โควิด-19 นั้น ทำให้เราท่านได้เห็นแล้วว่ารัฐบาลและราชการไทยนั้น ฝากผีฝากไข้กันได้ ในยามวิกฤตนั้น จะเก่งกันเป็นพิเศษ ไม่ประมาท ไม่หวั่นไหว แต่ก็ไม่แตกตื่น พาประเทศไปรอด รัฐมนตรีและข้าราชการของกระทรวงแรงงาน ก็เป็นเช่นนั้นครับ
ตั้งแต่ปิดประเทศปิดเมืองจนเกือบมิด ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ดึงอำนาจกระทรวงต่างๆ ที่เกี่ยวข้องมาเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี ธุรกิจหลายอย่างโดยเฉพาะโรงแรมจำต้องปิดกิจการลง ทางพรรครวมพลังประชาชาติไทยได้พิจารณาแล้วเห็นว่ากองทุนประกันสังคมย่อมเข้ามาช่วยได้ เพราะ คนงาน พนักงาน เรือนล้านที่ตกงานครั้งนี้ คือการว่างงานด้วย “เหตุสุดวิสัย” เราจึงได้ทำหนังสือด่วนจากพรรค ยืนยันไปให้ รัฐมนตรีว่าการ คือ ม.ร.ว. จตุมงคล โสณกุล ในฐานะที่ท่านเป็นหัวหน้าพรรค ปฏิบัติตามมติพรรค ทั้งนี้ยังเป็นการส่งสัญญาณอึงมี่ให้กองทุนประกันสังคมได้ทราบด้วยว่า พรรคเอาจริงในเรื่องนี้มาก ขอให้เอาเงินที่เรียกเก็บทุกเดือนจากผู้ประกันตนนั้น แบ่งมาเยียวยาผู้คนมากมายที่ลำบากกันอยู่ทั่วทั้งประเทศ
แม้ข้าราชการจะเฝ้าบอกว่ากองทุนอาจมีเงินสดไม่พอ และคนอีกหลายฝ่ายหลายกลุ่มวิตกว่าหากเอาเงินที่มีอยู่มาชดเชยการว่างงานจากเหตุสุดวิสัย ในอนาคตอาจจะตอบสนองเรื่องความเจ็บป่วยทุพพลภาพ ความตาย และ บำเหน็จ บำนาญของผู้สูงวัยไม่ได้เต็มที่ แต่เราในฐานะฝ่ายการเมืองเห็นว่าเงินทองที่สมทบกันเข้าไปในกองทุนกันมาช้านานนั้น แม้จะมีหลายวัตถุประสงค์ แต่ที่สำคัญข้อหนึ่ง คือ เก็บเผื่อไว้ ใช้ในยามฉุกเฉิน มีภัยพิบัติอันสุดวิสัย กองทุนนี้ยังจะต้องเป็นหลักประกันให้กับความมั่นคงทางสังคมด้วย ไม่ใช่เป็นเพียงเงินออม หรือใช่จะออมไว้ใช้ในยามเจ็บทุพพลภาพเท่านั้น หรือ ใช่จะเก็บไว้ใช้ในยามแก่ชราเท่านั้น ตระหนักกันครับว่า หากทำอย่างนี้ คนส่วนใหญ่ย่อมได้รับเยียวยาเร็ว เป็นคุณกับคนส่วนใหญ่ แต่ก็อาจจะมีคนไม่ชอบ ไม่เห็นด้วย มีข้อโต้แย้ง แต่ เราตัดสินใจดีแล้ว จึงเดินหน้า ไม่มีถอย
ประเด็นคือ : ในฐานะฝ่ายการเมือง รัฐมนตรีสั่งกองทุนประกันสังคมไม่ได้ ประธานกรรมการคือท่านปลัดกระทรวงแรงงาน และกรรมการที่เหลือล้วนเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่และผู้ทรงคุณวุฒิ เป็นสำคัญ เราเป็นสุภาพบุรุษ ย่อมจะไม่ใช้วิธีบีบคั้นกดดัน เราเชื่อในเรื่องความมีเหตุมีผลของข้าราชการและผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการประกันสังคม
ท่านรัฐมนตรียอมหารือกับท่านปลัดกระทรวงแรงงานจนเข้าใจและเห็นด้วยจริงจัง ได้ดำเนินการจนคณะรัฐมนตรีเห็นว่าสถานการณ์ว่างงานขณะนี้มาจากเหตุสุดวิสัย และแก้ไขกฏกระทรวงให้เหตุสุดวิสัยนี้รวมมาถึงโรคระบาดใหญ่เช่นโควิด-19 นี้ ด้วย ท่านรัฐมนตรียังหารือกับหลายฝ่ายว่าจะเตรียมการหรือจะแก้ไขจุดอ่อน อุดช่องโหว่ แก้ความยุ่งยากทั้งปวง อย่างไร เพื่อปล่อยเงินชดเชยงวดแรกนี้ให้ออกมาให้ได้โดยเร็วที่สุด ถ้าได้ภายในอาทิตย์นี้หรือในต้นอาทิตย์หน้าได้ก็จะดี เราเดินเรื่องนี้กันมาตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน จนถึงบัดนี้ ก็แทบจะไม่มีปัญหาแล้วในเชิงกฏหมายหรือเชิงปฏิบัติ ฉะนั้น ท่านทั้งหลายที่ว่างงานเพราะเหตุโควิดนี้ จะได้รับเงินชดเชย แน่นอน !
ที่อยากจะชี้คือ พรรคย่อมไม่อาจสั่งกระทรวง และไม่อาจสั่งข้าราชการ ได้ แต่ มีมติ ที่หัวหน้าพรรคร่วมลงด้วย “ยืนยัน” ให้หัวหน้าพรรคในฐานะรัฐมนตรีว่าการให้ไปหาทางทำให้จงได้ ด้วยวิธีการและข้อกฏหมายที่ถูกต้อง ด้วย ก็มีแค่นี้ครับ และท่านก็ทำได้สำเร็จแล้ว จึงขอชี้แจงแต่เพียงแค่นี้