ผู้จัดการรายวัน360-ธ.ก.ส.แจ้งข่าวดี พร้อมโอนเงินบรรเทาความเดือดร้อนให้เกษตรกร 10 ล้านราย รายละ 5,000 บาท รวม 3 เดือน วันที่ 15 พ.ค.นี้ มีหรือไม่มีบัญชีกับ ธ.ก.ส. ได้หมด แต่ถ้าไม่มี ต้องแจ้งก่อน ด้านประกันสังคมย้ำมีเงินจ่ายสิทธิประโยชน์ทุกกรณี เผยกรณีว่างงาน รอแค่นายจ้างรับรอง จ่ายได้ทันที ส่วนคืนเงินสมทบ 3 เดือน มีจ่ายแน่นอน แจงเงินลงทุน 2 ล้านล้านบาท มีความมั่นคงสูง
นายอภิรมย์ สุขประเสริฐ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ขั้นตอนการจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่จะจ่ายเงินให้แก่ครัวเรือนเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรกับหน่วยงานของรัฐ รายละ 5,000 บาท เป็นระยะเวลา 3 เดือน (พ.ค.–ก.ค.) จำนวน 10 ล้านราย วงเงินงบประมาณจำนวน 150,000 ล้านบาท ซึ่งการจ่ายเงิน ธ.ก.ส. จะรับข้อมูลผู้ขึ้นทะเบียนที่ผ่านการตรวจสอบแล้วจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และดำเนินการโอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรง ในกรณีเกษตรกรมีบัญชีเงินฝากกับ ธ.ก.ส. แล้ว สามารถใช้บัญชีเงินฝากเดิมได้ โดยไม่ต้องมาเปิดบัญชีใหม่ ส่วนเกษตรกรที่ไม่มีบัญชีเงินฝากกับ ธ.ก.ส. สามารถแจ้งบัญชีเงินฝากที่มีอยู่กับธนาคารใดก็ได้ ผ่านเว็บไซต์ www.เยียวยาเกษตรกร.com ของ ธ.ก.ส. ได้ตั้งแต่วันที่ 7 พ.ค.2563 เป็นต้นไป
“หลังจากระบบประมวลข้อมูลและตรวจสอบบัญชีเงินฝากของเกษตรกรที่ได้รับสิทธิ์ตามมาตรการ ซึ่งจะต้องไม่ซ้ำซ้อนกับความช่วยเหลือในมาตรการ “เราไม่ทิ้งกัน” และเมื่อ ธ.ก.ส. ได้รับเงินจากกระทรวงการคลัง จะรีบดำเนินการโอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรต่อไป โดยจะกระจายการโอนครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ ประมาณวันละ 1 ล้านราย คาดเริ่มทยอยโอนเงินได้ตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค.2563 เป็นต้นไป”
ทางด้านการจ่ายเงินชดเชยกรณีว่างงานของสำนักงานประกันสังคม นายทศพล กฤตวงศ์วิมาน เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม พร้อมนางพิศมัย นิธิไพบูลย์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกรม สำนักงานประกันสังคม และนายนันทชัย ปัญยาสุรฤทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักเงินสมทบ ได้ร่วมกันแถลงข่าวที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. โดยระบุว่า ได้เริ่มจ่ายเงินงดเชยกรณีว่างงานไปแล้วตั้งแต่วันที่ 20 เม.ย.-2 พ.ค.2563 โดยสั่งจ่ายไปแล้ว 455,717 ราย จำนวนเงิน 2,354 ล้านบาท จาก 958,304 ราย และอยู่ระหว่างดำเนินการ 207,895 ราย รอนายจ้าง 50,000 ราย มารับรองสิทธิ์ลูกจ้าง 294,692 ราย หากได้รับการรับรองจากนายจ้าง ก็พร้อมที่จะจ่ายเงินให้ในทันที
สำหรับการคืนเงินสมทบ โดยคำนวณจากฐานสูงสุดเงินเดือน 15,000 บาท ส่งเข้ากองทุน 750 บาท จะได้เงินคืนกลับมา 600 บาท และคืนจำนวน 3 เดือน รวม 1,800 บาท และมีเงินคืนไปส่งผู้ประกันตนแล้ว 17,000 กว่าล้าน
ส่วนการนำเงินกองทุนประกันสังคม 2.03 ล้านล้านบาทไปลงทุน แบ่งเป็น 82% เป็นการลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีความมั่นคงสูง คือ พันธบัตรรัฐบาล หรือของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และพันธบัตรของรัฐวิสาหกิจที่กระทรวงการคลังเข้ามาค้ำประกัน ที่เหลือ 18% นำไปลงทุนในหน่วยลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ลงทุนในทองคำ และหน่วยลงทุนที่เป็นอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีความมั่นคง และมีความพร้อมที่จะจ่ายสิทธิประโยชน์ในทุกกรณี
นายอภิรมย์ สุขประเสริฐ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ขั้นตอนการจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่จะจ่ายเงินให้แก่ครัวเรือนเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรกับหน่วยงานของรัฐ รายละ 5,000 บาท เป็นระยะเวลา 3 เดือน (พ.ค.–ก.ค.) จำนวน 10 ล้านราย วงเงินงบประมาณจำนวน 150,000 ล้านบาท ซึ่งการจ่ายเงิน ธ.ก.ส. จะรับข้อมูลผู้ขึ้นทะเบียนที่ผ่านการตรวจสอบแล้วจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และดำเนินการโอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรง ในกรณีเกษตรกรมีบัญชีเงินฝากกับ ธ.ก.ส. แล้ว สามารถใช้บัญชีเงินฝากเดิมได้ โดยไม่ต้องมาเปิดบัญชีใหม่ ส่วนเกษตรกรที่ไม่มีบัญชีเงินฝากกับ ธ.ก.ส. สามารถแจ้งบัญชีเงินฝากที่มีอยู่กับธนาคารใดก็ได้ ผ่านเว็บไซต์ www.เยียวยาเกษตรกร.com ของ ธ.ก.ส. ได้ตั้งแต่วันที่ 7 พ.ค.2563 เป็นต้นไป
“หลังจากระบบประมวลข้อมูลและตรวจสอบบัญชีเงินฝากของเกษตรกรที่ได้รับสิทธิ์ตามมาตรการ ซึ่งจะต้องไม่ซ้ำซ้อนกับความช่วยเหลือในมาตรการ “เราไม่ทิ้งกัน” และเมื่อ ธ.ก.ส. ได้รับเงินจากกระทรวงการคลัง จะรีบดำเนินการโอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรต่อไป โดยจะกระจายการโอนครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ ประมาณวันละ 1 ล้านราย คาดเริ่มทยอยโอนเงินได้ตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค.2563 เป็นต้นไป”
ทางด้านการจ่ายเงินชดเชยกรณีว่างงานของสำนักงานประกันสังคม นายทศพล กฤตวงศ์วิมาน เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม พร้อมนางพิศมัย นิธิไพบูลย์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกรม สำนักงานประกันสังคม และนายนันทชัย ปัญยาสุรฤทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักเงินสมทบ ได้ร่วมกันแถลงข่าวที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. โดยระบุว่า ได้เริ่มจ่ายเงินงดเชยกรณีว่างงานไปแล้วตั้งแต่วันที่ 20 เม.ย.-2 พ.ค.2563 โดยสั่งจ่ายไปแล้ว 455,717 ราย จำนวนเงิน 2,354 ล้านบาท จาก 958,304 ราย และอยู่ระหว่างดำเนินการ 207,895 ราย รอนายจ้าง 50,000 ราย มารับรองสิทธิ์ลูกจ้าง 294,692 ราย หากได้รับการรับรองจากนายจ้าง ก็พร้อมที่จะจ่ายเงินให้ในทันที
สำหรับการคืนเงินสมทบ โดยคำนวณจากฐานสูงสุดเงินเดือน 15,000 บาท ส่งเข้ากองทุน 750 บาท จะได้เงินคืนกลับมา 600 บาท และคืนจำนวน 3 เดือน รวม 1,800 บาท และมีเงินคืนไปส่งผู้ประกันตนแล้ว 17,000 กว่าล้าน
ส่วนการนำเงินกองทุนประกันสังคม 2.03 ล้านล้านบาทไปลงทุน แบ่งเป็น 82% เป็นการลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีความมั่นคงสูง คือ พันธบัตรรัฐบาล หรือของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และพันธบัตรของรัฐวิสาหกิจที่กระทรวงการคลังเข้ามาค้ำประกัน ที่เหลือ 18% นำไปลงทุนในหน่วยลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ลงทุนในทองคำ และหน่วยลงทุนที่เป็นอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีความมั่นคง และมีความพร้อมที่จะจ่ายสิทธิประโยชน์ในทุกกรณี