ผู้จัดการรายวัน360-“การบินไทย”แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ตั้ง “ชาญศิลป์” เป็นผู้จัดทำแผนฟื้นฟูกิจการเพิ่มเติม ด้านรักษาการดีดีการบินไทย ขอความร่วมมือพนักงานลดเงินเดือนช่วยองค์กร ย้ำมีสภาพคล่องเพียงพอจ่ายเงินเดือนได้ต่อไป ขณะที่พนักงานล่ารายชื่อฟ้องกระทรวงแรงงาน ค้านข้อบังคับใหม่ หลังทำสิทธิ์ ทั้งวันหยุด ค่าล่วงเวลา ทุนสำรองเลี้ยงชีพหด แถมสั่งห้ามให้ข่าวเสียหาย โทษสูงสุดไล่ออก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าว่า วานนี้ (8 มิ.ย.) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัท มีมติเสนอให้ นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร กรรมการ และกรรมการอิสระ เป็นผู้จัดทำแผนฟื้นฟูกิจการ (ผู้ทำแผน) ในคดีฟื้นฟูกิจการของบริษัทเพิ่มเติม โดยบริษัทได้ยื่นคำร้องขอแก้ไขคำร้องขอฟื้นฟูกิจการของบริษัทต่อศาลล้มละลายกลางแล้ว ซึ่งศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งอนุญาตให้บริษัทแก้ไขคำร้องขอฟื้นฟูกิจการตามที่บริษัทขอแล้วในวันที่ 5 มิ.ย.2563
ดังนั้น ผู้ที่บริษัทเสนอต่อศาลล้มละลายกลางเพื่อให้มีคำสั่งตั้งให้เป็นผู้จัดทำแผนงานของบริษัท ได้แก่ บริษัท อีวาย คอร์ปอเรท แอดไวซอรี่ เซอร์วิสเซส จำกัด ร่วมกับพล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน นายจักรกฤศฏิร์ พาราพันธกุล นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค นายบุญทักษ์ หวังเจริญ นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ และนายชาญศิลป์ ตรีนุชกร
นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล รองประธานกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ และรักษาการแทนกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การบินไทยมีสภาพคล่องที่เป็นเงินสดเพียงพอสำหรับจ่ายเงินเดือนพนักงานไปตลอด เพราะได้มีการกันเงินสดเก็บไว้แล้ว ประกอบกับที่ผ่านมา มีการปรับลดค่าใช้จ่ายมาพอสมควร และได้มีการเจรจากับเจ้าหนี้ทุกรายแล้ว ทำให้เรื่องจ่ายการใช้หนี้ยังคงที่ จึงไม่มีปัญหาเรื่องจ่ายเงินเดือนพนักงานอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ขอความร่วมมือพนักงานทุกรายจำนวน 20,000 คน ให้ยอมปรับลดเงินเดือนตนเองลง เพื่อช่วยเหลือองค์กร ซึ่งเชื่อว่าพนักงานทุกรายจะยอมเซ็นต์เอกสารปรับลดเงินเดือนดังกล่าว เช่นเดียวกับพนักงานของบริษัทลูกอย่างสายการบิน ไทยสมายล์ ที่ยอมปรับให้ปรับลดเงินเดือนเพื่อช่วยเหลือองค์กรแล้ว และพนักงานของการบินไทย ก็น่าจะทำเช่นนั้นเหมือนกัน
"หวังว่าทุกคนจะช่วยเหลือองค์กร เพราะทุกคนรักองค์กร แต่การขอลดครั้งนี้ เป็นแค่การขอความร่วมมือ ใครไม่เซ็นก็ต้องจ่ายเงินเดือนเต็มให้ไป แต่เชื่อว่าทุกคนจะช่วยองค์กร"นายจักรกฤศฏิ์กล่าว
ส่วนกระทรวงการคลังจะเพิ่มทุนเพื่อรักษาสัดส่วนการถือหุ้นไว้ หลังการเพิ่มทุนหรือไม่นั้น นายจักรกฤศฏิ์ ปฎิเสธที่จะให้ข้อมูล ระบุเพียงสั้นๆ ว่ายังอยู่ในกระบวนการของศาล จึงยังบอกอะไรไม่ได้
ล่าสุด มีรายงานข่าวจากบริษัท การบินไทย ว่า พนักงานการบินไทยกำลังรวบรวมรายชื่อใช้สิทธิ์คัดค้านประกาศข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของบริษัทที่ออกมาใหม่ เพราะทำให้สิทธิ์หายไป เช่น วันหยุดพักผ่อน ค่าล่วงเวลา การคำนวณกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ โดยจะขอให้กระทรวงแรงงานพิจารณาสั่งการให้บริษัทคงสภาพการจ้างตามเดิม คาดว่าจะยื่นคัดค้านได้ภายในวันที่ 15 มิ.ย.2563
ขณะเดียวกัน ยังมีการกำหนดลักษณะของการกระทำที่ถือว่าเป็นการกระทำผิดวินัยของบริษัท เช่น ห้ามเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของบริษัทหรือของบุคคลซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของบริษัทต่อผู้ที่ไม่มีสิทธิรับรู้ตามกฎหมายระเบียบ หรือข้อบังคับ หรือข้อตกลงทางธุรกิจ รวมถึงสื่อมวลชน สาธารณะ และหรือบุคคลโดยเจตนาให้เกิดความแตกแยก และหรือเกิดความเสียหายกับบริษัทในรูปแบบต่างๆ เช่น สื่อสิ่งพิมพ์ สื่อวิทยุ สื่อโทรทัศน์ เป็นต้น เว้นแต่มีหน้าที่หรือได้รับความเห็นชอบเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้มีอำนาจดำเนินการ และหน่วยงานที่รับผิดชอบ ถือเป็นการทำผิดวินัย ซึ่งหากพบว่าฝ่าฝืนบริษัทจะดำเนินการลงโทษตามระดับความรุนแรง เช่น ตักเตือน ตัดเงินเดือน พักงาน หากทำผิดซ้ำอาจโดนลงโทษให้ออกจากงาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าว่า วานนี้ (8 มิ.ย.) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัท มีมติเสนอให้ นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร กรรมการ และกรรมการอิสระ เป็นผู้จัดทำแผนฟื้นฟูกิจการ (ผู้ทำแผน) ในคดีฟื้นฟูกิจการของบริษัทเพิ่มเติม โดยบริษัทได้ยื่นคำร้องขอแก้ไขคำร้องขอฟื้นฟูกิจการของบริษัทต่อศาลล้มละลายกลางแล้ว ซึ่งศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งอนุญาตให้บริษัทแก้ไขคำร้องขอฟื้นฟูกิจการตามที่บริษัทขอแล้วในวันที่ 5 มิ.ย.2563
ดังนั้น ผู้ที่บริษัทเสนอต่อศาลล้มละลายกลางเพื่อให้มีคำสั่งตั้งให้เป็นผู้จัดทำแผนงานของบริษัท ได้แก่ บริษัท อีวาย คอร์ปอเรท แอดไวซอรี่ เซอร์วิสเซส จำกัด ร่วมกับพล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน นายจักรกฤศฏิร์ พาราพันธกุล นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค นายบุญทักษ์ หวังเจริญ นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ และนายชาญศิลป์ ตรีนุชกร
นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล รองประธานกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ และรักษาการแทนกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การบินไทยมีสภาพคล่องที่เป็นเงินสดเพียงพอสำหรับจ่ายเงินเดือนพนักงานไปตลอด เพราะได้มีการกันเงินสดเก็บไว้แล้ว ประกอบกับที่ผ่านมา มีการปรับลดค่าใช้จ่ายมาพอสมควร และได้มีการเจรจากับเจ้าหนี้ทุกรายแล้ว ทำให้เรื่องจ่ายการใช้หนี้ยังคงที่ จึงไม่มีปัญหาเรื่องจ่ายเงินเดือนพนักงานอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ขอความร่วมมือพนักงานทุกรายจำนวน 20,000 คน ให้ยอมปรับลดเงินเดือนตนเองลง เพื่อช่วยเหลือองค์กร ซึ่งเชื่อว่าพนักงานทุกรายจะยอมเซ็นต์เอกสารปรับลดเงินเดือนดังกล่าว เช่นเดียวกับพนักงานของบริษัทลูกอย่างสายการบิน ไทยสมายล์ ที่ยอมปรับให้ปรับลดเงินเดือนเพื่อช่วยเหลือองค์กรแล้ว และพนักงานของการบินไทย ก็น่าจะทำเช่นนั้นเหมือนกัน
"หวังว่าทุกคนจะช่วยเหลือองค์กร เพราะทุกคนรักองค์กร แต่การขอลดครั้งนี้ เป็นแค่การขอความร่วมมือ ใครไม่เซ็นก็ต้องจ่ายเงินเดือนเต็มให้ไป แต่เชื่อว่าทุกคนจะช่วยองค์กร"นายจักรกฤศฏิ์กล่าว
ส่วนกระทรวงการคลังจะเพิ่มทุนเพื่อรักษาสัดส่วนการถือหุ้นไว้ หลังการเพิ่มทุนหรือไม่นั้น นายจักรกฤศฏิ์ ปฎิเสธที่จะให้ข้อมูล ระบุเพียงสั้นๆ ว่ายังอยู่ในกระบวนการของศาล จึงยังบอกอะไรไม่ได้
ล่าสุด มีรายงานข่าวจากบริษัท การบินไทย ว่า พนักงานการบินไทยกำลังรวบรวมรายชื่อใช้สิทธิ์คัดค้านประกาศข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของบริษัทที่ออกมาใหม่ เพราะทำให้สิทธิ์หายไป เช่น วันหยุดพักผ่อน ค่าล่วงเวลา การคำนวณกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ โดยจะขอให้กระทรวงแรงงานพิจารณาสั่งการให้บริษัทคงสภาพการจ้างตามเดิม คาดว่าจะยื่นคัดค้านได้ภายในวันที่ 15 มิ.ย.2563
ขณะเดียวกัน ยังมีการกำหนดลักษณะของการกระทำที่ถือว่าเป็นการกระทำผิดวินัยของบริษัท เช่น ห้ามเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของบริษัทหรือของบุคคลซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของบริษัทต่อผู้ที่ไม่มีสิทธิรับรู้ตามกฎหมายระเบียบ หรือข้อบังคับ หรือข้อตกลงทางธุรกิจ รวมถึงสื่อมวลชน สาธารณะ และหรือบุคคลโดยเจตนาให้เกิดความแตกแยก และหรือเกิดความเสียหายกับบริษัทในรูปแบบต่างๆ เช่น สื่อสิ่งพิมพ์ สื่อวิทยุ สื่อโทรทัศน์ เป็นต้น เว้นแต่มีหน้าที่หรือได้รับความเห็นชอบเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้มีอำนาจดำเนินการ และหน่วยงานที่รับผิดชอบ ถือเป็นการทำผิดวินัย ซึ่งหากพบว่าฝ่าฝืนบริษัทจะดำเนินการลงโทษตามระดับความรุนแรง เช่น ตักเตือน ตัดเงินเดือน พักงาน หากทำผิดซ้ำอาจโดนลงโทษให้ออกจากงาน