xs
xsm
sm
md
lg

วายแอลจีเผย กนง.ลดดอกเบี้ยไม่กระทบทอง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



วายแอลจีเผยการลดดอกเบี้ยของ กนง.ไม่มีผลต่อราคาทองในประเทศอย่างมีนัยสำคัญ เหตุค่าเงินบาทยังอ่อน เตือนระยะสั้นราคาทองคำยังผันผวน หลังต้นสัปดาห์ขึ้นทำสถิติสูงสุดของปีนี้ครั้งใหม่ที่ 1,765 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ชี้ความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ตึงเครียดมากขึ้น และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ย่ำแย่ ส่งผลให้ดอลลาร์อ่อนค่าและกระตุ้นแรงซื้อทองคำ แนะทยอยขายเมื่อราคาทองคำขยับเข้าใกล้ 1,788-1,795 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 27,000 บาท

นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หรือ YLG เปิดเผยว่า ในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำได้ปรับตัวขึ้นไปที่ระดับสูงสุดครั้งใหม่ของปีนี้ และเป็นระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี 7 เดือน บริเวณ 1,765 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในระหว่างการซื้อขายของวันจันทร์ที่ 18 พ.ค. 2563 ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ที่ตึงเครียดมากขึ้น หลังจากประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์ไม่สนใจที่จะสนทนากับประธานาธิบดี สี จิ้นผิงของจีนในขณะนี้ พร้อมแสดงความผิดหวังที่จีนล้มเหลวในการควบคุมการระบาดของ COVID-19 อีกทั้งกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ยังกำหนดกฎใหม่ โดยสั่งบริษัททั่วโลกแบนส่งออกอุปกรณ์ผลิตชิปให้บริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี

ขณะที่สื่อจีนระบุว่า จีนอาจทำการตอบโต้ความเคลื่อนไหวล่าสุดของสหรัฐฯ ด้วยการสอบสวนบริษัทสัญชาติอเมริกัน รวมทั้งระงับคำสั่งซื้อเครื่องบินจากโบอิ้งอีกด้วย ประเด็นนี้กดดันเงินดอลลาร์ให้อ่อนค่า พร้อมกับกระตุ้นแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย เนื่องจากความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ กับจีน อาจยิ่งซ้ำเติมเศรษฐกิจที่ย่ำแย่อยู่แล้วจากการระบาดของ COVID-19 ให้เลวร้ายลงไปอีก

อย่างไรก็ดี ราคาทองคำมีการอ่อนตัวลงในเวลาต่อมา ขณะที่สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ยังไม่แน่ชัดว่าจะลุกลามเป็นสงครามการค้าดังเช่นที่เคยเกิดขึ้นในปีที่แล้วหรือไม่ โดยเมื่อต้นเดือน พ.ค.ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันว่าจะร่วมมือกันสร้างบรรยากาศและภาวะต่างๆ ที่เอื้ออำนวยต่อการดำเนินการตามข้อตกลงการค้าเฟสแรกระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ด้านนายแลร์รี คุดโลว์ หัวหน้าที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว กล่าวว่า ข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่มีการลงนามในเดือน ม.ค.จะไม่มีวันถูกยกเลิก ประกอบกับยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลต่อราคาทองคำเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นความเคลื่อนไหวของสินทรัพย์เสี่ยง, แนวโน้มการดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจการเงินและการคลังเพิ่มเติมของหลายประเทศโดยเฉพาะสหรัฐฯ, ความคืบหน้าเกี่ยวกับสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 หลังหลายประเทศทั่วโลกกลับมาเปิดเศรษฐกิจ และการพัฒนาวัคซีนต้าน COVID-19

ด้านปัจจัยภายในประเทศ แม้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% สู่ระดับ 0.50% ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ แต่การอ่อนค่าของค่าเงินบาทยังจำกัด หลังไทยสามารถควบคุมการระบาดของ COVID-19 ได้ดี ส่งผลให้ประเทศค่อยๆ กลับมาเปิดธุรกิจและผ่อนคลายข้อจำกัดต่างๆ กระตุ้นความหวังว่าภาคการท่องเที่ยวอาจฟื้นตัวขึ้น จึงเป็นปัจจัยช่วยจำกัดการอ่อนค่าของค่าเงินบาท ทำให้ราคาทองคำในประเทศได้รับอานิสงส์เชิงบวกไม่มากนัก ดังนั้น จะเห็นได้ว่าราคาทองคำยังคงมีแนวโน้มผันผวนได้ทั้ง 2 ทิศทางจากการปรับตัวขึ้นมาของราคาทองคำในปีนี้ ถือว่าเคลื่อนไหวเข้าใกล้เป้าหมายที่ YLG ประเมินไว้ ดังนั้นนักลงทุนควรเพิ่มความระมัดระวัง

เนื่องจากหลายครั้งเมื่อราคาสร้างระดับสูงสุดใหม่มักจะมีแรงขายทำกำไรเข้ามากดดันให้ราคาทองคำอ่อนตัวลง จึงแนะนำแบ่งทองคำออกขายทำกำไรเมื่อราคาปรับตัวสูงขึ้นเข้าใกล้ หรือทดสอบเป้าหมายของปีนี้ที่แนวต้านโซน 1,788-1,795 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของช่วงเดือน ก.พ., ก.ย. และ ต.ค. 2555 แต่หากผ่านแนวต้านแรกได้ให้ชะลอการขายออกไปโซน 1,920 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของช่วงเดือน ก.ย. ปี 2554 ขณะที่การเข้าซื้อ อาจรอราคามีการปรับตัวลดลงและไม่หลุดแนวรับ เบื้องต้นคาดการณ์แนวรับแรกบริเวณ 1,704-1,690 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของช่วงเดือน มี.ค.และ ก.พ.ของปีนี้ ที่สำคัญนักลงทุนควรหลีกเลี่ยงการไล่ซื้อ พร้อมกำหนดราคาเป้าหมายและจุดตัดขาดทุนประกอบการลงทุนทุกครั้ง


กำลังโหลดความคิดเห็น