุหลบหนี หรือใช้จ้างวานผู้อื่นให้กระทำการดังกล่าวนั้น ขอให้เป็นเรื่องของพนักงานสอบสวนกองปราบปรามเจ้าของสำนวนดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐาน และพิจารณาแจ้งข้อหาต่อไป
ทั้งนี้ กรมราชทัณฑ์มีมาตรการควบคุมที่เข้มแข็ง รัดกุม และเหมาะสมในการควบคุมและป้องกันมิให้ผู้ต้องขังก่อเหตุร้ายขึ้น ขอให้พี่น้องประชาชนและสังคมคลายความกังวลใจ และให้ความไว้วางใจเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ที่จะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็งเพื่อธำรงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายอย่างสุดความสามารถ
ขณะเดียวกันมีรายงานว่า ทางชุดคลี่คลายคดี ข.ช.บรรยิน ตั้งภากรณ์ ในคดีร่วมกับพวกอุ้มฆ่าพี่ชายของผู้พิพากษาศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่มีการวางแผนให้ลูกน้องพาหลบหนีออกจากเรือนจำ จะมีการเรียกประชุมคณะทำงานใน วันนี้ (22 มิ.ย.) เพื่อสรุปประเด็นในการแบ่งงานให้ทีมสืบสวนสืบหาและรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ นำมาประกอบสำนวนคดี พร้อมกับหารือเกี่ยวกับการเตรียมออกหมายเรียก พ.ต.ท.นุกูล แสงศิริ อดีต ส.ส.เขต 4 จ.นครสวรรค์ คนสนิท ข.ช.บรรยิน และ ทนายความ ที่ช่วยประกันตัวนายโจ มาให้ปากคำในฐานะพยาน เช่นเดียวกับพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาให้ปากคำอย่างเร็วที่สุดภายในสัปดาห์นี้ เพราะคดีเป็นที่สนใจของประชาชน
นอกจากนี้ ทางพนักงานสอบสวนกองปราบ ยังได้เตรียมสอบปากคำ ข.ช.บรรยิน ในเรือนจำเกี่ยวกับคดีชิงตัวดังกล่าว ว่ามีข้อเท็จจริงอย่างไร และหากแม้ในวันสอบปากคำ ข.ช.บรรยิน จะให้การปฏิเสธ ทางเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้เป็นกังวลหรือหนักใจ เพราะค่อนข้างมั่นใจในพยานหลักฐานต่างๆ ที่มีอยู่ โดยเฉพาะหลักฐานเกี่ยวกับเส้นทางการเงิน ข้อมูลการติดต่อสื่อสาร และคำให้การของนายโจ และ นายท็อป 2 ผู้ต้องหา ที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ ที่มีการระบุแผนการชัดเจน อีกทั้ง นายโจยังยอมรับด้วยว่าแผนปฏิบัติการชิงตัว ข.ช.บรรยิน จะเกิดขึ้นระหว่างที่นั่งรถบนทางด่วน เพื่อมุ่งหน้าไปศาลพระโขนง หากชิงตัวไม่สำเร็จ ก็ให้ไปลักพาตัวภรรยา ผบ.เรือนจำแทน
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ส่วนกรณีที่ในวันนี้ (22 มิ.ย. ) ทางศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง จะมีการนัดตรวจพยานหลักฐาน คดีหมายเลขดำ อท.69/2563 คดีอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา หากทางศาลมีการเบิกตัว ข.ช.บรรยิน ออกมาจากทางเรือนจำทางกองปราบเอง ก็จะทำการจัดส่งทีมชุดปฏิบัติการพิเศษ กก.สสน.บก.ป. หรือ หนุมานกองปราบคุ้มเข้มเฝ้าระวังผู้ต้องหาอย่างใกล้ชิดเพื่อความไม่ประมาท
วานนี้ (21 มิ.ย.) พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยกระแสข่าวเกี่ยวกับการวางแผนหลบหนีของ ข.ช.บรรยิน ตั้งภากรณ์ ว่า กรณีดังกล่าว เป็นข้อมูลและเบาะแสที่ได้มาจากการทำงานร่วมกันระหว่างกรมราชทัณฑ์ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ได้มีการประสานงานกันอย่างใกล้ชิดมาระยะหนึ่งแล้ว ในส่วนของรายละเอียดปลีกย่อยไม่ขอพูดถึง เพราะอาจจะเป็นการให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับฝ่ายตรงข้าม และผู้ที่อาจจะพยายามก่อเหตุ
"กรมราชทัณฑ์ขอยืนยันว่าได้ดำเนินการควบคุม และเคลื่อนย้ายผู้ต้องขังรายดังกล่าวด้วยความรอบคอบรัดกุมตามมาตรฐานสากล โดยได้มีการประสานงานกับศาลยุติธรรม เพื่อลดความถี่ในการนำตัวผู้ต้องขังรายนี้ออกเดินทางจากเรือนจำไปศาลเพื่อสืบพยาน โดยอาจมีทางเลือกอื่น เช่นสืบพยานผ่านจอภาพ หรือวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ และยังได้มีการวางแผนร่วมกับตำรวจหน่วยต่างๆ เพื่อเสริมกำลังและรักษาความปลอดภัยในขณะเคลื่อนย้ายตัว"
ส่วนการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ฐานพยายามก่อเหตุหลบหนี หรือใช้จ้างวานผู้อื่นให้กระทำการดังกล่าวนั้น ขอให้เป็นเรื่องของพนักงานสอบสวนกองปราบปรามเจ้าของสำนวนดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐาน และพิจารณาแจ้งข้อหาต่อไป
ทั้งนี้ กรมราชทัณฑ์มีมาตรการควบคุมที่เข้มแข็ง รัดกุม และเหมาะสมในการควบคุมและป้องกันมิให้ผู้ต้องขังก่อเหตุร้ายขึ้น ขอให้พี่น้องประชาชนและสังคมคลายความกังวลใจ และให้ความไว้วางใจเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ที่จะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็งเพื่อธำรงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายอย่างสุดความสามารถ
ขณะเดียวกันมีรายงานว่า ทางชุดคลี่คลายคดี ข.ช.บรรยิน ตั้งภากรณ์ ในคดีร่วมกับพวกอุ้มฆ่าพี่ชายของผู้พิพากษาศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่มีการวางแผนให้ลูกน้องพาหลบหนีออกจากเรือนจำ จะมีการเรียกประชุมคณะทำงานใน วันนี้ (22 มิ.ย.) เพื่อสรุปประเด็นในการแบ่งงานให้ทีมสืบสวนสืบหาและรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ นำมาประกอบสำนวนคดี พร้อมกับหารือเกี่ยวกับการเตรียมออกหมายเรียก พ.ต.ท.นุกูล แสงศิริ อดีต ส.ส.เขต 4 จ.นครสวรรค์ คนสนิท ข.ช.บรรยิน และ ทนายความ ที่ช่วยประกันตัวนายโจ มาให้ปากคำในฐานะพยาน เช่นเดียวกับพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาให้ปากคำอย่างเร็วที่สุดภายในสัปดาห์นี้ เพราะคดีเป็นที่สนใจของประชาชน
นอกจากนี้ ทางพนักงานสอบสวนกองปราบ ยังได้เตรียมสอบปากคำ ข.ช.บรรยิน ในเรือนจำเกี่ยวกับคดีชิงตัวดังกล่าว ว่ามีข้อเท็จจริงอย่างไร และหากแม้ในวันสอบปากคำ ข.ช.บรรยิน จะให้การปฏิเสธ ทางเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้เป็นกังวลหรือหนักใจ เพราะค่อนข้างมั่นใจในพยานหลักฐานต่างๆ ที่มีอยู่ โดยเฉพาะหลักฐานเกี่ยวกับเส้นทางการเงิน ข้อมูลการติดต่อสื่อสาร และคำให้การของนายโจ และ นายท็อป 2 ผู้ต้องหา ที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ ที่มีการระบุแผนการชัดเจน อีกทั้ง นายโจยังยอมรับด้วยว่าแผนปฏิบัติการชิงตัว ข.ช.บรรยิน จะเกิดขึ้นระหว่างที่นั่งรถบนทางด่วน เพื่อมุ่งหน้าไปศาลพระโขนง หากชิงตัวไม่สำเร็จ ก็ให้ไปลักพาตัวภรรยา ผบ.เรือนจำแทน
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ส่วนกรณีที่ในวันนี้ (22 มิ.ย. ) ทางศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง จะมีการนัดตรวจพยานหลักฐาน คดีหมายเลขดำ อท.69/2563 คดีอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา หากทางศาลมีการเบิกตัว ข.ช.บรรยิน ออกมาจากทางเรือนจำทางกองปราบเอง ก็จะทำการจัดส่งทีมชุดปฏิบัติการพิเศษ กก.สสน.บก.ป. หรือ หนุมานกองปราบคุ้มเข้มเฝ้าระวังผู้ต้องหาอย่างใกล้ชิดเพื่อความไม่ประมาท