ผู้จัดการรายวัน 360 - บอร์ด กนง. เสียงแตก มติ 4 ต่อ 3 ให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% จาก 0.75% เหลือ 0.50% หลังประเมินเศรษฐกิจไทยทรุดแรงกว่าที่คาดการณ์ และผลกระทบจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 แบงก์กรุงเทพ เด้งรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ เหลือต่ำสุด 5.25% ขณะที่ตลาดหุ้นไทย บวก 12.25 จุด ปิดที่ 1,322.20 จุด ด้าน นายกฯ พบสมาคมธนาคารไทย รับฟังข้อเสนอ ขอบคุณความห่วงใยประเทศ ขอให้มีความมั่นคงผ่านสถานการณ์นี้ไปด้วยกัน
วานนี้ (20 พ.ค.) นายทิตนันทิ์ มัลลิกะมาส เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กนง. มีมติ 4 ต่อ 3 เสียง ให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี จาก 0.75% เป็น 0.50% ต่อปี โดยให้มีผลทันที เนื่องจากคณะกรรมการ กนง. ประเมินเศรษฐกิจไทยในปี 2563 มีแนวโน้มหดตัวกว่าประมาณการเดิมตามแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่หดตัวรุนแรงกว่าที่คาดและผลกระทบจากมาตรการควบคุมการระบาดทั่วโลก
ด้านอัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มติดลบกว่าที่ประเมินไว้ เสถียรภาพระบบการเงินเปราะบางมากขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจ กรรมการส่วนใหญ่เห็นว่านโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้นจะช่วยลดผลกระทบจากปัจจัยลบที่เกิดขึ้น รวมทั้งสอดประสานกับมาตรการการคลังของรัฐบาลและมาตรการด้านการเงินและสินเชื่อที่ได้ออกไปก่อนหน้านี้ ขณะที่กรรมการ 3 ท่าน เห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ใน
การประชุมครั้งนี้และเร่งรัดประสิทธิผลของมาตรการด้านการเงินและสินเชื่อที่ได้ประกาศไปแล้ว คณะกรรมการฯ โดยรวมเห็นว่า ควรผลักดันให้สถาบันการเงินเร่งปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของลูกหนี้ โดยเฉพาะครัวเรือนและธุรกิจ SMEs ให้เกิดผลในวงกว้างมากขึ้น และเร่งรัดการให้สินเชื่อผ่านโครงการต่าง ๆ ที่ได้ออกมาก่อนหน้าเพื่อแก้ปัญหาสภาพคล่องให้ตรงจุดและทันการณ์
"เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มหดตัวกว่าที่ประเมินไว้ การท่องเที่ยวและการส่งออกสินค้าได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจประเทศคู่ค้ามากกว่าคาด ขณะที่อุปสงค์ในประเทศทั้งการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนหดตัวกว่าที่ประเมินไว้จากการว่างงานที่เพิ่มสูงขึ้นและมาตรการควบคุมการระบาด"
แบงก์กรุงเทพ ลดดอกเบี้ยเงินกู้เหลือต่ำสุด 5.25%
นายสุวรรณ แทนสถิตย์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อ 3 ประเภท ลงเหลือต่ำสุด 5.25% โดยเอ็มแอลอาร์ (MLR) หรืออัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (Minimum Loan Rate) เหลือ 5.25% เอ็มโออาร์ (MOR) หรืออัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (Minimum Overdraft Rate) เหลือ 5.875% และเอ็มอาร์อาร์ (MRR) หรืออัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดี (Minimum Retail Rate)เหลือ 5.75% โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2563
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสนับสนุนกลไกภาครัฐ และให้ความช่วยเหลือลูกค้าผู้ประกอบการและประชาชนในเรื่องการลดต้นทุนด้านอัตราดอกเบี้เป็นการสนับสนุนกลไกภาครัฐ และให้ความช่วยเหลือลูกค้าผู้ประกอบการและประชาชนในเรื่องการลดต้นทุนด้านอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญของต้นทุนการดำเนินธุรกิจและลดภาระของประชาชน เพื่อเสริมศักยภาพในการรับมือกับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
หุ้นบวก 12.25 จุดรับกนง.หั่นดอกเบี้ย
ด้านบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ขานรับกรณีที่ กนง. ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% มาอยู่ที่ระดับ 0.50% โดยปรับตัวแตะระดับต่ำสุดที่ 1,306.96 จุด สูงสุดที่ 1,322.22 จุด ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ 1,322.20 จุด เพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้า 12.25 จุด หรือคิดเป็น 0.94% มูลค่าการซื้อขายรวม 67,672.70 ล้านบาท
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างประเทศยังคงขายสุทธิ 2,648.58 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันในประเทศ ซื้อสุทธิ 2,815.44 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ซื้อสุทธิ 248.58 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไปในประเทศ ขายสุทธิ 415.44 ล้านบาท ทำให้ตั้งแต่ต้นปี 2563 นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิสะสมรวม 190,074.10 ล้านบาท
"ประยุทธ์" รุดหารือสมาคมแบงก์ไทย
ในวันเดียวกันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปพบกับสมาคมธนาคารไทย เพื่อรับทราบข้อมูลและรับฟังข้อเสนอต่างๆ จากผู้บริหารระดับสูงของธนาคารพาณิชย์ที่เป็นสมาชิกของสมาคม ก่อนโพสต์ข้อความพร้อมรูปภาพบนเฟซยุ๊คส่วนตัวว่า
“ผมเดินทางไปพบกับสมาคมธนาคารไทย ได้รับทราบข้อมูลและรับฟังข้อเสนอต่างๆ จากผู้บริหารระดับสูงของธนาคารพาณิชย์ที่เป็นสมาชิกของสมาคม ซึ่งเป็นการพูดคุยที่มีประโยชน์มาก ผมขอขอบคุณที่ทุกท่านได้แสดงให้เห็นถึงความห่วงใยที่มีต่อประเทศ และขอบคุณที่ได้แสดงออกถึงความตั้งใจและความพร้อมที่จะสนับสนุนผู้ประกอบการ โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก และพี่น้องประชาชนคนไทยในช่วงเวลานี้ ผมขอให้สถาบันของท่านมีความมั่นคง พร้อมช่วยกันดูแลและเดินหน้าประเทศไทยของเราให้ผ่านสถานการณ์นี้ไปให้ได้ด้วยกันทั้งประเทศ”
วานนี้ (20 พ.ค.) นายทิตนันทิ์ มัลลิกะมาส เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กนง. มีมติ 4 ต่อ 3 เสียง ให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี จาก 0.75% เป็น 0.50% ต่อปี โดยให้มีผลทันที เนื่องจากคณะกรรมการ กนง. ประเมินเศรษฐกิจไทยในปี 2563 มีแนวโน้มหดตัวกว่าประมาณการเดิมตามแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่หดตัวรุนแรงกว่าที่คาดและผลกระทบจากมาตรการควบคุมการระบาดทั่วโลก
ด้านอัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มติดลบกว่าที่ประเมินไว้ เสถียรภาพระบบการเงินเปราะบางมากขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจ กรรมการส่วนใหญ่เห็นว่านโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้นจะช่วยลดผลกระทบจากปัจจัยลบที่เกิดขึ้น รวมทั้งสอดประสานกับมาตรการการคลังของรัฐบาลและมาตรการด้านการเงินและสินเชื่อที่ได้ออกไปก่อนหน้านี้ ขณะที่กรรมการ 3 ท่าน เห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ใน
การประชุมครั้งนี้และเร่งรัดประสิทธิผลของมาตรการด้านการเงินและสินเชื่อที่ได้ประกาศไปแล้ว คณะกรรมการฯ โดยรวมเห็นว่า ควรผลักดันให้สถาบันการเงินเร่งปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของลูกหนี้ โดยเฉพาะครัวเรือนและธุรกิจ SMEs ให้เกิดผลในวงกว้างมากขึ้น และเร่งรัดการให้สินเชื่อผ่านโครงการต่าง ๆ ที่ได้ออกมาก่อนหน้าเพื่อแก้ปัญหาสภาพคล่องให้ตรงจุดและทันการณ์
"เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มหดตัวกว่าที่ประเมินไว้ การท่องเที่ยวและการส่งออกสินค้าได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจประเทศคู่ค้ามากกว่าคาด ขณะที่อุปสงค์ในประเทศทั้งการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนหดตัวกว่าที่ประเมินไว้จากการว่างงานที่เพิ่มสูงขึ้นและมาตรการควบคุมการระบาด"
แบงก์กรุงเทพ ลดดอกเบี้ยเงินกู้เหลือต่ำสุด 5.25%
นายสุวรรณ แทนสถิตย์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อ 3 ประเภท ลงเหลือต่ำสุด 5.25% โดยเอ็มแอลอาร์ (MLR) หรืออัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (Minimum Loan Rate) เหลือ 5.25% เอ็มโออาร์ (MOR) หรืออัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (Minimum Overdraft Rate) เหลือ 5.875% และเอ็มอาร์อาร์ (MRR) หรืออัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดี (Minimum Retail Rate)เหลือ 5.75% โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2563
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสนับสนุนกลไกภาครัฐ และให้ความช่วยเหลือลูกค้าผู้ประกอบการและประชาชนในเรื่องการลดต้นทุนด้านอัตราดอกเบี้เป็นการสนับสนุนกลไกภาครัฐ และให้ความช่วยเหลือลูกค้าผู้ประกอบการและประชาชนในเรื่องการลดต้นทุนด้านอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญของต้นทุนการดำเนินธุรกิจและลดภาระของประชาชน เพื่อเสริมศักยภาพในการรับมือกับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
หุ้นบวก 12.25 จุดรับกนง.หั่นดอกเบี้ย
ด้านบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ขานรับกรณีที่ กนง. ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% มาอยู่ที่ระดับ 0.50% โดยปรับตัวแตะระดับต่ำสุดที่ 1,306.96 จุด สูงสุดที่ 1,322.22 จุด ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ 1,322.20 จุด เพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้า 12.25 จุด หรือคิดเป็น 0.94% มูลค่าการซื้อขายรวม 67,672.70 ล้านบาท
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างประเทศยังคงขายสุทธิ 2,648.58 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันในประเทศ ซื้อสุทธิ 2,815.44 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ซื้อสุทธิ 248.58 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไปในประเทศ ขายสุทธิ 415.44 ล้านบาท ทำให้ตั้งแต่ต้นปี 2563 นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิสะสมรวม 190,074.10 ล้านบาท
"ประยุทธ์" รุดหารือสมาคมแบงก์ไทย
ในวันเดียวกันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปพบกับสมาคมธนาคารไทย เพื่อรับทราบข้อมูลและรับฟังข้อเสนอต่างๆ จากผู้บริหารระดับสูงของธนาคารพาณิชย์ที่เป็นสมาชิกของสมาคม ก่อนโพสต์ข้อความพร้อมรูปภาพบนเฟซยุ๊คส่วนตัวว่า
“ผมเดินทางไปพบกับสมาคมธนาคารไทย ได้รับทราบข้อมูลและรับฟังข้อเสนอต่างๆ จากผู้บริหารระดับสูงของธนาคารพาณิชย์ที่เป็นสมาชิกของสมาคม ซึ่งเป็นการพูดคุยที่มีประโยชน์มาก ผมขอขอบคุณที่ทุกท่านได้แสดงให้เห็นถึงความห่วงใยที่มีต่อประเทศ และขอบคุณที่ได้แสดงออกถึงความตั้งใจและความพร้อมที่จะสนับสนุนผู้ประกอบการ โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก และพี่น้องประชาชนคนไทยในช่วงเวลานี้ ผมขอให้สถาบันของท่านมีความมั่นคง พร้อมช่วยกันดูแลและเดินหน้าประเทศไทยของเราให้ผ่านสถานการณ์นี้ไปให้ได้ด้วยกันทั้งประเทศ”