มติที่ประชุม สมช.เสนอให้ ศบค.ขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ต่ออีก 1 เดือน ถึงสิ้นเดือน มิ.ย.นี้ แต่เล็งลดเวลา “เคอร์ฟิว” ให้สอดคล้องมาตรการผ่อนปรน ยันไม่มีการเมืองมาเกี่ยวข้อง “โฆษก ศบค.” แถลงพบป่วยใหม่ 3 ราย เคยไปร้านตัดผม-เดินห้าง
วานนี้ (21 พ.ค.) พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) แถลงภายหลังการประชุม สมช. ประจำวันว่า ที่ประชุม สมช.มีมติเสนอให้ขยายการบังคับใช้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ออกไปอีก 1 เดือน จนถึงวันที่ 30 มิ.ย.นี้ โดยจะเสนอต่อที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ในวันที่ 22 พ.ค.นี้ ก่อนนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 26 พ.ค.63 ตามลำดับ เพื่อรองรับการผ่อนคลายมาตรการในระยะที่ 3 และระยะที่ 4 เพราะไม่อยากให้เกิดการระบาดของโรคในระลอกที่ 2 เพราะแม้สถานการณ์ในไทยดีขึ้น แต่สถานการณ์โลกยังน่าเป็นห่วง
“ด้วยเหตุผลความจำเป็น ทุกหน่วยจึงเห็นพ้องต้องกันให้ขยายการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อีก 1 เดือน เพื่อให้ครอบคลุมห้วงระยะเวลาเดือนมิ.ย.ทั้งเดือน โดยจะเสนอให้ ศบค.พิจารณา ในวันนี้ (22 พ.ค.) ถ้าเห็นด้วย ก็จะนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมครม. สัปดาห์หน้า” พล.อ.สมศักดิ์ กล่าว
ยันไม่มีนัยยะทางการเมือง
พล.อ.สมศักดิ์ กล่าวชี้แจงกรณีที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าการต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการป้องกันความเคลื่อนไหวทางการเมืองว่า ตั้งแต่วันแรกที่นายกฯ ตัดสินใจใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 เราไม่เคยคำนึงถึงเรื่องการเมืองเลย จนถึงวินาทีนี้ ในฐานะที่ตนร่วมแก้ปัญหานี้มาตั้งแต่ต้น กล้ารับประกันว่าเราไม่ได้เอาเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง การใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ยังคงใช้เพื่อป้องกันการแพร่ะระบาดของโควิด-19 ไม่มีนัยยะทางการเมือง อาจจะมีผลกระทบต่อการเคลื่อนไหว ของคนบางกลุ่ม แต่ทั้งหมดนี้เพื่อให้เกิดผลทางด้านสาธารณสุขเป็นสำคัญ
ส่วนการตัดสินใจเกี่ยวกับการการจำกัดเวลาให้อยู่ในเคหสถาน (เคอร์ฟิว) นั้น พล.อ.สมศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องการผ่อนคลายระยะที่ 3 จะพูดถึงเรื่องเคอร์ฟิวด้วย ซึ่งจะมีการประชุมอีกครั้ง ในวันที่ 27 พ.ค. ที่อาจจะพิจารณาให้ห้วงเวลาลดน้อยลงหรือเท่าเดิม ก็ขึ้นอยู่กับเหตุผลความจำเป็น และสอดคล้องกับการผ่อนปรน
ศบค.แถลงติดเชื้อใหม่ 3 ราย
วันเดียวกัน นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค.แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในประเทศไทยประจำวันว่า พบผู้ป่วยรายใหม่ 3 ราย ทำให้ผู้ป่วยยืนยันสะสม 3,037 ราย หายป่วยสะสม 2,897 ราย เสียชีวิตยังคงอยู่ที่ 56 ราย รักษาอยู่ในโรงพยาบาล 84 ราย โดยผู้ป่วยรายใหม่ 3 ราย อยู่ในกทม. 2 ราย สถานที่กักกันของรัฐ 1 ราย ซึ่งผู้ป่วยรายแรกเป็นชายไทย อายุ 72 ปี มีโรคประจำตัวเบาหวาน มะเร็งปอด มีประวัติรักษาตัวที่ รพ.ของรัฐในกทม. เมื่อ 4 วันก่อน และมีประวัติไปตัดผมที่ร้านย่านประชาชื่น ก่อนพบเชื้อโควิด-19 ส่วนรายที่ 2 เป็นชายอายุ 42 ปี สัญชาติเยอรมัน ไม่มีการแสดงอาการ แต่มีประวัติไปเยี่ยมญาติที่ จ.ชัยภูมิ ตั้งแต่วันที่ 30 เม.ย. ถึงวันที่ 16 พ.ค. โดยอาศัยอยู่ประมาณครึ่งเดือน ซึ่งในวันที่ 8 พ.ค. พบว่ามีญาติ 1 คนมีอาการไข้ ไอ และคอแห้ง แต่ไม่ไปตรวจรักษา ขณะเดียวกันยังพบว่าชายคนดังกล่าว ยังเดินทางไปยังห้างสรรพสินค้า ในจ.ชัยภูมิ หลังกลับมาได้ตรวจสุขภาพก่อนเข้าทำงาน วันที่ 18 พ.ค. ผลตรวจเชื้อพบว่าติดเชื้อโควิด-19 เข้ารับการรักษาที่ รพ.เอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งมีความสงสัยว่าที่ จ.ชัยภูมิ อาจเป็นส่วนหนึ่งที่เกิดปัจจัยเสี่ยงทำให้ชายคนดังกล่าวติดเชื้อมา
ส่วนรายที่ 3 เป็นผู้หญิงอายุ 25 ปี เดินทางกลับจากเรียนภาษาที่ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 13 พ.ค. และเข้าสถานกักตัวของรัฐ และมาตรวจพบเชื่อ เมื่อวันที่19 พ.ค แต่ไม่มีอาการใดๆ
เฟส 3 ไม่ชัวร์ “ร้านนวด” เปิดได้ไหม
เมื่อถามว่ากลุ่มผู้ประกอบการร้านนวด เตรียมจะเปิดให้บริการ ในวันที่ 31 พ.ค.นี้ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่าเห็นใจมากๆ ซึ่งร้านนวดเป็นหนึ่งในอีกหลายกิจการ ที่รอการผ่อนปรนในระยะที่ 3 หรือต่อไป ตนยังไม่สามารถให้คำตอบได้ทั้งหมด ถ้าตัวเลขต่างๆดี ก็จะเกิดขึ้นได้ ถ้าพรุ่งนี้หรืออีก 9 วันข้างหน้าเราการ์ดตก ตัวเลขเพิ่มขึ้นมากกว่านี้ ก็จะไม่ใช่ภาพนี้
อย่างไรก็ตาม กรณีผู้ประกอบการร้านนวด ถ้าอยากจะเปิดในระยะที่ 3 ขอให้ใช้ระยะเวลา 9 วันนี้ อาจจะต้องคิดภาพใหญ่ให้ละเอียดกว่ารัฐบาลคิด เพื่อดูแลคนของท่าน หากมีข้อเสนอมาถึงศบค. ว่าหากเปิดแล้วมั่นใจว่าไม่ทำให้เกิดการแพร่ระบาดจากธุรกิจ นี่คือการบ้านที่ต้องไปทำ ต้องเตรียมตัวให้พร้อม ถ้ามีใครมาตรวจต้องผ่านตามมาตรการที่รัฐกำหนด
ย้ำเปิดห้าง-โรงเรียนต่างกัน
ส่วนที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าเปิดห้างสรรพสินค้าได้ แต่เปิดโรงเรียนไม่ได้นั้น นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า กลุ่มนักเรียนมีความเปราะบาง และเสี่ยงจะติดเชื้อ หากมีการแพร่ระบาด เพราะโดยลักษณะนิสัยของเด็กชอบเล่นสัมผัสกัน มีการติดเชื้อได้บ่อย รวมถึงฤดูนี้เป็นฤดูฝนมีความเป็นห่วงเรื่องการระบาดไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มเด็ก ซึ่งเด็กมีโอกาสที่จะติดเชื้อถ้ามีบางคนเอาเชื้อมาติดเด็ก หรือเด็กอาจเอาเชื้อกลับไปติดผู้สูงอายุคนที่บ้าน ก็จะทำให้เกิดการระบาด ฉะนั้นมาตรการทั้งหลายที่มีการผ่อนปรน คณะกรรมการวิชาการ ศึกษาข้อมูลอย่างดี ทั้งของต่างประเทศด้วย จุดที่มีความเสี่ยงเราอาจชะลอการเปิด ไม่ใช่ไม่เปิด แต่แค่ชะลอเมื่อมั่นใจก็จะเปิด อย่างไรก็ตามในส่วนห้างสรรพสินค้า ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้ใหญ่เดินทางไปซื้อของ มีมาตรการต่างๆ ที่ผู้ประกอบการดูแลอยู่
วานนี้ (21 พ.ค.) พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) แถลงภายหลังการประชุม สมช. ประจำวันว่า ที่ประชุม สมช.มีมติเสนอให้ขยายการบังคับใช้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ออกไปอีก 1 เดือน จนถึงวันที่ 30 มิ.ย.นี้ โดยจะเสนอต่อที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ในวันที่ 22 พ.ค.นี้ ก่อนนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 26 พ.ค.63 ตามลำดับ เพื่อรองรับการผ่อนคลายมาตรการในระยะที่ 3 และระยะที่ 4 เพราะไม่อยากให้เกิดการระบาดของโรคในระลอกที่ 2 เพราะแม้สถานการณ์ในไทยดีขึ้น แต่สถานการณ์โลกยังน่าเป็นห่วง
“ด้วยเหตุผลความจำเป็น ทุกหน่วยจึงเห็นพ้องต้องกันให้ขยายการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อีก 1 เดือน เพื่อให้ครอบคลุมห้วงระยะเวลาเดือนมิ.ย.ทั้งเดือน โดยจะเสนอให้ ศบค.พิจารณา ในวันนี้ (22 พ.ค.) ถ้าเห็นด้วย ก็จะนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมครม. สัปดาห์หน้า” พล.อ.สมศักดิ์ กล่าว
ยันไม่มีนัยยะทางการเมือง
พล.อ.สมศักดิ์ กล่าวชี้แจงกรณีที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าการต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการป้องกันความเคลื่อนไหวทางการเมืองว่า ตั้งแต่วันแรกที่นายกฯ ตัดสินใจใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 เราไม่เคยคำนึงถึงเรื่องการเมืองเลย จนถึงวินาทีนี้ ในฐานะที่ตนร่วมแก้ปัญหานี้มาตั้งแต่ต้น กล้ารับประกันว่าเราไม่ได้เอาเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง การใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ยังคงใช้เพื่อป้องกันการแพร่ะระบาดของโควิด-19 ไม่มีนัยยะทางการเมือง อาจจะมีผลกระทบต่อการเคลื่อนไหว ของคนบางกลุ่ม แต่ทั้งหมดนี้เพื่อให้เกิดผลทางด้านสาธารณสุขเป็นสำคัญ
ส่วนการตัดสินใจเกี่ยวกับการการจำกัดเวลาให้อยู่ในเคหสถาน (เคอร์ฟิว) นั้น พล.อ.สมศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องการผ่อนคลายระยะที่ 3 จะพูดถึงเรื่องเคอร์ฟิวด้วย ซึ่งจะมีการประชุมอีกครั้ง ในวันที่ 27 พ.ค. ที่อาจจะพิจารณาให้ห้วงเวลาลดน้อยลงหรือเท่าเดิม ก็ขึ้นอยู่กับเหตุผลความจำเป็น และสอดคล้องกับการผ่อนปรน
ศบค.แถลงติดเชื้อใหม่ 3 ราย
วันเดียวกัน นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค.แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในประเทศไทยประจำวันว่า พบผู้ป่วยรายใหม่ 3 ราย ทำให้ผู้ป่วยยืนยันสะสม 3,037 ราย หายป่วยสะสม 2,897 ราย เสียชีวิตยังคงอยู่ที่ 56 ราย รักษาอยู่ในโรงพยาบาล 84 ราย โดยผู้ป่วยรายใหม่ 3 ราย อยู่ในกทม. 2 ราย สถานที่กักกันของรัฐ 1 ราย ซึ่งผู้ป่วยรายแรกเป็นชายไทย อายุ 72 ปี มีโรคประจำตัวเบาหวาน มะเร็งปอด มีประวัติรักษาตัวที่ รพ.ของรัฐในกทม. เมื่อ 4 วันก่อน และมีประวัติไปตัดผมที่ร้านย่านประชาชื่น ก่อนพบเชื้อโควิด-19 ส่วนรายที่ 2 เป็นชายอายุ 42 ปี สัญชาติเยอรมัน ไม่มีการแสดงอาการ แต่มีประวัติไปเยี่ยมญาติที่ จ.ชัยภูมิ ตั้งแต่วันที่ 30 เม.ย. ถึงวันที่ 16 พ.ค. โดยอาศัยอยู่ประมาณครึ่งเดือน ซึ่งในวันที่ 8 พ.ค. พบว่ามีญาติ 1 คนมีอาการไข้ ไอ และคอแห้ง แต่ไม่ไปตรวจรักษา ขณะเดียวกันยังพบว่าชายคนดังกล่าว ยังเดินทางไปยังห้างสรรพสินค้า ในจ.ชัยภูมิ หลังกลับมาได้ตรวจสุขภาพก่อนเข้าทำงาน วันที่ 18 พ.ค. ผลตรวจเชื้อพบว่าติดเชื้อโควิด-19 เข้ารับการรักษาที่ รพ.เอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งมีความสงสัยว่าที่ จ.ชัยภูมิ อาจเป็นส่วนหนึ่งที่เกิดปัจจัยเสี่ยงทำให้ชายคนดังกล่าวติดเชื้อมา
ส่วนรายที่ 3 เป็นผู้หญิงอายุ 25 ปี เดินทางกลับจากเรียนภาษาที่ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 13 พ.ค. และเข้าสถานกักตัวของรัฐ และมาตรวจพบเชื่อ เมื่อวันที่19 พ.ค แต่ไม่มีอาการใดๆ
เฟส 3 ไม่ชัวร์ “ร้านนวด” เปิดได้ไหม
เมื่อถามว่ากลุ่มผู้ประกอบการร้านนวด เตรียมจะเปิดให้บริการ ในวันที่ 31 พ.ค.นี้ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่าเห็นใจมากๆ ซึ่งร้านนวดเป็นหนึ่งในอีกหลายกิจการ ที่รอการผ่อนปรนในระยะที่ 3 หรือต่อไป ตนยังไม่สามารถให้คำตอบได้ทั้งหมด ถ้าตัวเลขต่างๆดี ก็จะเกิดขึ้นได้ ถ้าพรุ่งนี้หรืออีก 9 วันข้างหน้าเราการ์ดตก ตัวเลขเพิ่มขึ้นมากกว่านี้ ก็จะไม่ใช่ภาพนี้
อย่างไรก็ตาม กรณีผู้ประกอบการร้านนวด ถ้าอยากจะเปิดในระยะที่ 3 ขอให้ใช้ระยะเวลา 9 วันนี้ อาจจะต้องคิดภาพใหญ่ให้ละเอียดกว่ารัฐบาลคิด เพื่อดูแลคนของท่าน หากมีข้อเสนอมาถึงศบค. ว่าหากเปิดแล้วมั่นใจว่าไม่ทำให้เกิดการแพร่ระบาดจากธุรกิจ นี่คือการบ้านที่ต้องไปทำ ต้องเตรียมตัวให้พร้อม ถ้ามีใครมาตรวจต้องผ่านตามมาตรการที่รัฐกำหนด
ย้ำเปิดห้าง-โรงเรียนต่างกัน
ส่วนที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าเปิดห้างสรรพสินค้าได้ แต่เปิดโรงเรียนไม่ได้นั้น นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า กลุ่มนักเรียนมีความเปราะบาง และเสี่ยงจะติดเชื้อ หากมีการแพร่ระบาด เพราะโดยลักษณะนิสัยของเด็กชอบเล่นสัมผัสกัน มีการติดเชื้อได้บ่อย รวมถึงฤดูนี้เป็นฤดูฝนมีความเป็นห่วงเรื่องการระบาดไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มเด็ก ซึ่งเด็กมีโอกาสที่จะติดเชื้อถ้ามีบางคนเอาเชื้อมาติดเด็ก หรือเด็กอาจเอาเชื้อกลับไปติดผู้สูงอายุคนที่บ้าน ก็จะทำให้เกิดการระบาด ฉะนั้นมาตรการทั้งหลายที่มีการผ่อนปรน คณะกรรมการวิชาการ ศึกษาข้อมูลอย่างดี ทั้งของต่างประเทศด้วย จุดที่มีความเสี่ยงเราอาจชะลอการเปิด ไม่ใช่ไม่เปิด แต่แค่ชะลอเมื่อมั่นใจก็จะเปิด อย่างไรก็ตามในส่วนห้างสรรพสินค้า ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้ใหญ่เดินทางไปซื้อของ มีมาตรการต่างๆ ที่ผู้ประกอบการดูแลอยู่