หายหน้าไป 1 วัน...แต่กลับมาวันนี้ สงสัยคงต้องชวนให้แวะไปดูเรื่อง “ทองคำสีดำ” หรือเรื่อง “น้ำมัน” กันอีกรอบ เพราะจากที่เคยเป็นอะไรซึ่ง “ถูกซะยิ่งกว่าขี้” ระดับราคาตกต่ำถึงขั้นต้องจ้างวานใครต่อใครให้ขนไปเก็บ หรือตกลงไปถึง -37.63 ดอลลาร์สำหรับน้ำมัน “WTI” หรือ “West Texas Intermediate” ในตลาดอเมริกา ที่จะต้องส่งมอบกันในช่วงเดือนพฤษภาฯ มาคราวนี้...หรือแค่อีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า แนวโน้มที่ราคาน้ำมันจะต้องส่งมอบกันในช่วงเดือนมิถุนาฯ อาจถูกกว่าขี้ หรือถูกกว่าขยะขึ้นมาอีกครั้ง ก็ดูจะมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ!!!
ด้วยเหตุเพราะปัญหาเดิมๆ หรือปัญหาอันเนื่องมาจาก “ไม่มีที่เก็บ” นั่นแหละทั่น คือ “Supply” หรือ “อุปทาน” หรือสิ่งที่นำมาตอบสนองความต้องการ มันออกไปทาง “ล้นเกิน” แม้ว่าบรรดาประเทศผู้ผลิตทั้งหลายไม่ว่ารัสเซียหรือโอเปก จะพยายามลดปริมาณการผลิตลงมาถึงวันละเกือบ 10 ล้านบาร์เรลก็แล้ว แต่ด้วยเหตุเพราะ “Demand” หรือ “อุปสงค์” หรือความต้องการของผู้คนในยุคซึ่งกำลังหูแหก-ตาแหก เพราะเชื้อไวรัส “COVID-19” มันออกจะรุนแรงเอามากๆ การลดปริมาณการผลิตของบรรดาประเทศผู้ผลิตรายใหญ่ ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า “ช้าไป” และ “น้อยไป” เลยทำให้ปริมาณน้ำมันที่ถูกผลิตออกมา ยังคงท่วมโลก หรือล้นโลก จนหาที่เก็บแทบไม่ได้เอาเลยถึงขั้นนั้น...
หรือทำให้นักวิเคราะห์ด้านตลาดของ “Goldman Sachs” ถึงกับออกมา “ฟันเฟิร์ม” เอาไว้เมื่อช่วงวัน-สองวันที่ผ่านมา ว่าภายในอีก 3-4 สัปดาห์ข้างหน้า บรรดา “คลังน้ำมัน” ของใครต่อใครทั่วทั้งโลกจะล้นเอ่อจนหาที่เก็บแทบไม่ได้ และนั่นเอง...ที่ส่งผลให้ระดับราคาซื้อ-ขายน้ำมันล่วงหน้า หรือน้ำมันที่จะต้องส่งมอบกันในเดือนมิถุนาฯ ในตลาด “WTI” ที่ทำท่าว่าอาจพอได้เงยหน้าอ้าปากขึ้นมามั่ง หลังจากที่ผู้นำอเมริกาประกาศว่าจะฉวยจังหวะซื้อน้ำมันประมาณ 75 ล้านบาร์เรล เข้าไปเก็บไว้ในคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ ก็กลับร่วงลงมา ตกจากหอคอย่นไปอีก 21 เปอร์เซ็นต์ หรือตกลงมาอยู่ที่ 10.07 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เมื่อช่วงวันจันทร์ (27 เม.ย.) ที่ผ่านมา แม้แต่น้ำมัน “Brent” ในตลาดยุโรป ก็พลอยร่วงลงมา 6.3 เปอร์เซ็นต์ หรืออยู่ที่ 18.73 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลอีกจนได้ ชนิดที่นักการตลาด อย่างหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์การตลาดแห่งบริษัท “AvaTrade” “นายNaeem Aslam” ถึงกับออกมาคาดการณ์ไว้ล่วงหน้า ประมาณว่า...ถ้าหากราคาน้ำมันที่จะส่งมอบกันในเดือนมิถุนายน ลดลงมาต่ำกว่า 10 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเมื่อไหร่ โอกาสที่จะเกิดความสับสนอลหม่าน เกิด “Panic” ในตลาดซื้อ-ขายน้ำมันล่วงหน้า อันเนื่องมาจากบรรดาผู้ที่หูแหก-ตาแหกทั้งหลาย จะ “เทขาย” น้ำมันออกมา จนเป็นตัวกดดันราคาให้ถูกซะยิ่งกว่าขยะ ยิ่งกว่าขี้ ย่อมมีความเป็นไปได้ อีกไม่ช้า-ไม่นานนับจากนี้...
และก็ย่อมแน่นอนนั่นแหละว่า...ผู้ที่เจ๊งหนัก เจ๊งสุดขีด เจ๊งก่อนใคร ย่อมหนีไม่พ้นไปจาก “อุตสาหกรรมน้ำมันเชลล์ ออยล์” แห่งอเมริกา ที่เคยผงาดขึ้นมาเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ ชนิดทำให้ประเทศอเมริกาแทบไม่ต้อง “พึ่งพา” หรือต้อง “นำเข้า” น้ำมันจากประเทศใดๆ อีกต่อไป แถมยังสามารถ “ส่งออก” น้ำมันเป็นครั้งแรก แต่กลับต้องตกอยู่ในสภาพ “ไปไม่กลับ-หลับไม่ตื่น-ฟื้นไม่มี-หนีไม่พ้น” ตราบใดที่ระดับราคาน้ำมันในตลาดต่ำไปกว่า 40-50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล อันถือเป็น “ต้นทุนการผลิต” ของอุตสาหกรรมน้ำมันชนิดนี้ และไม่ว่าจะพิมพ์เงิน ใส่เงินเข้าไปเยียวยาช่วยเหลือ ช่วยยืดเวลาสักเพียงใด แต่ถ้า “Demand” กับ “Supply” มันยังไม่เกิดอาการสมดุล จะด้วยเหตุเพราะ “COVID-19” ที่ว่ากันว่าทำให้ “Demand” ในตลาดลดลงไปถึง 30 เปอร์เซ็นต์เป็นอย่างน้อย หรือจะเพราะจำนวน “Supply” ที่ลดลงไปแค่วันละ 9.7 ล้านบาร์เรล หรือลดลงไปประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ มันยังน้อยเกินไปก็แล้วแต่ โอกาสที่ราคาน้ำมันจะเด้งกลับไปอยู่ที่ประมาณ 70-80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หรือเกินไปกว่าต้นทุนการผลิตของน้ำมัน “เชลล์ ออยล์” จึงเป็นอะไรที่ยากส์ส์ส์เอามากๆ และคงต้องใช้ “เวลา” มิใช่น้อย อาจเป็นปี สองปี เอาเลยก็ไม่แน่ และนั่นเองที่ทำให้โอกาสรื้อฟื้นคืนชีพอุตสาหกรรมน้ำมันเชลล์ ออยล์ในอเมริกา จึงแทบ “เป็ง-ปาย-ม่าย-ล่าย” เหลืออยู่แค่จังหวะที่ “พระ” ท่านจะเดินขึ้นไปชักผ้าบังสุกุลกันบนเมรุ ตอนไหน เมื่อไหร่ เท่านั้นเอง...
ส่วนประเทศอภิมหาเศรษฐีน้ำมัน ผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ ประเทศที่ถือเป็น “พันธมิตร” หรือ “บริวาร” ของอเมริกาก็แล้วแต่จะคิดอย่าง “ซาอุดีอาระเบีย” แม้จะ “เคยรวย” มาในระดับไหนก็ตาม เคยถือเป็น 1 ใน 20 ประเทศที่มี “ขนาดเศรษฐกิจ” ใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของโลก หรือใหญ่ที่สุดในบรรดาประเทศโลกอาหรับทั้งหลาย แต่งานนี้...คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธไม่ได้ ว่าออกจะ “กรอบเป็นข้าวเกรียบเมืองเพชรฯ” อยู่พอสมควรเหมือนกัน โดยเฉพาะถ้าดูจาก “ข่าวล่า-มาเรือ” หรือข่าวการให้สัมภาษณ์ของรัฐมนตรีคลังซาอุฯ “นายMohammed Al-Jadaan” ต่อสำนักข่าว “Bloomberg” เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาที่ต้องออกมาสารภาพว่า ด้วยเหตุเพราะราคาน้ำมันอันถือเป็นรายได้หลักประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ของประเทศ ต้องปักหัวดิ่งแบบไม่คิดจะเงยหน้าอ้าปากเอาเลยแม้แต่น้อย ส่งผลให้อภิมหาเศรษฐีอย่างซาอุฯ ต้องแปลงตัวเป็น “ลูกหนี้เงินกู้” หรือต้องออกพันธบัตรเพื่อกู้เงิน ยืมเงินประมาณ 58,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อเอามาโปะงบประมาณที่ขาดดุลในปีนี้ อย่างชนิดหนักหนาสาหัสเอามากๆ หรือถ้าว่ากันตามตัวเลขประมาณการของธนาคารเพื่อการลงทุนในอียิปต์ การขาดดุลงบประมาณของซาอุฯ ในปีนี้มากถึง 15 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพีเอาเลยถึงขั้นนั้น...
พูดง่ายๆ ว่า...ไม่ใช่แต่เฉพาะประเทศมหาอำนาจสูงสุดอย่างคุณพ่ออเมริกาเท่านั้น ที่ต้อง “ไปไม่กลับ-หลับไม่ตื้น-ฟื้นไม่มี” ไม่ว่าด้วยเหตุเพราะการแพร่ระบาดของเชื้อ “COVID-19” ไปจนถึงความตกต่ำของราคาน้ำมันในตลาดโลก แต่ “พันธมิตร” หรือ “บริวาร” รายสำคัญของอเมริกาในภูมิภาคตะวันออกกลาง อย่างซาอุฯ ก็ตกอยู่ในสภาพต้องหายใจทางปาก หรือทางเหงือก ต้องต่อท่อออกซิเจน ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ชนิดแทบไม่ได้ผิดแผกแตกต่างไปจากกันสักเท่าไหร่ แถมนอกจากเรื่องราคาน้ำมันและเรื่องเชื้อ “COVID-19” แล้ว ยังมีปัญหาเฉพาะอย่างเรื่อง “สงครามเยเมน” ไปจนเรื่องความพยายาม “ก่อรัฐประหาร” ภายในราชอาณาจักรแห่งนี้ ตามมาพันพัวนัวเนียไปโดยตลอด อย่างมิอาจปฏิเสธได้...
ต่างไปจากผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อีกราย อย่างคุณน้ารัสเซีย ที่ออกจะเตรียมตัวเอาไว้ดี คือเตรียม “ทุนสำรอง” ไว้ระดับที่ว่ากันว่า พอรับมือกับความตกต่ำของราคาน้ำมันไปได้อีกประมาณ 10 ปีเป็นอย่างน้อย แถมยังพยายามเปลี่ยนทุนสำรองจากที่เคยเก็บๆ ไว้เป็น “เงินดอลลาร์” ไปเป็น “ทองคำแท้ๆ” จนกลายเป็นประเทศที่มีทองคำสำรองเป็นอันดับ 4 อันดับ 5 ของโลกไปแล้วในทุกวันนี้ อีกทั้งที่สำคัญเอามากๆ ก็คือ...ยังไม่ได้คิดจะฝากชีวิตเอาไว้กับทองแท้ หรือทองคำสีดำ อันล้วนแต่เป็น “ของมายา” ไปด้วยกันทั้งสิ้น แต่ยังพยายามหันมาให้ความสำคัญกับ “ข้าว-ปลา” ที่ถือเป็น “ของจริง” อย่างเป็นระบบและเป็นกระบวนการอีกต่างหาก โดยเฉพาะหลังจากมีโอกาสเข้าเฝ้าล้นเกล้า ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ของบ้านเรา เมื่อช่วงหลายปีก่อน จนทุกวันนี้...แค่ “หมีขาว” ทำท่าขยับตัว คิดระงับการส่งออกข้าวสาลีและธัญพืชประเภทต่างๆ ก็เล่นเอาโลกทั้งโลกสะเทือนเลื่อนลั่นไปพอประมาณ อะไรต่อมิอะไรเหล่านี้นี่แหละ...จึงน่าเก็บเอามาเป็นอุทาหรณ์สอนใจ สำหรับประเทศเล็กๆ อย่างไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮาได้บ้าง โดยเฉพาะในช่วงที่ “วิกฤต” แต่ละรูป แต่ละแบบ กำลังทยอยปรากฏตัวให้เห็นชัดเจนยิ่งขึ้นเรื่อยๆ...