กกร.ปรับคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้ติดลบ 3-5% ดีกว่าไอเอ็มเอฟประเมินไว้ หลังโควิด-19 เริ่มคลี่คลายรัฐเริ่มผ่อนคลายล็อกดาวน์แต่ต้องอยู่บนสมมติฐานที่โควิด-19 ไม่กลับมาอีก รอลุ้นกลางพ.ค.รัฐอาจคลายล็อกให้ธุรกิจกลับมาเปิดได้เพิ่มเติม พร้อมตั้งคณะทำงานศึกษาร่วม CPTPP ภายใน 1 เดือน
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ในฐานะทำหน้าที่ประธานประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วย ส.อ.ท. สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยภายหลังการประชุม กกร.ประจำเดือนพฤษภาคม 2563 ว่า กกร.ได้ประเมินจีดีพีของไทยปี 2563 คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ -3.0 ถึง -5.0% จากเดือน มี.ค.ที่คาดการณ์ว่าจะขยายตัว 1.5-2% ซึ่งดีกว่าที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือไอเอ็มเอฟประเมินไว้ว่าจะหดตัว 6.7% ทั้งนี้ภาครัฐมีมาตรการต่างๆ ในการเยียวยาผลกระทบโควิด-19 ที่กำลังดำเนินการอยู่
"เศรษฐกิจไทยมองว่าน่าจะพ้นจุดต่ำสุดแล้วและจะค่อยๆ ฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิด-19 ที่คลี่คลายลง ดังนั้น การส่งออกเรายังคงไว้ตามตัวเลข เม.ย.ที่ -5.0 ถึง -10.0% เพราะมองกำลังซื้อของผู้บริโภคทั่วโลกยังไม่ดีนัก ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลงเหลือ -1.5% ถึง 0.0% ซึ่งตัวเลขทั้งหมดอยู่ภายใต้สมมติฐานที่ไม่เกิดการระบาดระลอกใหม่ทั้งในไทยและต่างประเทศ และภาครัฐทยอยผ่อนปรนการดำเนินกิจการเพิ่มเติมตามลำดับ" นายสุพันธุ์กล่าว
นอกจากนี้ กกร.ยังหารือถึงจุดยืนของภาคเอกชนต่อหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP) โดยขอให้มีการตั้งคณะกรรมการที่ควรมีทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม ทั้งกลุ่มที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เพื่อให้ภาครัฐทราบจุดยืนที่ชัดเจนมากขึ้น ขณะเดียวกัน กกร.จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาอีกชุด ประกอบด้วย ส.อ.ท. สภาหอฯ กระทรวงพาณิชย์ และสภาเกษตรแห่งชาติ เพื่อจัดทำข้อเสนอเช่นกัน โดยจะดำเนินการพิจารณาและหาข้อสรุปร่วมกันภายใน 1 เดือนจากนี้
นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า คาดว่าประมาณกลางเดือนพฤษภาคมนี้รัฐบาลคงมีมาตรการผ่อนคลายล็อกดาวน์ออกมาเพิ่มเติม โดยวันที่ 8 พฤษภาคมกระทรวงสาธารณสุขเชิญผู้ประกอบการแต่ละสมาคมไปหารือถึงมาตรการต่างๆ ที่จะออกมา ซึ่งจะทำให้ธุรกิจมีการเปิดดำเนินการได้อีกเพิ่มเติม เช่น ร้านค้าขนาดใหญ่ที่มีความเสี่ยงปานกลาง เป็นต้น
นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า ขณะนี้สมาคมฯ มีการหารือร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อย่างใกล้ชิด เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการให้เข้าถึงสินเชื่อจากผลกระทบโควิด-19 โดยปัจจุบันสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟต์โลน) ของ ธปท. วงเงิน 500,000 ล้านบาท เริ่มปล่อยให้เอสเอ็มอีแล้ว เป็นต้น