“สิระ” แนะนายกฯ สั่งตัดเงินเดือน ขรก.การเมืองทั้งหมด นำไปใช้สู้โควิด-19 เชื่อได้หลายพันล้านต่อเดือน ชี้ถึงเวลาต้องเสียสละ คืนภาษีช่วย ปชช.ผ่านพ้นความยากลำบากจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย
วันนี้ (6 เม.ย.) นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีออกคำสั่งตัดเงินเดือน ข้าราชการการเมืองทั้งหมด เพื่อนำเงินไปใช้แก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เนื่องจากเห็นว่าสถานการณ์ในขณะนี้ยังไม่มีแนวโน้มว่าจะคลี่คลาย แต่เสี่ยงที่จะทวีความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งรัฐบาลต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก ทั้งเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าและฟื้นฟู สังคม เศรษฐกิจ จากผลกระทบของโรคโควิด-19 จึงถึงเวลาแล้วที่ข้าราชการการเมืองทั้งหมด ควรเสียสละเพื่อบ้านเมืองและประชาชนด้วยการไม่รับเงินเดือนไปจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น เพราะในตอนที่พวกท่านเข้ามาทำหน้าที่ก็ประกาศว่าจะเสียสละตัวเองเพื่อทำงานให้ประชาชนและประเทศชาติ ในวันนี้ก็จะได้ทำตามที่ทุกท่านได้ประกาศเอาไว้แล้ว ตนคิดว่าเงินจำนวนมากขนาดนี้ ถ้าส่วนหนึ่งสามารถนำไปจ่ายเป็นค่าทำงานพิเศษให้กับเจ้าหน้าที่และบุคคลากรทางการแพทย์จะเป็นประโยชน์มากกว่า
ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐกล่าวด้วยว่า สมาชิกรัฐสภาทั้ง ส.ส.และ ส.ว.จำนวน 750 คน คิดกลมเฉลี่ยที่คนละ 120,000 บาท หากไม่รับเงินเดือน นำมาช่วยประเทศชาติในการทำสงครามสู้กับโรคโควิด-19 จะได้เงินประมาณเดือนละ 90 ล้านบาท ยังไม่รวมเงินเดือนของบรรดาที่ปรึกษาผู้ช่วยรัฐมนตรี, อบจ., อบต. และส่วนอื่นๆ อีกมาก หากตัดเงินเดือนข้าราชการการเมืองทั้งหมดจะมีเงินไปใช้ช่วยเหลือประชาชนผ่านความยากลำบากครั้งนี้หลาย 1,000 ล้านบาทต่อเดือนอย่างแน่นอน
“ก่อนหน้านี้นายกรัฐมนตรีตัดเงินเดือนคณะรัฐมนตรี 1 เดือน มาตั้งเป็นกองทุนช่วยเหลือประชาชนสู้กับปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แต่ผมคิดว่ายังไม่เพียงพอ ถึงเวลาแล้วที่ข้าราชการการเมืองทั้งหมดต้องเสียสละไม่รับเงินเดือนจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น ถือเป็นการคืนภาษีของประชาชนให้ประชาชนและประเทศชาติที่กำลังประสบวิกฤต เพราะการจะไปคาดหวังให้ทุกคนมีจิตสำนึกที่จะบริจาคเงินตรงส่วนนี้คงเป็นไปได้ยาก ฉะนั้น การสั่งงดจ่ายเงินเดือนน่าจะทำได้สะดวกที่สุดในสภาวะเช่นนี้ ส่วนตัวผมพร้อมและยินดีที่จะไม่รับเงินเดือนในส่วนนี้ เพราะตั้งแต่เกิดวิกฤตไวรัสขึ้น ผมก็ได้ใช้เงินเดือน ส.ส.ที่มาจากภาษีประชาชนไปในการดูแลประชาชนในเขตหลักสี่-จตุจักร ตลอดอยู่แล้ว” นายสิระกล่าว
