xs
xsm
sm
md
lg

อย่าตายใจ จะทำคนตายเยอะ!

เผยแพร่:   โดย: โสภณ องค์การณ์



ตัวเลขผู้ติดเชื้อโคโรนาไวรัส 51 ราย เสียชีวิต 3 ราย ดูแล้วเหมือนจะดีขึ้น แต่ยังวางใจไม่ได้ ที่น่าสังเกต 2 รายที่เสียชีวิตเป็นเบาหวาน ทั้งหมดติดเชื้อ แสดงอาการและเข้ารับการรักษาไม่กี่วันก็เสียชีวิต ทำให้เห็นว่าเชื้อร้ายตัวนี้ติดต่อกันได้ง่าย รักษายาก ตายเร็ว

ในบ้านเรา คนกลัวตายก็เยอะ คนที่ยังไม่รู้สำนึก ใช้ชีวิตในความเสี่ยงก็ยังมี ทำเป็นไม่กลัวตาย หารู้ไม่ว่า ถ้าต้องเข้าโรงพยาบาลหลังจากเชื้อลงปอดแล้ว พ่อแม่ญาติพี่น้อง ไม่มีโอกาสได้เข้าเยี่ยมดูใจ ไม่ได้สั่งเสีย เห็นหน้าครั้งสุดท้ายก็วันที่เข้าโรงพยาบาล

ไม่ได้ฟังพระสวด ต้องรีบเผาด้วยซ้ำ เพราะไม่มีใครอยากยุ่งกับศพด้วย!

แม้กระนั้น คนที่มีความรู้ ผ่านเมืองนอกเมืองนามา ก็ยังทำเป็นเก่ง โดยหารู้ไม่ว่าความอวดดี ผสมกับความโง่เขลาเบาปัญญา นอกจากทำให้ตัวเองป่วย อีกหลายคนเดือดร้อนเสี่ยงตาย เป็นภาระให้ทุกฝ่าย สร้างความตึงเครียดให้ผู้เกี่ยวข้อง

ทำตัวเป็นปัญหาให้สังคม สุดท้าย พอป่วยใกล้ตายรู้สำนึก ก็สายเสียแล้ว!

กรณีความวุ่นวายที่สนามบินสุวรรณภูมิวันก่อน ที่ผู้เดินทางกลับจากต่างประเทศ 152 คนไม่ยอมรับคำสั่งให้เข้ากักตัวดูแลอาการว่าติดเชื้อหรือไม่ ก่อหวอดในสนามบิน กดดันเจ้าหน้าที่ให้ปล่อยตัวกลับบ้าน สุดท้ายต้องให้เจ้าหน้าที่ประกาศให้มารายงานตัว

ไม่ต้องบอกว่าใครผิดใครถูกในสถานการณ์อย่างนั้น คนที่อยู่ในเหตุการณ์ต้องรู้ดีว่าเรื่องทั้งหมดเป็นความปลอดภัยไม่ใช่เฉพาะของพวกผู้โดยสารที่ดื้อรั้น แต่ยังเกี่ยวกับผู้ใกล้ชิดทั้งหมด รวมทั้งเจ้าหน้าที่ พ่อแม่ญาติพี่น้องของผู้โดยสารทั้งหมดนั้นด้วย

ความรู้สึกเป็นฮีโร่ กดดันเจ้าหน้าที่ช่วงนั้น กับช่วงนี้ต้องกลับมาอยู่ในสภาวะกักตัวเป็นอย่างไร น่าจะแสดงออกให้สังคมได้รับรู้ ถ้าเก่งจริง ไม่ต้องกลับไปหาเจ้าหน้าที่ อยู่ที่บ้าน รอดูว่าใครจะแน่จริง ถ้าถูกดำเนินคดี ถูกนำตัวไปให้ศาลพิจารณา หาเรื่องนอนคุก

พวกกลับจากต่างประเทศจะอ้างว่าไม่รู้เรื่องมาตรการต่างๆ ไม่ได้ เพราะเล่นแชต เล่นไลน์ สื่อสารผ่านโซเชียลมีเดียแทบจะทุกลมหายใจเข้าออก สถานการณ์ต่างประเทศเหมือนอยู่ในภาวะฉุกเฉิน คนติดเชื้อป่วยมาก ตายเป็นเบือ มีรายงานข่าวทุกวัน ต้องรับรู้

ทำไมนิ่งนอนใจ ไม่เดินทางกลับประเทศ ทั้งๆ ที่รู้ข่าวว่าเริ่มมีสายการบินหยุดให้บริการในแทบทุกเส้นทาง มหาวิทยาลัย โรงเรียนปิดนานแล้ว ทำไมถึงใจเย็นอยู่ได้ และจะอ้างไม่รู้ว่าสถานการณ์กักตัวหลังจากกลับต่างประเทศมีนานแล้ว ต้องยอมรับ

เว้นแต่จะแกล้งทำเป็นไม่รู้ เหมือนอ้างว่าไม่รู้กฎหมาย ก็ทำไม่ได้!

พวกที่เดินทางกลับ ก็มาจากประเทศที่มีการระบาดมากกว่าในประเทศไทย มีทั้งคนตายและปัญหาในความขาดแคลนอุปกรณ์การแพทย์ เตียงผู้ป่วย และมีข่าวว่าในอังกฤษ คนไทยและมาเลเซียไม่ได้รับการรักษา ถูกปล่อยให้เสียชีวิตคาห้องพัก

ยิ่งในยุโรป สหรัฐฯ มีความรู้สึกกีดกัน เหยียด เกลียดชังคนผิวเหลือง โอกาสที่คนเอเชียจะได้รับการรักษาอย่างดี ก่อนคนผิวขาวนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย เว้นแต่มีเงิน มีบัตรเครดิตโชว์วงเงินไม่อั้น คำว่าผู้ป่วยอนาถา ไม่มีโอกาสได้รับการเหลียวแลแน่นอน

แล้วทำไมคนอยู่ต่างประเทศไม่รีบเผ่นกลับบ้าน ยังมีอะไรน่าห่วงใยกว่าชีวิต และความอยู่รอดของตนเองเช่นนั้นหรือ ทุกวันนี้ก็ยังพยายามดิ้นรนกลับ คงรู้ว่าเป็นวิกฤต กลับมาเมืองไทย เป็นตายอย่างไรก็ยังมีโอกาสได้รับการดูแล ไม่สิ้นสภาพในต่างแดน

ปัญหาของบ้านเราคือ กฎหมาย ระเบียบ ไม่ถูกใช้บังคับอย่างเข้มงวด ยังมีระบบใช้เส้นสาย อะลุ้มอล่วย ผ่อนปรน แบบไทยๆ มีบุคคลบางประเภทถูกยกเว้น และพวกแหกกฎต่างมักจะมีคำแก้ตัวมาตรฐานว่า “รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ฝากขอโทษสังคมด้วย”

ถ้าจะให้สวย คำว่า “รู้เท่าไม่ถึงการณ์” ควรยอมรับตรงๆ ว่า “โง่เง่า” ได้มั้ย!

ถ้าเหตุการณ์ในสนามบินสุวรรณภูมิเกิดขึ้นในสิงคโปร์ กัมพูชา ฟิลิปปินส์ หรือที่ไหนก็แล้วแต่ รับรองไม่มีการสูญเปล่าของเวลาในการต่อรอง เพราะ “สถานการณ์ฉุกเฉิน” ต้องเป็นที่รับรู้ เพียงแต่ว่าในบ้านเรา ไม่ฉุกเฉินจริง มีทิ้งช่วงผ่อนระยะไว้ 2 วัน

ทำให้ไม่รู้ชัดว่าการประกาศภาวะฉุกเฉินนั้น “ใคร” ฉุกเฉินกันแน่ วันนี้ยังไม่มีคำตอบ!

ทุกวันนี้จะทำอะไรๆ ก็ยังเป็น “แบบไทยๆ” เหมือนเดิม ทั้งๆ ที่มีบทเรียนซ้ำซากด้านความไม่ทันกับสถานการณ์ ซ้ำร้าย เชื้อโรคร้ายยังสู้เชื้อโกงบ้านกินเมืองไม่ได้ พวกตัวโกงยังพยายามหากินกับความทุกข์ยาก ความเป็นความตายของคนร่วมแผ่นดิน

การโกงกินเกิดในภาครัฐทั้งนั้น ส่งผลกระทบต่อการขาดแคลนเวชภัณฑ์ อุปกรณ์การแพทย์ทุกอย่าง ข่าวการโกงกินหน้ากากอนามัยทุกวันนี้ยังไม่จบ มีข่าวการกักตุนหน้ากากเอ็น 95 เพื่อหวังโก่งราคาเพราะในต่างประเทศมีแข่งประมูลซื้อจากบริษัทในจีน

โกงกินทั้งหน้ากากอนามัยแบบธรรมดา แบบเอ็น 95 ไข่ขาดตลาด และมีข่าวโกงเรื่องเครื่องพีซีอาร์ ตรวจวัดการติดเชื้อ โกงการซื้อชุดพีพีอี สารพัดจะโกง ซ้ำเติมวิกฤตการระบาดและปัญหาการขาคแคลนแทบทุกอย่างในการต่อสู้กับโคโรนาไวรัส

อำนาจภาวะฉุกเฉิน ถ้าไม่ใช้เต็มที่ ก็ไร้ความหมาย! กลายเป็นตัวซ้ำเติมวิกฤตความน่าเชื่อถือ ศรัทธาในรัฐบาลและผู้นำ ทำให้กระบวนการตั้งรับฝ่ายการแพทย์ติดขัดมีปัญหา สร้างความกังวลว่าถ้าการระบาดเป็นอย่างเต็มที่ จะรับไม่ไหว คนตายเป็นเบือ

เห็นตัวอย่างในอิตาลี สเปน และประเทศยุโรปอื่นๆ ก็รู้แล้วว่าวิกฤตเพียงใด ดังนั้น มาตรการของรัฐบาลจะทำอย่างครึ่งๆ กลางๆ ไม่ได้ เพราะโคโรนาไวรัสไม่ออมมือ ผ่อนปรน ให้ความเห็นอกเห็นใจผู้ที่ไร้ความสามารถ ทั้งจะลงโทษคนอ่อนแอ ไร้ความสามารถ

คำถาม “ประเทศไทยมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร จะไปไหน” ยังไร้คำตอบ มีแต่จะกู้เงิน!
กำลังโหลดความคิดเห็น