xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กแดง” ชง ป.ป.ช.ฟัน 3 นายพล อมเบี้ยเลี้ยง-ค่าอบรม เผย “หมู่อาร์ม” ร้องสายตรงขอระงับโทษทางวินัย ไม่ใช่ปมทุจริต

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (แฟ้มภาพ)
“บิ๊กแดง” สั่งแถลงกรณี “หมู่อาร์ม” เปิดไทม์ไลน์ร้องสายตรง ผบ.ทบ.ขอระงับลงโทษทางวินัย ไม่ใช่ร้องทุจริต และเอาผิดหนีทหารไม่ใช่กรณีเปิดโปง ระบุตั้ง กก.สอบพบ 3 นายพลเอี่ยว อมเบี้ยเลี้ยง-จัดอบรม กว่า 2 แสน ส่ง ป.ป.ช.เชือด ทั้งอาญา-วินัย

วันนี้ (4 มิ.ย.) พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก สั่งการให้ พล.ต.บุรินทร์ ทองประไพ ผู้อำนวยการสำนักงานกรมพระธรรมนูญทหารบก พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก แถลงว่า กรณี ส.อ.ณรงค์ชัย อินทรกวี สังกัดศูนย์ซ่อมสร้างสิ่งอุปกรณ์สายสรรพาวุธ กรมสรรพาวุธทหารบก ร้องเรียนถูกข่มขู่ จนต้องหนีราชการและอาจถูกปลดออกจากราชการ หลังร้องเรียนเรื่องทุจริตภายในหน่วยใน 5 ประเด็น โดยยืนยันว่า กองทัพบกมีนโยบายและให้ความสำคัญกับการให้ความเป็นธรรมต่อกำลังพลในทุกเรื่องทุกปัญหาเดือดร้อน โดยผ่านกลไกตามสายการบังคับบัญชา กฎระเบียบ และกฎหมาย กรณีดังกล่าวมีบางเหตุการณ์ที่เกี่ยวเนื่องโดยตรงและบางเหตุการณ์ถูกนำไปเชื่อมโยง ทำให้เกิดความเข้าใจผิดในข้อมูลที่ถูกเผยแพร่ต่อสาธารณะ

พ.อ.วินธัย กล่าวว่า ประเด็นแรก ส.อ.ณรงค์ชัย ได้ใช้ช่องทางผ่านสายตรง ผบ.ทบ.ร้องขอความเป็นธรรมในเรื่องการถูกลงโทษโดยไม่ได้รับความเป็นธรรม มิได้ใช้ระบบการร้องเรียนตามสายการบังคับบัญชา โดยมีลำดับเหตุการณ์-ก.ย. 62 เกิดกรณีพิพาทระหว่างผู้ร้องกับผู้บังคับบัญชา-ต.ค. 62 หน่วยต้นสังกัดตั้งกรรมการสอบ ผลสอบระบุกระทำผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยวินัยทหาร พิจารณาโทษจำขัง ระหว่าง 18-24 มี.ค. 63 - 12 มี.ค. 63 ส.อ.ณรงค์ชัยฯ ร้องเรียนผ่านสายตรง ผบ.ทบ.เรื่องการถูกลงโทษโดยไม่ได้รับความเป็นธรรม ขอให้ระงับการสั่งขัง จากกรณีการผิดวินัยเมื่อ ก.ย.62- 13 มี.ค. 63 ส.อ.ณรงค์ชัย โทร.มาสายตรง ผบ.ทบ.ขอยกเลิกการร้องเรียนเมื่อ 12 มี.ค. 63 (เนื่องจากศูนย์รับเรื่องร้องเรียนมีการประสานงานให้ เจ้าตัวเห็นถึงความจริงใจของ ทบ. ที่เรื่องร้องเรียนได้รับการช่วยเหลือ ทบ. ได้มีการตรวจสอบและให้หน่วยพิจารณาทบทวน ซึ่งต้นสังกัดยังคงผลการลงโทษตามเดิม เนื่องจากเป็นการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.วินัยทหาร )

- 18 มี.ค. 63 หนีราชการ - 19 มี.ค.63 ร้องเรียนผ่านสายตรง ผบ.ทบ. เรื่องการถูกลงโทษโดยไม่ได้รับความเป็นธรรม - 14 เม.ย. 63 ร้องเรียนผ่านสายตรง ผบ.ทบ. เรื่องการถูกลงโทษโดยไม่ได้รับความเป็นธรรม และเข้าร้องต่อคณะกรรมธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตสภาผู้แทนฯ- 27 เม.ย. 63 ร้องเรียนต่อ กมธ.

พ.อ.วินธัย กล่าวว่า ประเด็นที่สอง กองทัพบกดำเนินการตรวจสอบโดยทันทีเรื่องการทุจริตในศูนย์ซ่อมสร้างฯ โดยตั้งคณะกรรมการ เพื่อสอบสวนข้อเท็จจริง พบว่า มีการกระทำความผิดเกิดขึ้นจริง ผบ.ทบ.จึงมีคำสั่งให้ดำเนินการต่อไป โดยส่งเรื่องต่อไปให้ ป.ป.ช. พิจารณา ซึ่งหาก ป.ป.ช. รับเรื่องไว้ไต่สวนและคดีมีมูล ในส่วนการวินิจฉัยจะมีผลทั้งทางคดีอาญา และทางวินัยต่อข้าราชการที่กระทำผิดต่อไป ทั้งนี้ ยืนยันกองทัพบกไม่มีการปกป้องผู้ที่กระทำผิดต่อหน่วยงาน เพราะกองทัพบกก็ได้รับความเสียหายจากการทุจริตเช่นกัน

ขณะที่ พล.ต.บุรินทร์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเบิกเงินเบี้ยเลี้ยงเดินทาง การจัดอบรมยาเสพติดแต่ไม่ได้ดำเนินการจริงตามโครงการ ส่วนเม็ดเงินที่หายไปจะไปอยู่ที่ใครนั้น เป็นเรื่องรายละเอียดในสำนวนที่ส่งไปยัง ป.ป.ช. มีความเกี่ยวพันกับนายทหารชั้นยศนายพล 3 คน และมีผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติมด้วย โดยแบ่งเป็น การเบิกเบี้ยเลี้ยงเดินทาง 4 ครั้ง รวมวงเงินกว่า 1 แสนบาท และโครงการอบรมยาเสพติด 2 ครั้ง รวมกว่า 1 แสนบาท โดยข้อมูลที่ ส.อ.ณรงค์ นำมาร้องเป็นเอกสารที่นำมาจากหน่วย ซึ่งคณะกรรมการได้นำมาตรวจสอบและเข้าไปหาพยาน หลักฐาน สอบรายละเอียดเป๊ะทุกหน้า พร้อมทั้งเชิญ ส.อ.ณรงค์ชัย มาสอบสวนเพิ่มเติมด้วย สำหรับบทลงโทษหากผลการพิจารณาของ ป.ป.ช.พบว่าผิดจริงนั้น ต้องอยู่ที่ ป.ป.ช.พิจารณา ซึ่งถ้าเป็นจริงก็เป็นคดีอาญา และก็จะมีความผิดทางวินัยด้วย

“เหตุเริ่มต้นที่เขา ร้องเรื่องทุจริตคือเรื่องตั้งแต่ปี 2560 เกี่ยวกับเบี้ยเลี้ยงเดินทาง ส่วนโครงการอบรมยาเสพติดเกิดขึ้นถัดจากนั้น โดยตั้งแต่ต้นมีกรมจเรทหารบก และสำนักตรวจภายใน หรือ สตน. เข้าไปตรวจสอบตลอด สิบเอก ณรงค์ชัย ก็พบกับหน่วยงานตรวจสอบ แต่ไม่ปรากฏเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้น เขาเองก็เป็นเจ้าหน้าที่งบประมาณก็ต้องเจอกับหน่วยงานกลางเหล่านั้น ถ้าเขาจะร้องเรียนก็ทำได้เลยในตอนนั้น แต่เขาก็มาร้องตอนนี้ ไม่ได้ให้ตอนนั้น และตัวเขาเองก็เซ็นต์เอกสารในการเบิกเบี้ยเลี้ยงด้วย ที่เขาให้ข้อมูลกับสื่อว่าโดนบังคับ แต่ระหว่างที่ กรมจเรทหารบก และ สตน.เขาก็สามารถร้องได้ตลอดตั้งแต่ปี 2560 ด้วย” พล.ต.บุรินทร์ กล่าว

พ.อ.วินธัย กล่าวอีกว่า ประเด็นที่สาม ส.อ.ณรงค์ชัย ถูกดำเนินคดีเพราะขาดราชการ มิใช่จากการร้องเรียน สืบเนื่องจาก ส.อ.ณรงค์ชัย มีข้อพิพาทกับผู้บังคับบัญชาเรื่องความประพฤติและกระทำผิดวินัยโดยไม่รักษาระเบียบการเคารพระหว่างผู้ใหญ่ผู้น้อย ใช้กิริยาวาจาไม่สมควรต่อผู้บังคับบัญชา ตาม พ.ร.บ.วินัยทหาร มาตรา 2(5), 2(7) ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อช่วงเดือน ก.ย. 62 โดยทางหน่วยต้นสังกัดได้มีการดำเนินการตามระเบียบ ด้วยการตั้งคณะกรรมการสอบสวนและมีมติพิจารณาโทษกำหนดจำขัง 7 วัน ตั้งแต่ 18-24 มี.ค. 63 แต่มีการหลบเลี่ยง นำไปสู่การหนีราชการ ตั้งแต่18 มี.ค. 63 จนถึงปัจจุบัน

ซึ่งการหนีราชการเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.วินัยทหาร ที่ทหารทุกคนจะต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด หน่วยต้นสังกัดจึงได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนและดำเนินคดีในความผิดฐานหนีราชการ ทั้งในด้านวินัยและอาญา แต่ในกระบวนการทางคดีอาญา ศาลทหารเป็นผู้พิจารณาต่อไป ดังนั้น จากข้อเท็จจริงดังกล่าวจึงชี้ให้เห็นได้ว่า ส.อ.ณรงค์ชัย ได้ถูกดำเนินคดีจากฐานความผิดเรื่องหนีราชการ มิใช่จากการที่ไปร้องเรียนการทุจริตในหน่วยงาน (พ.ร.บ.วินัยทหาร เป็นกฎหมายเกี่ยวกับความมั่นคงของกองทัพ และของประเทศชาติ เป็นหลักกฎหมายสากลที่ใช้กับกองทัพทั่วโลก เพื่อรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ)

พ.อ.วินธัย กล่าวว่า จุดเริ่มต้นเป็นการลงเวลาทำงาน ทางผู้บังคับบัญชาอยากให้ลงเวลาให้ตรงกับความเป็นจริง ซึ่งทางทหารมีความสำคัญ การโกหกนั้นเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับข้อกฎหมาย ทุกอย่างถือเป็นความผิด ซึ่งเป็นข้อมูลที่ได้มาจากหน่วย พอเหตุการณ์เป็นเช่นนั้น ก็เป็นจุดเริ่มต้นในการพัฒนาจนกระทั่งไปสู่การใช้วาจา และ อารมณ์ต่อกัน ในแง่มุมของทหารนั้น ผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชา มีความสำคัญมาก เพราะเราเป็นสังคมที่ถืออาวุธ ซึ่งในหลักสากลถือว่ามีความสำคัญ เมื่อเดือนกันยายน เป็นเรื่องความขัดแย้งล้วนๆ พอเดือน มี.ค.จึงมีประเด็นเรื่องทุจริตออกมา เมื่อหน่วยเริ่มพิจารณาโทษจากเรื่องที่เกิดขึ้นเดิม

พ.อ.วินธัย กล่าวต่อว่า ประเด็นที่สี่ ส.อ.ณรงค์ชัย ผู้ร้องอ้างว่าถูกข่มขู่ หากมีหลักฐานองค์ประกอบหรือถูกกระทำก็สามารถแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินการตามกฎหมายบ้านเมืองปกติได้ น่าจะเหมาะสมที่สุด ในส่วนของกองทัพบกพร้อมให้ความร่วมมือในทางคดีตามความเป็นจริง“ทั้งนี้ เรื่องการข่มขู่คุกคามจะเอาชีวิตนั้น เป็นเรื่องคดีอาญาทั่วไป ซึ่ง ส.อ.ณรงค์ชัยฯ ควรจะใช้กระบวนการทางกฎหมาย โดยไปแจ้งความดำเนินคดีกับพนักงานสอบสวน ซึ่ง ทบ.พร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับพนักงานสอบสวนในทางคดีตามความเป็นจริง รวมถึงหากพนักงานสอบสวนร้องขอให้มีการคุ้มครองพยานตามขั้นตอนของกฎหมาย ส่วนกรณีคลิป ฝ่ายสำนักงานพระธรรมนูญกองทัพบก ได้พิจารณาแล้ว เป็นการอบรม และขอขมากัน ในประเด็นผิดวินัยระหว่างผู้ใหญ่ผู้น้อย เมื่อ ก.ย.62 และ ในบทสนทนาไม่ใช่เรื่องคดีเรื่องการทุจริตแต่อย่างใดรวมถึงไม่มีลักษณะการขู่อาฆาตแต่อย่างใด” พ.อ.วินธัย กล่าวและว่า

ส่วน ประเด็นที่ห้า ผบ.ทบ. ไม่ได้มีการสั่งการให้มีการดำเนินคดีต่อ ส.อ.ณรงค์ชัยฯ แต่เป็นการดำเนินการตามสายการบังคับบัญชาของหน่วยต้นสังกัด ส่วนที่บางบุคคลเข้าใจว่า ผบ.ทบ. ทราบเรื่องข่าวการทุจริตแล้ว ยังสั่งให้มีการดำเนินคดีกับ ส.อ.ณรงค์ชัยฯ ฐานหนีราชการ ทั้งที่ ส.อ.ณรงค์ชัยฯ เป็นคนนำเรื่องมาเปิดเผยให้กองทัพบกนั้นความเข้าใจดังกล่าวอาจอยู่บนพื้นฐานของการมีข้อมูลไม่ครบถ้วน ในข้อเท็จจริง ผบ.ทบ. ไม่ได้มีการสั่งการเกี่ยวกับการดำเนินคดีต่อกำลังพลดังกล่าว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการดำเนินการตามสายการบังคับบัญชาของหน่วยต้นสังกัดทั้งนี้การให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อทางราชการ ยังคงเป็นเรื่องที่ดีทั้งต่อกองทัพบกและสังคมไทย เหมือนกับกำลังพลอีกจำนวนหลายร้อยคน เช่น ผู้ที่ให้ข้อมูลมายัง ผบ.ทบ. ผ่านสายตรง ผบ.ทบ. หรือให้ข้อมูลมายังหน่วยงานที่มีหน้าที่ของ ทบ. เพื่อให้ ทบ. ดำเนินการแก้ไขให้ทุกเรื่องราวเป็นไปอย่างถูกต้องและเหมาะสม


กำลังโหลดความคิดเห็น