“บิ๊กแดง” สั่งฟัน “เจ้ากรมฯ” พร้อมปลด กก.สนามมวยลุมพินียกชุด เหตุบกพร่องคุมโควิด-19 จนลามไปทั่ว “ทบ.”เปิดไทม์ไลน์ “หมู่อาร์ม” ร้องสายตรง “ผบ.ทบ.” ไม่มีเรื่องการทุจริตในกรมสรรพาวุธ แต่พบมูลความผิดโกงเบี้ยเลี้ยง-อบรมยาเสพติด
จากกรณีที่กองทัพบกตั้งคณะกรรมการสอบสวนกรณีเปิดให้มีการชกมวยที่สนามมวยลุมพินี จนเป็นเหตุให้มีการแพร่เชื้อโควิด19 ไปเป็นวงกว้างนั้น
วานนี้ (4 มิ.ย.) พล.ต.บุรินทร์ ทองประไพ ผู้อำนวยการสำนักงานพระธรรมนูญทหารบก ในฐานะคณะกรรมการตรวจสอบกรณีสนามมวยลุมพินีเป็นจุดแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบพบความบกพร่องในการควบคุมโรคจริง ซึ่ง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ได้สั่งปลดคณะกรรมการสนามมวยทั้งหมด ซึ่งรวมถึง พล.ต.ราชิต อรุณรังษี เจ้ากรมสวัสดิการทหารบก ในฐานะนายสนามมวย ที่จะต้องได้รับโทษด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงาน ก่อนหน้านี้ พล.ต.ราชิตถูกย้ายให้มาช่วยราชการที่กองบัญชาการกองทัพบก หลังเกิดเหตุการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่สนามมวยลุมพินี ขณะเดียวกันมีรายงานว่า พลตรีราชิต ยังเหลืออายุราชการอีก 2 ปี ซึ่งต้องติดตามต่อไปว่า จะถูกโยกย้ายหรือจะโดนตั้งกรรมการสอบสวนเพื่อลงโทษทางวินัยด้วยหรือไม่อย่างไร
ทั้งนี้เว็บไซต์ทางการของสนามมวยลุมพินีระบุถึงข้อมูลคณะกรรมการ และนายสนามมวยลุมพินีดังนี้ พล.ต.ราชิต อรุณรังษี เป็น นายสนามมวยเวทีลุมพีนี, พ.อ. วสันต์ พึ่งสำเภา เป็น รองนายสนามมวยลุมพินี คนที่ 1, พ.อ.กฤษดา จินดาลัทธ รองนายสนามมวยเวทีลุมพินี คนที่ 2, พ.อ.ธวัชชัย ศิริปรุ ผู้ช่วยนายสนามมวยลุมพินี, พ.อ.สมสกุล วิจิตรภาพ เลขาธิการสนามมวยลุมพินี, พ.อ.สุภร สัมมา ผู้ช่วยสนามมวยลุมพินี, พล.ต.ดาบศักดิ์ กองสมุทร หัวหน้าฝ่ายแพทย์สนามมวยลุมพินี, พ.อ.มงคล บุตรดาวงษ์ หัวหน้าฝ่ายธุรการสนามมวยลุมพินี, พ.อ. สุดเขตต์ ชื่นภิรมย์ หัวหน้าฝ่ายพิจารณาโทษและปราบมวยล้มฯ, พ.อ. ชำนาญ ใจทัน หัวหน้าฝ่ายจัดรายการสนามมวยลุมพินี, พ.อ.พสิษฐ์ รัชพลพงศ์ หัวหน้าฝ่ายสิทธิประโยชน์และต่างประเทศฯ, พ.อ.สมเกียรติ ถนอมคุ้ม หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์สนามมวยลุมพินี, พ.อ.เอกฉันท์ ชาญเฉลิม หัวหน้าฝ่ายเทคนิคสนามมวยเวทีลุมพินี และ พ.อ.จตุพร ดิสราพร หัวหน้าฝ่ายการเงินสนามมวยลุมพินี โดยมี พล.อ. อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก เป็น ประธานอำนวยการสนามมวยเวทีลุมพีนี ด้วย
ขณะเดียวกัน พล.อ.อภิรัชต์ ยังได้สั่งการให้ พล.ต.บุรินทร์ พร้อมด้วย พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก และ พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก แถลงชี้แจงกรณี ส.อ.ณรงค์ชัย อินทรกวี สังกัดศูนย์ซ่อมสร้างสิ่งอุปกรณ์สายสรรพาวุธ กรมสรรพาวุธทหารบก ร้องเรียนถูกข่มขู่ จนต้องหนีราชการและอาจถูกปลดออกจากราชการ หลังร้องเรียนเรื่องทุจริตภายในหน่วย โดยได้ไล่เรียงลำดับเหตุการณ์การร้องทุกข์ของ ส.อ.ณรงค์ชัย และยืนยันว่า กองทัพบกมีนโยบายและให้ความสำคัญกับการให้ความเป็นธรรมต่อกำลังพลในทุกเรื่องทุกปัญหาเดือดร้อน โดยผ่านกลไกตามสายการบังคับบัญชา กฎระเบียบ และกฎหมาย กรณีดังกล่าวมีบางเหตุการณ์ที่เกี่ยวเนื่องโดยตรงและบางเหตุการณ์ถูกนำไปเชื่อมโยง ทำให้เกิดความเข้าใจผิดในข้อมูลที่ถูกเผยแพร่ต่อสาธารณะ
พล.ต.บุรินทร์ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเบิกเงินเบี้ยเลี้ยงเดินทาง การจัดอบรมยาเสพติด แต่ไม่ได้ดำเนินการจริงตามโครงการ ส่วนเม็ดเงินที่หายไปจะไปอยู่ที่ใครนั้น เป็นเรื่องรายละเอียดในสำนวนที่ส่งไปยัง ป.ป.ช. มีความเกี่ยวพันกับนายทหารชั้นยศนายพล 3 คน และมีผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติมด้วย โดยแบ่งเป็น การเบิกเบี้ยเลี้ยงเดินทาง 4 ครั้ง รวมวงเงินกว่า 1 แสนบาท และโครงการอบรมยาเสพติด 2 ครั้ง รวมกว่า 1 แสนบาท โดยข้อมูลที่ ส.อ.ณรงค์ นำมาร้องเป็นเอกสารที่นำมาจากหน่วย ซึ่งคณะกรรมการได้นำมาตรวจสอบและเข้าไปหาพยาน หลักฐาน สอบรายละเอียดเป๊ะทุกหน้า พร้อมทั้งเชิญ ส.อ.ณรงค์ชัย มาสอบสวนเพิ่มเติมด้วย สำหรับบทลงโทษหากผลการพิจารณาของ ป.ป.ช.พบว่าผิดจริงนั้น ต้องอยู่ที่ ป.ป.ช.พิจารณา ซึ่งถ้าเป็นจริงก็เป็นคดีอาญา และก็จะมีความผิดทางวินัยด้วย
จากกรณีที่กองทัพบกตั้งคณะกรรมการสอบสวนกรณีเปิดให้มีการชกมวยที่สนามมวยลุมพินี จนเป็นเหตุให้มีการแพร่เชื้อโควิด19 ไปเป็นวงกว้างนั้น
วานนี้ (4 มิ.ย.) พล.ต.บุรินทร์ ทองประไพ ผู้อำนวยการสำนักงานพระธรรมนูญทหารบก ในฐานะคณะกรรมการตรวจสอบกรณีสนามมวยลุมพินีเป็นจุดแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบพบความบกพร่องในการควบคุมโรคจริง ซึ่ง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ได้สั่งปลดคณะกรรมการสนามมวยทั้งหมด ซึ่งรวมถึง พล.ต.ราชิต อรุณรังษี เจ้ากรมสวัสดิการทหารบก ในฐานะนายสนามมวย ที่จะต้องได้รับโทษด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงาน ก่อนหน้านี้ พล.ต.ราชิตถูกย้ายให้มาช่วยราชการที่กองบัญชาการกองทัพบก หลังเกิดเหตุการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่สนามมวยลุมพินี ขณะเดียวกันมีรายงานว่า พลตรีราชิต ยังเหลืออายุราชการอีก 2 ปี ซึ่งต้องติดตามต่อไปว่า จะถูกโยกย้ายหรือจะโดนตั้งกรรมการสอบสวนเพื่อลงโทษทางวินัยด้วยหรือไม่อย่างไร
ทั้งนี้เว็บไซต์ทางการของสนามมวยลุมพินีระบุถึงข้อมูลคณะกรรมการ และนายสนามมวยลุมพินีดังนี้ พล.ต.ราชิต อรุณรังษี เป็น นายสนามมวยเวทีลุมพีนี, พ.อ. วสันต์ พึ่งสำเภา เป็น รองนายสนามมวยลุมพินี คนที่ 1, พ.อ.กฤษดา จินดาลัทธ รองนายสนามมวยเวทีลุมพินี คนที่ 2, พ.อ.ธวัชชัย ศิริปรุ ผู้ช่วยนายสนามมวยลุมพินี, พ.อ.สมสกุล วิจิตรภาพ เลขาธิการสนามมวยลุมพินี, พ.อ.สุภร สัมมา ผู้ช่วยสนามมวยลุมพินี, พล.ต.ดาบศักดิ์ กองสมุทร หัวหน้าฝ่ายแพทย์สนามมวยลุมพินี, พ.อ.มงคล บุตรดาวงษ์ หัวหน้าฝ่ายธุรการสนามมวยลุมพินี, พ.อ. สุดเขตต์ ชื่นภิรมย์ หัวหน้าฝ่ายพิจารณาโทษและปราบมวยล้มฯ, พ.อ. ชำนาญ ใจทัน หัวหน้าฝ่ายจัดรายการสนามมวยลุมพินี, พ.อ.พสิษฐ์ รัชพลพงศ์ หัวหน้าฝ่ายสิทธิประโยชน์และต่างประเทศฯ, พ.อ.สมเกียรติ ถนอมคุ้ม หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์สนามมวยลุมพินี, พ.อ.เอกฉันท์ ชาญเฉลิม หัวหน้าฝ่ายเทคนิคสนามมวยเวทีลุมพินี และ พ.อ.จตุพร ดิสราพร หัวหน้าฝ่ายการเงินสนามมวยลุมพินี โดยมี พล.อ. อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก เป็น ประธานอำนวยการสนามมวยเวทีลุมพีนี ด้วย
ขณะเดียวกัน พล.อ.อภิรัชต์ ยังได้สั่งการให้ พล.ต.บุรินทร์ พร้อมด้วย พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก และ พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก แถลงชี้แจงกรณี ส.อ.ณรงค์ชัย อินทรกวี สังกัดศูนย์ซ่อมสร้างสิ่งอุปกรณ์สายสรรพาวุธ กรมสรรพาวุธทหารบก ร้องเรียนถูกข่มขู่ จนต้องหนีราชการและอาจถูกปลดออกจากราชการ หลังร้องเรียนเรื่องทุจริตภายในหน่วย โดยได้ไล่เรียงลำดับเหตุการณ์การร้องทุกข์ของ ส.อ.ณรงค์ชัย และยืนยันว่า กองทัพบกมีนโยบายและให้ความสำคัญกับการให้ความเป็นธรรมต่อกำลังพลในทุกเรื่องทุกปัญหาเดือดร้อน โดยผ่านกลไกตามสายการบังคับบัญชา กฎระเบียบ และกฎหมาย กรณีดังกล่าวมีบางเหตุการณ์ที่เกี่ยวเนื่องโดยตรงและบางเหตุการณ์ถูกนำไปเชื่อมโยง ทำให้เกิดความเข้าใจผิดในข้อมูลที่ถูกเผยแพร่ต่อสาธารณะ
พล.ต.บุรินทร์ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเบิกเงินเบี้ยเลี้ยงเดินทาง การจัดอบรมยาเสพติด แต่ไม่ได้ดำเนินการจริงตามโครงการ ส่วนเม็ดเงินที่หายไปจะไปอยู่ที่ใครนั้น เป็นเรื่องรายละเอียดในสำนวนที่ส่งไปยัง ป.ป.ช. มีความเกี่ยวพันกับนายทหารชั้นยศนายพล 3 คน และมีผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติมด้วย โดยแบ่งเป็น การเบิกเบี้ยเลี้ยงเดินทาง 4 ครั้ง รวมวงเงินกว่า 1 แสนบาท และโครงการอบรมยาเสพติด 2 ครั้ง รวมกว่า 1 แสนบาท โดยข้อมูลที่ ส.อ.ณรงค์ นำมาร้องเป็นเอกสารที่นำมาจากหน่วย ซึ่งคณะกรรมการได้นำมาตรวจสอบและเข้าไปหาพยาน หลักฐาน สอบรายละเอียดเป๊ะทุกหน้า พร้อมทั้งเชิญ ส.อ.ณรงค์ชัย มาสอบสวนเพิ่มเติมด้วย สำหรับบทลงโทษหากผลการพิจารณาของ ป.ป.ช.พบว่าผิดจริงนั้น ต้องอยู่ที่ ป.ป.ช.พิจารณา ซึ่งถ้าเป็นจริงก็เป็นคดีอาญา และก็จะมีความผิดทางวินัยด้วย
