xs
xsm
sm
md
lg

รอง ผบก.ป.ยันมีหลักฐานแผนชิงตัว “บรรยิน” บนทางด่วนขณะนำส่งศาล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



MGR Online - กองปราบฯ ประชุมคดี บรรยินวางแผนแหกคุก ยันพบหลักฐานชิงตัวบนทางด่วนขณะส่งศาลจริง ส่วนแผนระเบิดเรือนจำ ใช้ ฮ.มารับเป็นเรื่องที่กุขึ้นมา เตรียมออกหมายเรียกลูกชาย-ทนาย-อดีต ส.ส.ภายในสัปดาห์นี้

วันนี้ (22 มิ.ย.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 10.00 น. พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. พร้อมด้วย พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ ผกก.1 บก.ป. เรียกประชุมคณะทำงานสืบสวนสอบสวนกองปราบปรามเพื่อติดตามความคืบหน้าคดี พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีตรัฐมนตรี ผู้ต้องหาร่วมกับพวกอุ้มฆ่าพี่ชายของผู้พิพากษาศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่มีการวางแผนให้นายสุธน หรือโจ ทองศิริ อายุ 42 ปี และนายณัฐพล หรือท็อป นรการ อายุ 30 ปี ที่ถูกคุมขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครด้วยกัน พาหลบหนีออกจากเรือนจำ

โดย พ.ต.อ.เอนกได้เปิดเผยก่อนประชุมว่า หลังตำรวจตามจับกุมนายสุธน หรือโจ และนายณัฐพล หรือท็อป ก็ได้ติดตามรวบรวมพยานหลักฐานอย่างต่อเนื่อง พร้อมประสานข้อมูลกับกรมราชทัณฑ์ และศาลอาญาพระโขนง พร้อมวางมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยอยู่ตลอด โดยวันนี้จะมีการประชุมติดตามความคืบหน้า และนัดดูหลักฐานทางคดีที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมออกหมายเรียกสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นอดีต ส.ส.จังหวัดนครสวรรค์ และทนายความที่ช่วยประกันตัวนายโจ

พ.ต.อ.เอนกกล่าวต่อว่า ส่วนการดำเนินคดีต่อ พ.ต.ท.บรรยินนั้น เข้าข่ายกระทำผิดข้อหากระทำให้ผู้ถูกคุมขังตามอำนาจศาล หลุดพ้นจากการคุมขัง มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และเป็นผู้ใช้ จ้างวานผู้อื่นกระทำผิด ที่ พ.ต.ท.บรรยินมีพฤติกรรมเป็นผู้ใช้, จ้างวาน มีโทษ 1 ใน 3 ของความผิด ซึ่งพนักงานสอบสวนสามารถแจ้งความดำเนินคดีได้โดยไม่มีเจ้าทุกข์ แต่หลังประชุมจะแจ้งรายละเอียดให้ทราบอีกครั้ง

ต่อมาเวลา 12.00 น. ภายหลังประชุมเสร็จสิ้น พ.ต.อ.เอนกกล่าวอีกว่า จากการสืบสวนของตำรวจพบว่ามีความชัดเจนเรื่องขบวนการชิงตัว พ.ต.ท.บรรยิน ระหว่างคุมตัวไปศาลจริง ไม่ได้มีเพียงหลักฐานคำให้การของนายสุธน หรือโจ และนายณัฐพล หรือท็อป ที่ถูกสั่งให้ไปหาทางช่วยเหลือ พ.ต.ท.บรรยินจริง โดยตำรวจมีหลักฐานทั้งพยานบุคคลและเอกสารที่สามารถดำเนินคดี พ.ต.ท.บรรยินได้ใน 4 ข้อหา ฐานเป็นผู้ใช้-จ้างวาน สนับสนุนผู้อื่นให้กระทำผิด ส่วนพฤติการณ์ไปลักพาตัวเข้าข่ายข่มขืนใจเจ้าพนักงานถือเป็นความผิดตาม ม.139 ป.อาญา, ม.191 ช่วยผู้ต้องขัง และ ม.309-310 หน่วงเหนี่ยวกักขัง ซึ่งการเรียกสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดรวมถึงการแจ้งข้อกล่าวหานั้น ภายในสัปดาห์นี้ทุกอย่างต้องมีความชัดเจน

พ.ต.อ.เอนกกล่าวด้วยว่า แม้เหตุการณ์จะยังไม่เกิดขึ้น แต่ พ.ต.ท.บรรยินมีเจตนาที่จะก่อเหตุจริงก็ถือว่ามีความผิดต้องรับโทษ 1 ใน 3 ซึ่งพนักงานสอบสวนกำลังรวบรวมพยานหลักฐานก่อนเข้าไปแจ้งข้อหาต่อ พ.ต.ท.บรรยิน ภายในเรือนจำโดยตั้งขึ้นเป็นคดีใหม่ ทั้งนี้ ตำรวจไม่ให้น้ำหนักคำให้การของลูกน้อง พ.ต.ท.บรรยิน ที่ระบุว่ามีแผนวางระเบิดข้างเรือนจำ ก่อนล้มเสาธงและปีนขึ้นเฮลิคอปเตอร์ เพราะสอบสวนอย่างละเอียดแล้วพบเป็นเรื่องที่กุขึ้นมาอย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่พบว่ามีผู้ร่วมขบวนการรายอื่นๆ โดยนายโจคิดว่า พ.ต.ท.บรรยินมีทีมงาน แต่เมื่อติดต่อไปยังอดีต ส.ส.เจ้าตัวก็ไม่ร่วมด้วย แผนการหลบหนีจึงเป็นเพียงแผนการคร่าวๆ เท่านั้น

พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป.
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า สำหรับบุคคลที่ทางพนักงานสอบสวนกองปราบจะทำการออกหมายเรียกมาให้การเพิ่มเติมในฐานะพยานนั้น เบื้องต้นพบว่าส่วนใหญ่จะเป็นบุคคลใกล้ชิด รวมถึงคนในครอบครัวของ พ.ต.ท.บรรยิน ทีมทนายความ และผู้ต้องหาที่ใกล้ชิดกับ พ.ต.ท.บรรยิน ในเรือนจำ นอกจากนี้จากแนวทางสืบสวนยังพบอีกว่า ภายหลังนายณัฐพล หรือท๊อป หนึ่งในแกนหลักของขบวนการชิงตัว พ.ต.ท.บรรยิน นั้น มีความสัมพันธ์สนิทสนมกับนายวรภัทร์ ตั้งภากรณ์ หรือ บอส บุตรชายของ พ.ต.ท.บรรยิน เนื่องจากเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน อีกทั้งภายหลังจากได้รับการปล่อยตัวออกมา นายสุธน ยังได้มีการติดต่อไปหา นายวรภัทร์ อีกด้วย ทางพนักงานสอบสวนจึงจำเป็นต้องมีการออกหมายเรียกนายวรภัทร์ มาชี้แจงในส่วนนี้พร้อมๆกับพยานบุคคลรายอื่นๆ
กำลังโหลดความคิดเห็น