xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ส้มหยุด!! แต่ “ก๊วนส้ม” ไม่ยอมหยุด ขุด Ugly Truth กลบ Pretty Lies

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ข้อความจากแสงเลเซอร์ที่ยิงใส่ตึกกระทรวงกลาโหมและสถานที่ต่างๆ
ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - สะบัดต่อไม่รอแล้วนะ...

ชั่วโมงนี้จังหวะเคลื่อนของ “ก๊วนส้ม” ทั้ง “คณะก้าวหน้า- พรรคก้าวไกล” กระทั่ง “ทีมปั่นแฮชแท็ก” ภายการนำของ “เสี่ยเอก” ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ดูจะไม่ต่างจากวลีเด็ดของ “คุณแม่สิตางศุ์ บัวทอง” ข้างต้นเท่าไร

ผิดกันหน่อยก็ตรง “เนตไอดอลสายสะบัด กำลังสนุกสนานกับไวรัล **“ส้มหยุด” กับเรื่องราวครั้งอดีตว่าตัวเธอมีอภินิหารสั่งให้ผลส้มหยุดได้ “ส้มหยุด! หยุดโดยไม่มีอะไรกั้น มันหยุดเอง ตอนกำลังจะหล่นน้ำ พอเราบอกให้หยุด มันหยุด!”

ทว่า “ก๊วนส้ม” อย่าง “คณะก้าวหน้า-พรรคก้าวไกล” ไม่คิดจะหยุด แม้จะมีเสียงปรามเนืองๆ ว่า ให้เพลาๆ การเมืองลงหน่อย ไทยเราและชาวโลกกำลังเผชิญกับวิกฤตการณ์ “โควิด-19” กันอยู่

ก่อนหน้านี้ “คณะก้าวหน้า-พรรคก้าวไกล” ก็ดูเหมือนจะเทน้ำหนักให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหา และบรรเทาความเดือดร้อนจากไวรัสมรณะอยู่เหมือนกัน โดยพยายาม “ตั้งแง่” ในทุกๆ การตัดสินใจของรัฐบาล

เล่นบทถนัดในการโชว์วิชั่น ผ่านทั้ง “เสี่ยเอก-ธนาธร” อดีตหัวหน้าพรรค หรือปล่อยคิวให้ “เสี่ยทิม” พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ลงสนามบ้าง

ไม่ว่าจะเป็นมาตรการเยียวยา 5 พันบาทต่อหัว ที่ทำเอาเฉกันทั้งประเทศ หรือการใช้ยาแรงสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่คุมการแพร่ระบาดได้ชะงัก ก็ถูกฝ่ายค้านรุมโห่มาตลอด แต่ทำไปทำมาบท “ลูกอีช่างติ” ที่เหมือนง่าย กลับไม่เรียกแต้มให้ “ก๊วนพ่อของฟ้า” แต่อย่างใด ผิดกับ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ถือว่า “สอบผ่าน” ทั้งในแง่สถานการณ์สาธารณสุข ครอบคลุมจำนวนผู้ติดเชื้อได้อยู่หมัด มีแนวโน้มดีอันดับต้นๆของโลก

และในแง่การแก้ไขปัญหา และประคองด้านเศรษฐกิจ กับมาตรการเราไม่ทิ้งกัน ที่ถือว่าเข้าเป้า แม้จะมีพอสมควรที่ตกหล่นไปบ้างก็ตาม

กลายเป็น “ธนาธร และชาวคณะ” ที่ดัน “แป้ก” รัวๆ ทั้งคิวซุ่มโป่งออกแบบห้องตรวจเชื้อความดันลบเพื่อบริจาคให้สถานพยาบาล ก่อนประโคมข่าวพาสื่อเข้าชมถึงโรงงาน ตั้งใจจะให้เวอร์วังอลังการ แต่ผลลัพธ์ “ไม่ว้าว” เพราะชาวบ้านชาวเมืองนำหน้าไปไกลแล้ว

หรือคิวที่หวัง “เบิ้ลบลัฟ” ถล่มรัฐบาล ประเด็นแจกเงินเยียวยา “เราไม่ทิ้งกัน” ที่ช่วยเหลือ 5 พันบาทต่อเดือนเป็นเวลา 3 เดือน ของรัฐบาลที่ไม่ทั่วถึง ทั้งการนำร่องด้วยการเปิดเว็บไซต์ “ทำไมไม่ได้5พัน.com” ของพรรคก้าวไกล ตามมาด้วยอีเวนท์คอนเสิร์ตออนไลน์ระดมทุน MAYDAY MAYDAY เราช่วยกัน ในนามคณะก้าวหน้า ที่ขอรับเงินบริจาคเพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนและได้รับผลกระทบในช่วงโควิด-19

ตีปิ๊บโครคราม “แจกคนละ 3 พันบาท โดยไม่ต้องพิสูจน์ความจน” ตามสไตล์ “ลูกเศรษฐี” ทายาทธุรกิจแสนล้านอย่าง “เสี่ยเอก” ลูก “มาดามสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ” แห่งเครือไทยซัมมิท

แต่กลายเป็น “คำโกหกแสนหวาน” หรือที่สำนวนฝรั่งเขาว่า “Pretty Lies” เพราะทำไม่ได้อย่างที่พูด เมื่ออีเวนท์ของคณะก้าวหน้า ระดมทุนได้เพียง 7.2 ล้านบาท หาร 3 พันบาท สิริรวมมอบเงินให้ผู้เดือดร้อนได้เพียง 2,427 คนเท่านั้น

จากผู้ที่มาแสดงความประสงค์ในช่องคอมเมนต์ในเฟซบุ๊กไลฟ์ถึง “หลักล้าน” ไม่เท่านั้นยังมีปัญหาในการโอนเงินล่าช้า ทั้งที่กลุ่มเป้าหมายแค่ 2 พันกว่าคนเท่านั้น เทียบไม่ได้เลยกับมาตรการเราไม่ทิ้งกันของรัฐบาล ที่มีผู้ลงทะเบียนมากกว่า 23 ล้านคน คัดกรองแล้วเหลือผู้เข้าเกณฑ์น่าจะมากกว่า 15 ล้านคน

ทำเอาคนจับได้ว่า “นายกฯโซเชียล-รัฐบาลโซเชียล” ที่แท้ก็แค่ “มือสมัครเล่น - ละอ่อนการเมือง” อะไรที่คิดว่าหมู ก็ไม่หมูอย่างที่คิด

จนอีเวนท์ “เมย์เดย์” กลางเป็น “เมย์เดี้ยง” ไปซะงั้น

เมื่อกระแสไม่เป็นบวก “เสี่ยเอก-ธนาธร” ออกมาโพสต์ขอโทษขอโพย ที่เงินจากการระดมทุนไม่เพียงพอแจกให้กับทุกคนที่ลงทะเบียน พร้อมตัดพ้อว่า “ไม่ใช่รัฐบาล” ทำอะไรก็ลำบาก

เอาเข้าจริง เงินเจ็ดหลักสำหรับ “ตี๋เอก” ผู้ซึ่งไม่มีเดือดร้อนเรื่องเงิน ถ้าไม่คิด เล่นใหญ่ เอากระแส ก็แค่ไขตู้เซฟหอบเงินไปแจกกันสดๆ แบบที่ “มะม๊าสมพร” เคยไปแจกบ้านละ 2 พันบาท แถวๆ สมุทรปราการ เมื่อหลายสัปดาห์ก่อนนู้น

อย่าลืมว่า “คณะก้าวหน้า” ที่วันนี้ไม่ได้มี “พันธนาการ” ความเป็น “ผู้แทนราษฎร” แล้ว หากต้องการช่วยเหลือคนที่เดือดร้อนด้วยการแจก “เงินสด” หรือ “ข้าวของ” ย่อมกระทำได้ โดยไม่มีข้อจำกัดตามกฎหมายพรรคการเมือง ที่ห้ามให้เกินมูลค่า 3 พันบาท หรือ 1 แสนบาทในยามวิกฤต หรือหากบริจาคเกินก็ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกนำไปคำนวณเป็นค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งรอบหน้า

“อดีต ส.ส.ธนาธร” จะเททั้งบัญชีทรัพย์สิน 5 พันล้านบาทก็ไม่มีใครเขาว่า

ถ้าใจถึงๆ ไม่คิดแต่จะเล่นการเมืองทุกเรื่อง ควักกระเป๋าตัวเองช่วยไปเลย ก็ไม่ต้องมาโดนค่อนขอดว่า “รัฐบาลโซเชียลฯขอทาน” อย่างนี้ด้วย

ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจและปิยบุตร แสงกนกกุล
ไม่เท่านั้น เผลอหน่อยเดียว รัฐบาลก็ไปไกลมากแล้ว ทั้งมาตรการเยียวยาเราไม่ทิ้งกัน ที่ขยายกลุ่มเป้าหมายที่ผ่านเกณฑ์ไปมากกว่า 14 ล้านคน เกษตรกรอีกเกือบ 9 ล้านครัวเรือน รวมไปถึงแรงงานในระบบที่เรื่องผ่านไปนานแล้ว แต่ติดขัดกระบวนการจ่ายเงินเล็กน้อย ทำไปทำมาครอบคลุมทั้งประเทศ มากกว่าที่ฝ่ายค้านเคยโหวกเหวกเรียกร้องเสียอีก

ขณะเดียวกันการควบคุมการแพร่ระบาดของ “โควิด-19” ก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จนบางวันตัวเลขผู้ติดเชื้อ “เป็นศูนย์” ตอกหน้าพวกที่คัดค้าน “พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ - ล็อกดาวน์” จนหงายเงิบ

ทำเอา “คณะส้ม” ของ “เสี่ยเอก” เกาหัวกันแกรกๆ จะสรรหาเรื่องอะไรมาด่ารัฐบาล เรื่องไหนโดนด่าก็ตีชิ่ง ใช้วิธีเปิดประเด็นใหม่กลบเกลื่อนแทน ในอารมณ์ต้อง “สะบัดต่อไม่รอแล้วนะ...” อย่างไรอย่างนั้น

แต่จะดูเบา “ธนาธรและเดอะแก๊ง” ไม่ได้ เพราะจังหวะก้าวแต่ละก้าว มีการวางแผนเป็นขั้นเป็นตอน เพื่อที่จะโยงทุกเรื่องให้เข้ากับประเด็นการเมืองการปกครอง

ไม่เว้นแม้แต่การขอรับเงินบริจาคที่ผ่านมา ก็ออกกติกาพิลึก ให้ผู้ที่มาขอรับความช่วยเหลือ ใส่รหัสขอรับสิทธิ์เป็นตัวเลข 24 และ 75 จนใครก็อ่านออกว่า “ธนาธรและพวก” จงใจใช้ตัวเลขเป็น “สัญลักษณ์ทางการเมือง”

เพื่อสื่อให้คิดถึง ปี 2475 ปีที่ประเทศไทยเปลี่ยนแปลงการปกครอง

ขณะเดียวกันก็ปล่อยให้คู่หูอย่าง “จารย์ป๊อก” ปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ไปเปิด “โลกคู่ขนาน” รอไว้ ใช้สกิล “รองศาสตราจารย์ประจำภาควิชากฎหมายมหาชน” แห่ง “กลุ่มนิติราษฎร์” หยิบโยงทุกประเด็นกลับมาที่ปัญหา “เชิงระบบ” ได้อย่างเหลือเชื่อ ไม่ว่าจะเป็นฝุ่นควัน pm2.5 หรือการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่จับต้นชนปลายจน “สาวก” เคลิบเคลิ้มตาม

และยิงนับวันก็ยิ่งล่อนจ้อนความเป็น “มิสเตอร์ชังชาติ” ของ “ปิยุบตร” มากขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่กรณี “นุรักษ์ มาประณีต” อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็น “องคมนตรี" ที่อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ โพสต์ข้อความในลักษณะไม่สนับสนุน “ท่านนุรักษ์” โดยอ้างถึงข้อวินิจฉัยในช่วงทำหน้าที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่ “ไม่เป็นบวก” กับอดีตพรรคอนาคตใหม่เลย

สำคัญที่ตีความได้ว่า “ปิยุบตร” หยิบยกประเด็น “ตัวบุคคล” เพื่อปีนป่ายไปถึง “กระบวนการ” พิจารณาแต่งตั้ง “นุรักษ์” มากกว่า

เมื่อปลายปีกลาย “จารย์ป๊อก” อาศัยคราบ “อดีตนักวิชาการ” เปิดช่อง Podcast ในชื่อ **Interregnum บรรยายว่า เป็นการให้ความรู้ด้านปรัชญา-การเมือง-สังคมแบบเข้มข้น เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนความรู้-ความคิดในสังคมไทย

สิ่งที่คาใจสังคมไทยก็ตั้งแต่ชื่อช่อง “Interregnum” ที่เป็นคำศัพท์ภาษาอังกฤษ ซึ่งตีความได้ว่า “ช่วงเวลาแห่งรอยต่อจากสิ่งหนึ่งไปสู่อีกสิ่งหนึ่ง” โดยมีคำแปลในภาษาไทยหลายบริบท ตั้งแต่ “ช่วงเวลาที่ไร้ผู้ปกครองประเทศ-ช่วงเวลาที่ไม่มีรัฐบาล” กระทั่ง “ช่องว่างระหว่างรัชกาล”


ถือเป็นอีกหนึ่ง “สัญญะ” ที่ยืนยันถึงเป้าประสงค์ที่แท้จริงในการเคลื่อนไหวของ “ปิยบุตร”

เพราะยิ่งไปกล่านั้น เนื้อหาของช่อง Interregnum ตลอด 7 ตอนที่ผ่านมา วนเวียนอยู่กับประวัติศาสตร์ช่วง “ปฏิวัติฝรั่งเศส” ซึ่งทราบกันดีว่า เป็นความเชี่ยวชาญเฉพาะตัวของ “ดอกเตอร์เกียรตินิยมดีมาก” จากมหาวิทยาลัยตูลูส ประเทศฝรั่งเศส

หรืออาจพูดได้ว่า “ปิยบุตร” มีความ “คลั่งไคล้” การปฏิวัติฝรั่งเศสเป็นพิเศษเลยด้วยซ้ำ

โดยเฉพาะเนื้อหาใน “ตอนที่ 7” ในชื่อตอน “สภาวะยกเว้น: “ชาติตกอยู่ในอันตราย! ระงับตำแหน่งกษัตริย์ฝรั่งเศสชั่วคราว ในปี 1792 ]” เมื่อสัปดาห์ก่อน ที่ “ปิยบุตร” พูดย้ำหลายครั้งว่า “ชาติตกอยู่ในอันตราย” นำมาซึ่งมติสภาแห่งชาติฝรั่งเศสที่ให้ “ระงับตำแหน่งกษัตริย์” เป็นการชั่วคราวในอดีตเมื่อปี 1792


ที่ว่ากันว่าเป็น “จุดเริ่มต้น” ของการสิ้นสุดสถาบันกษัตริย์ของประเทศฝรั่งเศส

แม้จะ “อ้าง” ว่าเป็น “งานวิชาการ” หรือเป็น “ประวัติศาสตร์” ก็ต้องถือว่า “หมิ่นเหม่” เป็นอย่างยิ่ง

บวกกับ “ปูมหลัง” ของตัว “ปิยบุตร” ตลอดจน “ธนาธร” อดีตนายทุน “หนังสือฟ้าเดียวกัน” หรือกระทั่ง “สาวช่อ” พรรณิการ์ วาณิช อดีตโฆษกพรรคอนาคตใหม่ กับวีรกรรม “รูปถ่ายเล่นๆ” แล้ว

บอกได้คำเดียวว่า “ชัดเจน” ว่าอะไรเป็นอะไร

คำถามจึงมีว่า “ปิยบุตร” พยายามหยิบยก และตอกย้ำในห้วงเวลานี้เพื่ออะไร

ตามมาติดๆ กับ แคมเปญใหม่ #ตามหาความจริง ที่ร้อนแรงติดทอปชาร์ตแฮชแท็กในทวิตเตอร์อย่างรวดเร็ว กับการสร้างกระแส “ยั่วยุ” ด้วยการส่ง “ทีมงานเด็กๆ” ไป “ยิงแสงเลเซอร์” เป็นข้อความว่า “#ตามหาความจริง” ในหลายสถานที่ซึ่งเป็นพื้นที่สัญลักษณ์เหตุการณ์สลายการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อปี 2553

ก่อนที่ไลน์ “คณะก้าวหน้า” และทวิตเตอร์ “คณะก้าวหน้า - Progressive Movement” ของนักการเมืองอดีตสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ จะออกมา “แสดงความรับผิดชอบ” โดยประกาศเชิญชวนให้ร่วมกิจกรรมกับคณะก้าวหน้า ในวันที่ 12-20 พ.ค.2563 พร้อมติดแฮ็กแท็ช #ตามหาความจริง ที่กำลังโด่งดัง

เป็นอีกหนึ่งผลงานการันตีคุณภาพของ “แก๊งปั่นแฮ็กแท็ช” ของ “เสี่ยเอก” ที่ถือว่าฉมังลำดับต้นของประเทศ หากวันหน้ามีแฮ็กแท็ชไหนพุ่งพรวดอย่างผิดสังเกต ก็ให้สงสัยแก๊งนี้ไว้ก่อนได้เลย

แน่นอนการยิงแสงเลเซอร์ช่วงระยะเวลาหนึ่งไม่ได้ทำความเสียหายให้กับสถานที่ แล้วก็ไม่ได้เป็นคำหยาบคายรุนแรงใดๆ กระทั่งความผิดทางอาญาก็ยังไม่รู้จะลงที่มาตราไหน แต่ในเชิงสัญลักษณ์ก็ถือว่ายั่วยุทำให้ “ผู้เกี่ยวข้อง” รำคาญใจได้เหมือนกัน

ที่น่าสนใจคือ “ความผิดทางเทคนิค” มากกว่า ที่คงไม่พ้นมือ “พี่ศรี” ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ที่เปรียบว่า “ตามหาความจริง ผลงานของพวกเด็กอมมือ หากิจกรรมเล่นเท่านั้น” คงคิดที่จะยื่นยุบ “พรรคก้าวไกล” เร็วๆ นี้

ด้วยข้อหามีพฤติกรรมร่วมกับคณะก้าวหน้าในลักษณะ “ยุยงปลุกปั่น” เพราะหลังจากที่ “ก้าวหน้า” เปิดหน้าออกมา “ก้าวไกล” ก็ทิ้งประเด็นโควิด-19 หรือการเรียกร้องให้เปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ แล้วเฮโลมากับลูกเล่นมากระแส #ตามหาความจริง อย่างพร้อมเพรียง

ถามต่อว่าถึงผลลัพธ์ที่ “ธนาธร” ใช้ชื่อ “คณะก้าวหน้า” ขับเคลื่อนแคมเปญนี้ จริงอยู่ช่วงเวลาครบรอบ รำลึกผู้เสียชีวิต แต่ก็เหมือนเป็นการรื้อฟื้นในจังหวะที่ “ไทม์มิ่ง” ไม่ได้ แล้ว “ความจริง” ที่กำลังตามหาคืออะไร

ตัว “ธนาธร” เองก็เคยประกาศขอให้คนไทยทุกคนสลัด “สีเสื้อ” ในวันที่ประกาศขอชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แล้วมาวันนี้กลับปลุก “ผีสีเสื้อ” ขึ้นมาอีก

หรือความจริงที่ “ธนาธร” หรือ “ปิยบุตร” หรือ “คณะก้าวหน้า” กำลังถามหา คือ “ความเกลียดชัง” เพื่อให้เกิดกระแสต่อต้านฝ่ายบริหาร ปลุกระดมคนให้ลงถนนอย่างนั้นหรือ

หรือเป็นความจริง ประเภท Ugly Truth ความจริงที่น่ารังเกียจ ที่พยายามขุดขึ้นมาเพียงเพื่อกลบ Pretty Lies คำโกหกแสนหวาน ที่ตัวเองทำพลาดแล้วเสียคะแนนนิยมไปหรือไม่

หรือแท้จริงเพื่อสร้างกระแสกลบเกลี่ยนความ Ugly ในใจลึกๆของ “คณะก้าวหน้า” เท่านั้นหรือเปล่า

แล้วก็คงเป็นเหตุผลว่า ทำไม “คณะส้ม” ที่ไม่เคยคิดจะหยุดเคลื่อนไหวประเด็น “หมิ่นเหม่” เสียที.




กำลังโหลดความคิดเห็น