“สอดแนมการเมือง”
“ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”
“เมื่อเกิดสงคราม-ผู้คนทุกหนแห่งจะเพรียกหาสันติภาพ”
เพราะในสงครามแห่งการฆ่าฟัน..ทุกฝ่ายจะพ่ายแพ้ แม้จะเป็นผู้ชนะ?!
“สงคราม” ก่อเกิด “วีรบุรุษของชาติ” คำสดุดีล้วนจากผลงานอันเหี้ยมหาญ จากการ “ฆ่าผู้คนที่ไม่เคยรู้จักกัน” ให้บาดเจ็บล้มตายมากที่สุด ด้วยโฆษณาชวนเชื่ออย่างบ้าคลั่ง ให้ทุกคนทุกแนวรบ “สู้ยิบตา-ฆ่าไม่เลือกหน้า..เพื่อชัยชนะ“
ทุกสงครามจึงมีการ “ฆ่าคนให้มากที่สุด เพื่อชัยชนะของชาติเรา” และ “ความพ่ายแพ้ของชาติเขา”!
เพราะผลประโยชน์มหาศาลของ “กลุ่มทุนใหญ่” จึงเกิดการต่อสู้เพื่อปลดปล่อย “ชาติมะกัน” ในห้วงวันที่ 19 เมษายน 2318 ถึงวันที่ 3 กันยายน 2326 มีการรวมพลังต่อสู้ ด้วยจิตใจที่กล้าหาญและกล้าเสียสละ เพื่อให้ “ชาติมะกัน” หลุดพ้นจากการถูกกดขี่ข่มเหง และเอารัดเอาเปรียบของมหาอำนาจนักล่าอาณานิคม “อังกฤษ”
หลังชนะสงคราม “ปฏิวัติอเมริกา” ได้มีการสถาปนา “ประเทศสหรัฐอเมริกา” อย่างเป็นทางการ
ส่วนหนึ่งของคำประกาศอิสรภาพอันลือลั่น ของประเทศสหรัฐอเมริกา มีอุดมคติที่ครอบคลุมถึงสิทธิมนุษย์ปัจเจกชนดังนี้
“เราถือว่าความจริงต่อไปนี้ เป็นสิ่งที่ประจักษ์แจ้งอยู่ในตัวเอง นั่นคือ มนุษย์ทุกคนถูกสร้างขึ้นมาอย่างเท่าเทียมกัน และพระผู้สร้างได้มอบสิทธิบางประการ ที่จะเพิกถอนมิได้ไว้ให้แก่มนุษย์ ในบรรดาสิทธิเหล่านั้นได้แก่ ชีวิตเสรีภาพ และการเสาะแสวงหาความสุข”
ทว่าหลัง “อินทรีมะกัน” บินผงาดขึ้นสู่ห้วงเวหา แทนที่มะกันจะเป็น “ชาตินักบุญ” ที่นำเอา”สันติภาพ” และศานติสุขมาสู่โลก “ผู้บริหารชาติ” กับ “กลุ่มทุนใหญ่” มะกัน กลับทำให้ชาติมะกันเป็น “ซาตาน” เป็นมหาอำนาจนักล่าอาณานิคมอันเลวร้าย โดยผู้นำ-รัฐบาล-กองทัพ-กลุ่มทุนใหญ่ชาติมะกัน ได้แสดงตนอย่างชัดแจ้งเป็น “มาเฟียโลก” ใช้อิทธิพลเที่ยวกดขี่ข่มเหงเอารัดเอาเปรียบ มุ่งแต่ระราน-รุกราน-แสวงหาและกอบโกยผลประโยชน์สารพัด-ยึดครองชาติต่างๆ ที่อ่อนแอกว่า อย่างโหดเหี้ยมป่าเถื่อน ยิ่งกว่านักล่าอาณานิคม “อังกฤษ” เสียอีก..
โดยชาติมะกันมักใช้กองทัพอันยิ่งใหญ่ ออกข่มขู่ชาติต่างๆ ด้วยข้ออ้าง ต้องการให้ “ประชาธิปไตยเลือกตั้ง” เข้มแข็ง เพื่อสร้าง “การค้าเสรี” บนความได้เปรียบของอเมริกา จึงเที่ยวบงการบังคับข่มเหงชาติที่อ่อนแอกว่ามิให้ขัดขืน ต่อการที่มะกันจะแสวงหา และกอบโกยผลประโยชน์กลับสู่ชาติมะกัน
ชาติใดในโลกไม่ยอมหรือแข็งข้อ ต่อ “ผู้นำชาติ” และบรรดา “กลุ่มทุนใหญ่” มะกัน กลไกรัฐชาติมะกันจะปฏิบัติการทั้งลับและแจ้ง เข้าบั่นทอนความมั่นคงและโค่นล้ม “ผู้นำชาติ” เหล่านั้นลง ด้วยการทำลายเศรษฐกิจและการเมืองให้ปั่นป่วนไม่มั่นคง ใช้ข้ออ้าง “ชาติมะกัน” ต้องเข้าไปเกี่ยวข้อง หรืออาจบานปลายถึงขั้นรุกรานหรือยึดครองประเทศเหล่านั้น ด้วยแผนโฆษณาชวนเชื่อให้ร้ายป้ายสีผ่านสื่อฝ่ายตะวันตก ก่อนจะส่งกองทัพมะกันอันเกรียงไกร เข้าไปบ่อนทำลายและยึดประเทศเหล่านั้นไว้
ดังที่ “ชาติมะกัน” โกหกหลอกลวงชาวโลกว่า “อิรัก” มีอาวุธนิวเคลียร์ร้ายแรงไว้ในครอบครอง อีกทั้ง “ผู้นำอิรัก” เป็นพวกบ้าคลั่งสงคราม จึงเป็นอันตรายต่อสันติภาพโลกฯ จากนั้น “มะกัน” ก็ส่งกองทัพบุกถล่มอิรัก ฆ่าผู้นำชาติและยึดอิรักไว้ในกำมือ รวมทั้งตั้ง “ผู้นำอิรักคนใหม่” ที่อยู่ภายใต้คำบงการของมะกัน ให้นำชาติและรัฐบาลในอาณัติตน เข้าปกครองประเทศ
ทว่า.. หลังถล่มอิรักจนพังยับเยิน เข่นฆ่าผู้นำและพลเมืองอิรักบาดเจ็บล้มตายมากมาย วันนี้มะกันยังหาอาวุธนิวเคลียร์ไม่เจอสักลูก ชาติมะกันไม่เคยแสดงความรับผิดชอบใดๆ แม้แต่น้อยต่อการโกหกชาวโลกครั้งนั้น.. แถม “ผู้นำชาติ” และ “กลุ่มทุนยักษ์ใหญ่” มะกัน ยังขนน้ำมันของอิรักออกขายไปทั่วโลกหน้าตาเฉย..
สงครามรุกรานชาติอ่อนแอกว่า ของชาติมหาอำนาจทุนสามานย์นั้น นำมาซึ่งการบาดเจ็บล้มตาย ทั้งทหารของชาติมหาอำนาจนักปล้นสะดม และทหารของชาติที่อ่อนแอกว่าที่ต้องปกป้องตนเอง ขณะที่บรรดา “กลุ่มทุนใหญ่ชาติมหาอำนาจ” ร่ำรวยยิ่งขึ้นอยู่เสมอ
แต่ “สงคราม” มิใช่เลวร้ายไปเสียทั้งหมด! ต้องพินิจถึงเนื้อแท้ว่า “สงคราม” ใดเป็นธรรม และ “สงคราม” ใดเป็นอธรรม! ด้วยคราใดเป็น “สงคราม”ที่ ชอบธรรม จะนำ “สันติภาพ” มาพร้อมศานติสุข! ทว่า “สงคราม” ส่วนใหญ่ ของกองทัพอธรรมโดยชาติมหาอำนาจนักล่าอาณานิคม มักทำลาย”สันติภาพ”และศานติสุขลงเสมอ เพราะมักเป็น “สงครามเพื่อการปล้นสะดม” ชาติอ่อนแอกว่า!
ดัง “สงครามอธรรม” ที่ชาติมะกันใช้กองทัพบุกเข้าไปรุกรานชาติในอินโดจีน ทั้งเวียดนาม-กัมพูชา-ลาว ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2498 ถึง 30 เมษายน 2518 สงครามอธรรมนานกว่า 19 ปีครั้งนั้น โดย “ผู้นำพญาอินทรี” สั่งให้หนุ่มสาวชาวมะกันมากกว่าสองแสนคน เดินทางรอนแรมข้ามโลกมาบาดเจ็บล้มตาย ในอินโดจีนที่ตนไม่เคยรู้จัก เพื่อให้ “กลุ่มทุนใหญ่มะกัน” ไม่กี่ตระกูล ร่ำรวยเงินทองทรัพย์สินเพิ่มขึ้น
ชาติอินโดจีนทั้งเวียดนาม-กัมพูชา-ลาว เคยลำบากยากแค้นกับการตกอยู่ในการยึดครองของฝรั่งเศสและอเมริกา ที่เข้ามาไล่ล่าอาณานิคม ประชาชนได้ลุกขึ้นต่อสู้เพื่ออิสรภาพอย่างต่อเนื่อง กับชาติมหาอำนาจ และกับรัฐบาลหุ่นที่ถูกบงการโดยชาติมหาอำนาจ จึงเป็นสงครามที่เป็นธรรมและชอบธรรม
จนในที่สุด..ชาติอินโดจีนก็พิชิตศึก ขับไล่กองทัพฝรั่งเศสและมะกันเผ่นหนีออกจากอินโดจีนได้สำเร็จ เกิดสันติภาพและศานติสุขกลับคืนมา จึงถือว่า ประชาชนทุกชาติในอินโดจีนได้เสียสละทำสงครามชอบธรรมอย่างกล้าหาญอย่างยิ่ง
สงครามก่อเกิดการเข่นฆ่ากัน ระหว่าง “คน” กับ “คน” ที่ไม่เคยรู้จักกัน ไม่เคยทะเลาะกันมาก่อน ทว่าผู้คนเหล่านั้นกลับต้องใช้ “สรรพอาวุธร้ายแรง” ฆ่ากันไปฆ่ากันมาอย่างไร้ความปรานี ด้วยมุ่งมั่น “พลีชีพสู้เพื่อชัยชนะของชาติเรา” นั่นเอง
ดังนั้น ถ้าต้องการ “สันติภาพ” เพื่อศานติสุข ก็ต้องลดหรือยุติเงื่อนไขทั้งปวง ที่จะเป็นสาเหตุทำให้เกิดสงคราม รวมทั้งต้องทำให้เกิดการพัฒนาร่วมกัน โดยเฉพาะสร้างมิติทางเศรษฐกิจการค้าให้เติบใหญ่ โดยทุกฝ่ายได้ประโยชน์ร่วมกันอย่างยุติธรรม
ทั้งนี้ ไม่มีเหตุผลอะไร ที่ชาติไทยกับทุกชาติในอินโดจีน จะต้องเป็นศัตรูกัน แม้ระบอบปกครองชาติบ้านเมืองจะแตกต่างกัน หากแต่ชาติไทยและทุกชาติในอินโดจีน ต้องช่วยกันปลูก “ต้นไม้สันติภาพ” ให้แข็งแรง เพื่อร่วมกันเก็บเกี่ยวผลประโยชน์สารพัด จากการมีศานติสุขในภูมิภาคนี้
ในที่สุด การผลักดันอย่างเอาจริงเอาจัง ของนโยบาย “เปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า” ก็แสดงศักยภาพจนสามารถสร้างมิติใหม่ นั่นคือ ยุติการสู้รบทุกฝ่ายในกัมพูชาได้สำเร็จ
จากนั้น การพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจในมิติต่างๆ ก็ตามมาอย่างต่อเนื่อง ขานรับ “สันติภาพ” เหนือดินแดนศานติสุข แห่งภูมิภาคอินโดจีนและอาเซียนในวันนี้
พลังแห่งความสามัคคีในชาติไทย ที่เปี่ยมด้วย “วิสัยทัศน์” อันก้าวไกล หนึ่งในแนวคิดก้าวหน้าที่ทำได้จริง ในห้วงรัฐบาลนายกฯ “พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ” ที่มี “อาจารย์ไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ” กับทีมงานที่ปรึกษา “บ้านพิษณุโลก” ในยุคนั้น รวมทั้ง ผบ.ทบ.ควบ ผบ.สส. “พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ” ที่เห็นด้วยช่วยผลักดันขับเคลื่อน
ผลงานชิ้นโบว์แดงนี้.. “น้าชาติ-บิ๊กจิ๋ว-จารย์โต้ง-ที่ปรึกษาบ้านพิษฯ” ทุกชีวิตไม่มีใครได้รับรางวัลใดๆเลย ทว่า..บุคคลเหล่านั้นกลับมอบ “รางวัลอันมีค่ายิ่ง” ให้แก่ชาติไทยและทุกชาติในอินโดจีน นั่นคือ..
การเกิด “สันติภาพ” อันนำทุกชาติไปสู่ “ศานติสุข” ด้วย “เปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า” ยังเดินหน้าต่อไปไม่หยุดยั้ง..!!!
..โปรดติดตามตอนต่อไป..
ภาพ : หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร