คณะทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาโรงแรมที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เร่งสรุปแนวคิดเบื้องต้น เตรียมเสนอ"สมคิด" เปิดทางอิควิตี้ฟันด์ ซื้อหุ้นโรงแรมไทย ที่เป็นขนาดเอสเอ็มอี หลังพบสัญญาณเจ้าของคนไทยเริ่มไปต่อไม่ไหวเตรียมขายกิจการทิ้ง
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่าคณะทำงานเพื่อพิจารณาแก้ปัญหาโรงแรมที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 ซึ่งประกอบจากหลายภาคส่วน เบื้องต้นได้มีแนวคิดที่จะยื่นเสนอให้โรงแรมในไทยโดยเฉพาะขนาดกลางและขนาดเล็ก (เอสเอ็มอี) มีขนาดห้องพักไม่เกิน 200 ห้อง ที่ต้องการรับความช่วยเหลือ แจ้งความประสงค์เข้ามาเพื่อเปิดให้กองทุนรวมตราสารทุน หรือ อิควิตี้ฟันด์ ที่สนใจลงทุนกิจการโรงแรมเข้ามาลงทุนภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด เช่น ให้ซื้อหุ้นได้ไม่เกิน 75% , กำหนดระยะเวลาการถือหุ้น เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายเดิมเข้ามาซื้อหุ้นคืนได้ เช่น 5-7 ปี ทั้งนี้เพื่อรักษากิจการโรงแรมของคนไทยเอาไว้
"ที่ผ่านมาได้หารือร่วมกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ถึงปัญหาสถานการณ์โรงแรมของผู้ประกอบการไทย ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ทยอยปิดกิจการชั่วคราว บางแห่งรับสภาพภาระการขาดทุนไม่ไหว เริ่มมีแนวคิดขายกิจการให้ต่างชาติ ผมจึงเสนอตั้งคณะทำงานขึ้นซึ่งประกอบหลายภาคส่วน เช่น สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สภาธุรกิจตลาดทุนไทย สถาบันการเงิน ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย หรือเอสเอ็มอีดีแบงก์ ฯลฯ เนื่องจากกังวลว่าผู้ประกอบการไทยบางรายจะขายให้กับนักลงทุนต่างชาติในราคาต่ำ และต่อไปนักลงทุนต่างชาติอาจหันมาจ้างแรงงานประเทศตัวเองมากกว่าคนไทย รวมทั้งจะได้เป็นเจ้าของที่ดินทำเลดีอีกด้วย" นายสุพันธุ์ กล่าว
ทั้งนี้ แนวคิดดังกล่าวยังต้องหารือรายละเอียดในที่ประชุมอีกครั้งถึงความเป็นไปได้ เนื่องจากเจ้าของโรงแรมไทยที่เริ่มรับสภาพการขาดทุนไม่ไหว เริ่มมีแนวโน้มจะยอมขายกิจการโรงแรมในราคาที่ถูกให้กับนักลงทุนต่างชาติ ที่อาศัยช่วงวิกฤตโรคโควิด -19 กดราคาซื้อโรงแรม ได้ทั้งกิจการโรงแรม ได้เป็นเจ้าของที่ดินทำเลดีๆ โดยที่ผ่านมายอมรับว่านักลงทุนต่างชาติได้อาศัยการกว้านซื้อโรงแรมไทย โดยใช้นอมินีคนไทยเข้ามาซื้อแทน เพราะกฎหมายไทย ยังไม่เปิดให้ต่างชาติมาเข้าถือหุ้นเกิน 49 %
รายงานข่าวจากภาคธุรกิจโรงแรมแจ้งว่า หลังเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลให้ธุรกิจโรงแรมทั่วประเทศไทย ไม่สามารถแบกรับค่าใช้จ่ายในภาวะที่ไม่มีผู้ใช้บริการได้ ล่าสุดมีโรงแรมชื่อดังในกรุงเทพฯแจ้งปิดกิจการชั่วคราว นับจากวันที่ 26 มี.ค.63 แล้ว 27 แห่ง โดยแต่ละแห่งได้แจ้งว่า จะเปิดให้บริการอีกครั้ง ตั้งแต่กลางเดือนเม.ย.ถึงปลายเดือนก.ย.นี้
ส่วนที่ จ.ภูเก็ต เบื้องต้นมีโรงแรมแจ้งปิด 52 แห่ง ส่วนใหญ่เริ่มปิดวันที่ 1 เม.ย. และแต่ละแห่งจะเปิดอีกครั้งตั้งแต่เดือนพ.ค.-ต.ค.นี้ และเริ่มมีผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมบางราย เริ่มรับภาระไม่ไหว มีแนวคิดจะขายกิจการ
สำหรับสถิติจำนวนโรงแรมล่าสุด เมื่อเดือนมี.ค.63 ประเทศไทยมีจำนวนโรงแรมที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายทั่วประเทศ 32,564 แห่ง คิดเป็นจำนวนห้องทั้งหมด 1,254,168 ห้องพัก โดยอัตราส่วนห้องพัก 1 ห้อง ใช้พนักงานโรงแรม 1.3 คน จึงมีพนักงานโรงแรมทั้งหมด 1,630,419 คน คาดว่า กว่า 95% ของโรงแรมทั้งหมด หรือคิดเป็น 30,936 แห่ง จะไม่มีรายได้เพราะการระบาดของโควิด-19 ในช่วงนี้
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่าคณะทำงานเพื่อพิจารณาแก้ปัญหาโรงแรมที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 ซึ่งประกอบจากหลายภาคส่วน เบื้องต้นได้มีแนวคิดที่จะยื่นเสนอให้โรงแรมในไทยโดยเฉพาะขนาดกลางและขนาดเล็ก (เอสเอ็มอี) มีขนาดห้องพักไม่เกิน 200 ห้อง ที่ต้องการรับความช่วยเหลือ แจ้งความประสงค์เข้ามาเพื่อเปิดให้กองทุนรวมตราสารทุน หรือ อิควิตี้ฟันด์ ที่สนใจลงทุนกิจการโรงแรมเข้ามาลงทุนภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด เช่น ให้ซื้อหุ้นได้ไม่เกิน 75% , กำหนดระยะเวลาการถือหุ้น เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายเดิมเข้ามาซื้อหุ้นคืนได้ เช่น 5-7 ปี ทั้งนี้เพื่อรักษากิจการโรงแรมของคนไทยเอาไว้
"ที่ผ่านมาได้หารือร่วมกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ถึงปัญหาสถานการณ์โรงแรมของผู้ประกอบการไทย ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ทยอยปิดกิจการชั่วคราว บางแห่งรับสภาพภาระการขาดทุนไม่ไหว เริ่มมีแนวคิดขายกิจการให้ต่างชาติ ผมจึงเสนอตั้งคณะทำงานขึ้นซึ่งประกอบหลายภาคส่วน เช่น สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สภาธุรกิจตลาดทุนไทย สถาบันการเงิน ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย หรือเอสเอ็มอีดีแบงก์ ฯลฯ เนื่องจากกังวลว่าผู้ประกอบการไทยบางรายจะขายให้กับนักลงทุนต่างชาติในราคาต่ำ และต่อไปนักลงทุนต่างชาติอาจหันมาจ้างแรงงานประเทศตัวเองมากกว่าคนไทย รวมทั้งจะได้เป็นเจ้าของที่ดินทำเลดีอีกด้วย" นายสุพันธุ์ กล่าว
ทั้งนี้ แนวคิดดังกล่าวยังต้องหารือรายละเอียดในที่ประชุมอีกครั้งถึงความเป็นไปได้ เนื่องจากเจ้าของโรงแรมไทยที่เริ่มรับสภาพการขาดทุนไม่ไหว เริ่มมีแนวโน้มจะยอมขายกิจการโรงแรมในราคาที่ถูกให้กับนักลงทุนต่างชาติ ที่อาศัยช่วงวิกฤตโรคโควิด -19 กดราคาซื้อโรงแรม ได้ทั้งกิจการโรงแรม ได้เป็นเจ้าของที่ดินทำเลดีๆ โดยที่ผ่านมายอมรับว่านักลงทุนต่างชาติได้อาศัยการกว้านซื้อโรงแรมไทย โดยใช้นอมินีคนไทยเข้ามาซื้อแทน เพราะกฎหมายไทย ยังไม่เปิดให้ต่างชาติมาเข้าถือหุ้นเกิน 49 %
รายงานข่าวจากภาคธุรกิจโรงแรมแจ้งว่า หลังเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลให้ธุรกิจโรงแรมทั่วประเทศไทย ไม่สามารถแบกรับค่าใช้จ่ายในภาวะที่ไม่มีผู้ใช้บริการได้ ล่าสุดมีโรงแรมชื่อดังในกรุงเทพฯแจ้งปิดกิจการชั่วคราว นับจากวันที่ 26 มี.ค.63 แล้ว 27 แห่ง โดยแต่ละแห่งได้แจ้งว่า จะเปิดให้บริการอีกครั้ง ตั้งแต่กลางเดือนเม.ย.ถึงปลายเดือนก.ย.นี้
ส่วนที่ จ.ภูเก็ต เบื้องต้นมีโรงแรมแจ้งปิด 52 แห่ง ส่วนใหญ่เริ่มปิดวันที่ 1 เม.ย. และแต่ละแห่งจะเปิดอีกครั้งตั้งแต่เดือนพ.ค.-ต.ค.นี้ และเริ่มมีผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมบางราย เริ่มรับภาระไม่ไหว มีแนวคิดจะขายกิจการ
สำหรับสถิติจำนวนโรงแรมล่าสุด เมื่อเดือนมี.ค.63 ประเทศไทยมีจำนวนโรงแรมที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายทั่วประเทศ 32,564 แห่ง คิดเป็นจำนวนห้องทั้งหมด 1,254,168 ห้องพัก โดยอัตราส่วนห้องพัก 1 ห้อง ใช้พนักงานโรงแรม 1.3 คน จึงมีพนักงานโรงแรมทั้งหมด 1,630,419 คน คาดว่า กว่า 95% ของโรงแรมทั้งหมด หรือคิดเป็น 30,936 แห่ง จะไม่มีรายได้เพราะการระบาดของโควิด-19 ในช่วงนี้