xs
xsm
sm
md
lg

ชงครม.อัดฉีด2ล้านล้าน กู้เศรษฐกิจจากพิษไวรัส

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ผู้จัดการรายวัน360-กระทรวงการคลัง แบงก์ชาติ สำนักงานประมาณ ชง ครม.วันนี้ ขออนุมัติจัดวงเงินอัดฉีดเศรษฐกิจเฉียด 2 ล้านล้านบาท จากพ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้าน ธปท.อัดฉีดซอฟต์โลน 5 แสนล้าน และดูแลตลาดตราสารหนี้ 4 แสนล้าน พร้อมดึงงบรายกระทรวงอีก 10% มั่นใจช่วยบรรเทาผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั้งระบบเศรษฐกิจ ตั้งแต่ฐานรากไปจนถึงผู้ประกอบการและภาคการเงิน “กรณ์”แนะต้องทำอย่างรัดกุม ยุติธรรม และทั่วถึง “สิระ”เสนอนายกฯ สั่งตัดเงินเดือนข้าราชการการเมืองทั้งหมดนำไปใช้สู้โควิด-19

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ (7 เม.ย.) หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสำนักงบประมาณ จะเสนอมาตรการบรรเทาผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ให้ที่ประชุม ครม. พิจารณา เพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจทั้งระบบ ทั้งในส่วนของภาคประชาชน ภาคการเกษตร ภาคการผลิต และภาคการเงิน โดยคาดว่าจะมีวงเงินสูงเกือบ 2 ล้านล้านบาท

ทั้งนี้ วงเงินที่จะนำมาใช้ มาจากการออกพ.ร.บ.กู้เงิน โดยกระทรวงการคลัง วงเงิน 1 ล้านล้านบาท , การออกพ.ร.ก.จัดตั้งกองทุนเพื่อดูแลตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชน วงเงิน 4 แสนล้านบาท และพ.ร.ก.การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิดในรูปแบบโครงการเงินกู้แบบผ่อนปรนอัตราดอกเบี้ยต่ำเป็นพิเศษ (ซอฟต์โลน) วงเงิน 5 แสนล้านบาท โดย ธปท. และยังจะมีเงินจากการปรับลดงบประมาณรายจ่ายของแต่ละกระทรวงลง 10% วงเงินประมาณ 6-7 หมื่นล้านบาท โดยวงเงินทั้งหมด จะถูกนำมาใช้ในการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ เพื่อผลักดันให้เศรษฐกิจฟื้นตัวจากผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ในทุกระดับชั้น ตั้งแต่ประชาชน ลูกจ้าง เกษตรกร ผู้ประกอบการ ภาคธุรกิจ ตลาดเงิน ตลาดทุน

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊ก ให้จับตา 3 พ.ร.ก.สำคัญ ที่รัฐบาลจะออกมาเพื่อรับมือวิกฤตเศรษฐกิจจากโควิด-19 มีใจความสรุปว่า วันอังคารนี้ ครม.จะพิจารณา 3 พ.ร.ก. สำคัญ คือ 1.พ.ร.ก.กู้เงิน 2.พ.ร.ก.สินเชื่อช่วย SME และ 3.พ.ร.ก. ให้แบงก์ชาติ รับซื้อพันธบัตรเอกชนไทย

โดยในการออกพ.ร.ก.กู้เงิน สิ่งที่จะต้องทำเลย คือ ปรับงบที่ไม่เร่งด่วนหรือชัดเจนว่าใช้ไม่ทันสิ้นปีงบประมาณ แล้วนำมาจัดสรรใหม่ในการต่อสู้กับวิกฤต รัฐบาลยังมีวงเงินกู้ตามเพดานในปีงบประมาณเหลืออยู่ 3 แสนล้านบาท ควรใช้วงเงินนี้ก่อนออก พ.ร.ก. และหากต้องออก พ.ร.ก. ต้องใช้วงเงินอย่างเร่งด่วนเท่านั้น ส่วนที่เหลือควรเป็นการใช้เงินในปีงบประมาณ 2564 ส่วน พ.ร.ก.สินเชื่อ SME จะมีระบบประเมินความยุติธรรมในการเข้าถึงวงเงินอย่างไร จะตรวจสอบยังไงว่าผู้เดือดร้อนจริงได้รับการช่วยเหลือ ไม่ใช่แค่ลูกค้าเดิมของธนาคาร และพ.ร.ก.ให้รับซื้อพันธบัตร น่าสุ่มเสี่ยงที่สุด เพราะไม่เคยมีมาก่อน และยังเป็นการช่วยรายใหญ่ แต่ SME จะได้รับการช่วยเหลืออย่างไร หรือไม่

“ผมได้ปรึกษาผู้ที่มีประสบการณ์อีกหลายท่าน เราเห็นเพิ่มเติมว่าแบงก์ชาติควรต้องเริ่มประเมินสถานการณ์ของแต่ละบริษัทที่ออกพันธบัตรแต่เนิ่นๆ เพื่อกำหนดทั้งโครงสร้างการเงินที่เหมาะสมโดยรวมของกิจการ อย่ารอให้ใกล้ช่วงพันธบัตรจะหมดอายุ กำหนดแผนยุทธศาสตร์การดำเนินการของผู้ประกอบการในช่วงนี้ และช่วงหลังวิกฤต เจรจาร่วมกับเจ้าหนี้ และผู้ถือหุ้นในการกำหนดการแบ่งรับภาระความความเสียหายและประโยชน์ที่จะเกิดขึ้น และกำหนดระดับความช่วยเหลือที่จะได้รับจากธนาคารกลาง ส่วนเรื่องการเตรียมกู้วิกฤตเศรษฐกิจจากโควิด-19 เป็นเรื่องต้องทำแน่นอน และต้องทำอย่างรัดกุม ยุติธรรมและทั่วถึง ขอเป็นกำลังใจให้ทีมแบงก์ชาติ ทีมคลัง และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกคนครับ”นายกรณ์ระบุ

นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ กล่าวเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี ออกคำสั่งตัดเงินเดือน ข้าราชการการเมืองทั้งหมด เพื่อนำเงินไปใช้แก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด- 19 เนื่องจากสถานการณ์ในขณะนี้ ยังไม่มีแนวโน้มว่าจะคลี่คลาย แต่เสี่ยงที่จะทวีความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งรัฐบาลต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าและฟื้นฟู สังคมเศรษฐกิจ จึงถึงเวลาแล้วที่ข้าราชการการเมืองทั้งหมด ควรเสียสละเพื่อบ้านเมืองและประชาชน ด้วยการไม่รับเงินเดือนไปจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น

ทั้งนี้ สมาชิกรัฐสภาทั้ง ส.ส. และ ส.ว. จำนวน 750 คน คิดกลมเฉลี่ยที่คนละ 120,000 บาท หากไม่รับเงินเดือน นำมาช่วยประเทศชาติ ในการทำสงครามสู้กับโรคโควิด- 19 จะได้เงินประมาณเดือนละ 90 ล้านบาท ยังไม่รวมเงินเดือนของบรรดาที่ปรึกษา ผู้ช่วยรัฐมนตรี , อบจ. , อบต. และส่วนอื่นๆ ซึ่งหากตัดเงินเดือนข้าราชการการเมืองทั้งหมด จะมีเงินไปใช้ ช่วยเหลือประชาชนผ่านความยากลำบากครั้งนี้หลายพันล้านบาทต่อเดือน


กำลังโหลดความคิดเห็น