โฆษก ศบค. ยัน158 คนไทยที่กลับจากตปท. กักตัวครบหมดแล้ว นายกฯ ขอบคุณ เจ้าหน้าที่ หลังทุกหน่วยงานบูรณาการกันดีขึ้น ส่วนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่เพิ่ม 102 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 3 รายเผย ผู้ป่วยใน กทม. ทะลุพันคน "ทรัมป์" เตือนอเมริกันชนรับมือ "สถานการณ์สยดสยอง" ที่จะมีผู้เสียชีวิตจำนวนมากในอีกไม่วันนี้ ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตทั่วโลกล่าสุด อยู่ที่ 65,000 คน ส่วนที่จีน ยังพบผู้ติดเชื้อใหม่ และผู้ป่วยที่ไม่มีอาการเพิ่มขึ้น ตอกย้ำความ ยากลำบากในการกำจัดไวรัสร้ายแบบถอนรากถอนโคน "อนุทิน" ตอบข้อสงสัยโซเชียลฯ ปมจัดซื้อยารักษาโควิดเพื่อความอุ่นใจ ส่วนกรณีญี่ปุ่นบริจาค เป็นเรื่องใหม่ ยังไม่มีความชัดเจน
เมื่อเวลา 11.30 น.วานนี้ (5เม.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้ติดตามสถานการณ์กรณี 158 คนไทยเดินทางมาจากต่างประเทศ ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อคืนวันที่ 3 เม.ย. โดยได้สั่งการให้ผู้รับผิดชอบบูรณาการการทำงานอย่างเต็มที่ จนสามารถดำเนินการได้อย่างดี และนายกฯ ฝากขอบคุณครอบครัวของ 158 คน ที่ร่วมมือกับภาครัฐ จนสามารถนำเข้าสู่กระบวนการกักตัวได้อย่างรวดเร็ว และมีความมั่นใจในระบบการจัดการได้มากขึ้น โดยคนเหล่านี้ ยังไม่ถือเป็นผู้ป่วย โดยกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) จะดูแลเป็นอย่างดี และได้เข้าไปคัดกรองโรคแล้วพบว่า มีอาการป่วย 3 ราย โดย 1 ราย รายงานตัวแล้ว อีก 2 ราย อยู่ระหว่างการสอบสวนโรคอยู่
ทั้งนี้ หลังจากนายกฯ ให้มีการบูรณาการการทำงานกันแล้ว เหมือนทดสอบระบบ หลังจากนั้น มี 2 เที่ยวบิน ที่ตกลงกันไว้ล่วงหน้าว่าจะบินเข้าประเทศไทย โดยมาจากมาเลเซีย 51 คน และ การ์ตา 47 คน สามารถดำเนินการนำไปสู่สถานที่กักตัวของรัฐ ไม่เกิน 3 ชม. ซึ่งทุกคนพึงพอใจ และนายกฯ ได้ชื่นชมที่ร่วมกันทำงานจนลุล่วง
นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ได้รับรายชื่อผู้ที่กำลังจะเดินทางกลับประเทศไทยอีก ประมาณ 200 กว่าคน ต่อวัน ซึ่งต้องขออภัยคนไทย ที่ติดค้างในสนามบินต่างๆ ด้วย เนื่องจากเราต้องมีการเตรียมการ และสถานที่รองรับ กำลังระดมสรรพกำลัง เพื่อดูแลคนที่กำลังจะกลับมาให้เป็นอย่างดี และระหว่างนี้สถานทูตไทยประจำประเทศต่างๆได้เข้าไปดูแลแล้ว
ส่วนการปฏิบัติงาน ระหว่างการประกาศเคอร์ฟิว 2 วันที่ผ่านมา มีการตั้งจุดตรวจ 634 จุด ใน 77 จังหวัด มียานพาหนะ ผ่านจุดตรวจ 7,997 คัน มีประชาชนผ่านจุดตรวจ 11,610 คน พบการกระทำฝ่าฝืนโดยไม่มีเหตุผล เป็นยานพาหนะ 522 คัน ผู้กระทำผิด 677 คน มีการรวมกลุ่มมั่วสุมเสี่ยงต่อการระบาด เป็นยานพาหนะ 24 คัน และ 41 คน มีการตักเตือน 375 คน ดำเนินคดี 325 คน
สำหรับสถานการณ์ผู้ติดเชื้อทั่วโลกมี 1,200,319 ราย มียอดผู้เสียชีวิตสะสม 64,667 ราย ส่วนสถานการณ์ในประเทศไทย มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 102 รายใน 66 จังหวัด ยอดผู้ป่วยสะสม 2,169 ราย หายป่วยเพิ่มเติม 62 ราย หายป่วยสะสม 674 รา ย ซึ่งตัวเลขจริงน่าจะเยอะกว่านี้ เสียชีวิตเพิ่ม 3 ราย เสียชีวิตสะสม 23 ราย ซึ่งเราต้องพยายามลดผู้ติดเชื้อลงให้เป็นเลขสองหลักให้ได้ เพราะพื้นที่ที่จะรักษาในโรงพยาบาล จะไม่เพียงพอ
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า วันนี้เป็นวันแรก ที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อใน กทม. ทะลุหนึ่งพันคน และมี 11 จังหวัด ที่ยังไม่มีผู้ติดเชื้อ อย่างไรก็ตาม นายกฯได้ให้กองระบาดวิทยา สธ. วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อให้ประชาชนรับทราบ เพื่อนำมาเรียนรู้ในช่วงระหว่างวันที่ 4 ม.ค.-4 เม.ย. ในส่วนผู้เสียชีวิต 20 ราย หรือคิดเป็น 0.97% ของผู้ติดเชื้อ อายุเฉลี่ยอยู่ที่ 58.5 ปี เป็นชาย 18 ราย หญิง 2 ราย โรคประจำตัวที่พบร่วม เบาหวาน 50% ความดันโลหิตสูง 35% โรคไตเรื้อรังและไขมันในเลือดสูง 15% ดังนั้น ขอย้ำว่าอย่าเข้าใกล้ผู้สูงอายุ เพราะถือเป็นกลุ่มเสี่ยง
เมื่อถามว่า ปัจจุบันยังมีสายการบินเข้าประเทศ จะมีการป้องกันการแพร่กระจายของโรคอย่างไร นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า แน่นอน นายกฯสั่งการให้กักตัวในสถานที่ที่รัฐจัดไว้ให้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ต้องยอมรับกติกา ถ้าไม่กักตัว ก็ไม่ได้เข้าประเทศ
ทรัมป์เตือนอเมริกาเข้าสู่ช่วง“สยดสยอง”
"ทรัมป์"เตือนอเมริกันชนรับมือ “สถานการณ์สยดสยอง” ที่จะมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก จากโควิด-19 ในอีกไม่วันนี้ ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตทั่วโลก ล่าสุดอยู่ที่ 65,000 คน ที่ อังกฤษ พระราชินีนาถเอลิซาเบธ เตรียมประทานพระราชดำรัส ให้กำลังใจพสกนิกรและขอบคุณบุคลากรทางการแพทย์ ด้านจีนยังพบผู้ติดเชื้อใหม่ และผู้ป่วยที่ไม่มีอาการเพิ่มขึ้น ตอกย้ำความยากลำบากในการกำจัดไวรัสร้าย แบบถอนรากถอนโคน ส่วนโตเกียว พบเคสใหม่ เพิ่มสูงสุดในรอบวัน143 คน
ข้อมูลจากมหาวิทยาลัยจอห์นส์ ฮอปกินส์ ในสหรัฐอเมริการะบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 จนถึงวันเสาร์ที่ผ่านมา (4เม.ย.) อยู่ที่กว่า 1.2 ล้านคนทั่วโลก
ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า อเมริกากำลังเข้าสู่ช่วงเวลาที่น่าสยดสยองอย่างยิ่ง และอาจเป็นสัปดาห์ที่โหดร้ายที่สุด ที่จะมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม ประมุขทำเนียบขาว ย้ำว่า อเมริกาที่ขณะนี้มีผู้ติดเชื้อกว่า 300,000 คน ไม่อาจปิดประเทศไปตลอดกาล
ทั้งนี้ จากผู้เสียชีวิตทั้งหมด 65,000 คนทั่วโลก อยู่ในยุโรปกว่า 45,000 คน โดยอังกฤษ รายงานสถิติผู้เสียชีวิตสูงสุดในรอบวันครั้งใหม่ เมื่อวันเสาร์ รวมทั้งสิ้นเป็น 4,300 คน จากผู้ติดเชื้อเกือบ 42,000 คน
รายงานระบุว่า ในวันอาทิตย์ (5เม.ย. ) สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธ ที่สอง จะทรงมีพระราชดำรัสส่วนพระองค์ให้กำลังใจพสกนิกรอังกฤษในการรับมือกับความท้าทายของไวรัสโคโรนา รวมทั้งขอบคุณบุคลากรทางการแพทย์ ...( อ่านรายละเอียด หน้า 9 )
สถานทูตจีนระดมเวชภัณฑ์ช่วยเหลือ
วานนี้ (5 เม.ย.) เฟซบุ๊ก Chinese Embassy Bangkok สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ได้เผยแพร่ภาพและข้อความเรื่อง สถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยบริจาคเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ในการต่อสู้กับโรคระบาดให้แก่หน่วยงานต่างๆ ของไทย โดยระบุว่า
"เพื่อเป็นการสนับสนุนประเทศไทย ในการต่อสู้กับโรคโควิด-19 สถานทูตจีน ได้นำส่วนหนึ่งของเวชภัณฑ์ที่ใช้ในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคที่มีสำรองไว้ใช้เอง เช่น หน้ากาก N95 และหน้ากากอนามัยแบบใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง บริจาคให้แก่สำนักพระราชวัง รัฐสภา กระทรวงการต่างประเทศ ศุลกากร ท่าอากาศยาน การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของสนามบิน โรงพยาบาลราชวิถี โรงพยาบาลศิริราช รวมไปถึงสถานีตำรวจที่เกี่ยวข้อง จีน-ไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน ประชาชนจีนจะคอยอยู่เคียงข้างประชาชนชาวไทยโดยตลอด เราเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่า ภายใต้ความพยายามร่วมกันของทั้งสองประเทศ และประชาชนของทั้งสองฝ่าย ด้วยการสนับสนุนที่แข็งแกร่งของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง พวกเราจะสามารถเอาชนะโรคระบาดนี้ได้อย่างแน่นอน" สถานทูตจีนประจำประเทศไทย ระบุ
"หมอหนู"แจงซื้อยาจากจีน-ญี่ปุ่น
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข กล่าวถึงกรณีมีคนวิพากษ์วิจารณ์ เรื่องการซื้อยา ฟาวิราเวียร์ จากจีน แทนที่จะรับการช่วยเหลือจากญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้ผลิตยา เอวีแกน ที่สนับสนุนฟรี กว่า 30 ประเทศ เพื่อใช้ในการรักษาผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัส โควิด-19 ทั้งๆ ที่ยา 2 ตัวนี้ เป็นยาตัวเดียวกัน เพียงแค่ชื่อทางการค้าต่างกันเท่านั้น ว่า ใช่ ยา 2 ตัวนี้ คือยาตัวเดียวกัน ที่มีชื่อสามัญว่า ฟาวิพิราเวียร์ ซึ่งประเทศจีนได้สิทธิบัตรจากญี่ปุ่น ไปผลิตต่อ
ส่วนการนำเข้ามาใช้ในไทยนั้น ล็อตแรกได้รับการสนับสนุนจากจีนแบบให้เปล่า อย่างไรตาม เพื่อสำรองให้อุ่นใจว่า เราจะมียาเพียงพอต่อการใช้รักษาผู้ป่วยในประเทศ กรมควบคุมโรค ได้สั่งซื้อ 40,000 เม็ด องค์การเภสัชกรรม สั่งซื้ออีก 40,000 เม็ด จากประเทศญี่ปุ่น อีก 100,000 เม็ด จากจีน และที่กำลังจะมาถึงไทยเร็วๆ นี้ คือล็อตที่องค์การเภสัชฯ สั่งซื้อจากจีน 100,000 เม็ด และญี่ปุ่น 100,000 เม็ด ทั้งหมดเป็นการดำเนินการเพื่อให้มีเครื่องมือรักษาชีวิตประชาชน และยาที่ได้มา ได้ใช้รักษาผู้ป่วยไปแล้วจำนวนมาก โดยใน กทม.กว่า 200 ราย ต่างจังหวัด กว่า 100 ราย
ทั้งนี้ จากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ทั่วโลกมีความต้องการใช้ยาจำนวนมาก ดังนั้น การซื้อ หรือได้รับบริจาค ต้องออกแรงเจรจากว่าจะได้มา ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้มีการเจรจากับทั้งทูตจีน และญี่ปุ่นตลอด ส่วนข่าวที่ญี่ปุ่นจะให้ฟรี เพิ่งมีมาทีหลัง และยังไม่มีความชัดเจน ว่าจะได้เท่าไร เมื่อไร จะเพียงพอ และทันเวลาหรือไม่
"เสธ.โก้" แจงกรณีปล่อยตัว152 คนไทย
จากเหตุการณ์คนไทยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ 152 คน ไม่ให้ความร่วมมือแก่เจ้าหน้าที่ ในการเข้าสู่มาตรการการกักตัว เป็นเหตุให้มีความวุ่นวายเกิดขึ้น ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อช่วงค่ำ วันที่ 3 เม.ย.ที่ผ่านมา จนเป็นเหตุให้ พล.ต.โกศล ชูใจ ผู้ชำนาญการสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ต้องออกมาช่วยเจรจา และยอมปล่อยให้คนไทย 152 คนกลับบ้านไปก่อน ไม่ต้องกักกันตัว เพื่อความสงบ จนเป็นเหตุให้ถูกกระแสวิจารณ์อย่างหนักนั้น
พล.ต.โกศล เปิดเผยว่า เหตุการณ์นี้เกิดจากการที่ผู้โดยสารดังกล่าว ใช้เวลารอขั้นตอนในการตรวจโรค และรอการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่เป็นเวลานานหลายชั่วโมง ไม่มีเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบที่จะตัดสินใจในเหตุการณ์ครั้งนี้ได้ ทำให้ผู้โดยสารที่รออยู่จนเกิดเหตุวุ่นวายขึ้น และไม่ยอมรับการกักตัวตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และเรียกร้องให้มีผู้ใหญ่มาเจรจา ซึ่งในระหว่างนั้น "เสธ.โก้" หรือ พล.ต.โกศล ได้มาปฏิบัติหน้าที่ ที่สุวรรณภูมิ เพราะได้รับมอบหมายจากกระทรวงกลาโหม ให้มาประสานงาน จัดการยานพาหนะ เพื่ออำนวยความสะดวก ในการรับส่งผู้โดยสารที่กลับจากต่างประเทศไปกักกันตัว
ในความเป็นจริงแล้ว พล.ต.โกศล ไม่ได้มีหน้าที่เกี่ยวกับข้องในเรื่องนี้ แต่เมื่อได้รับการร้องขอจากเจ้าหน้าที่ ให้มาช่วยเจรจากับผู้โดยสารกลุ่มนี้ เพราะเห็นว่า พล.ต.โกศล เป็นผู้ใหญ่ที่สุดในเวลานั้น แต่เมื่อพล.ต.โกศล พยายามเจรจาชี้แจงด้วยข้อกฎหมาย และเหตุผลต่างๆ แล้ว ผู้โดยสารทั้งหมดไม่ยอมรับฟัง พล.ต.โกศล จึงได้ติดต่อกับ ผอ.EOC สธ. (ศูนย์ปฏิบัติการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข) เพื่อหารือในการแก้ปัญหา จนในที่สุดได้รับคำสั่งจาก ผอ.EOCสธ. ว่า ให้ปล่อยตัวผู้โดยสารกลับบ้านไปก่อน เพราะหากมีการยื้อกันต่อไป จะเกิดความวุ่นวาย และอาจลุกลาม จนกลายเป็นการจลาจลได้ พล.ต.โกศล จึงได้ตัดสินใจปล่อยตัวผู้โดยสารกลับบ้านไปก่อน ตามคำสั่งของ ผอ.EOCสธ. แล้วจึงค่อยติดตามกลับมารายงายตัวภายหลัง จนทำให้ถูกกระแสสังคมโจมตีว่า ทำไมตัดสินใจปล่อยกลับบ้านโดยพลการ
ตั้ง"บิ๊กเบิร์ด"ดูแลท่าอากาศยาน
อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นกระทรวงกลาโหม มีคำสั่งเรียกตัว พล.ต.โกศล กลับกระทรวงกลาโหม โดยไม่ต้องมาช่วยงานที่สุวรรณภูมิ และตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงว่า ใช้อำนาจหน้าที่เกินไป หรือไม่ ดังนั้น พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผบ.ทสส. ในฐานะหัวหน้าศปม. จึงมีคำสั่ง แต่งตั้งให้ “บิ๊กเบิร์ด”พล.อ.ปริพัฒน์ ผลาสินธุ์ รองเสนาธิการทหาร เข้ากำกับดูแลการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่ EOC สธ. ทั้งที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานดอนเมือง เพื่อชี้แจงข้อมูลข่าวสาร ที่ถูกต้อง พร้อมทั้งทำหน้าที่ อำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสาร ที่ผ่านการคัดกรองและจำเป็นต้องเข้าสู่กระบวนการควบคุมโรคตามมาตรการของรัฐที่กำหนด (State Quarantine)เพื่อนำเข้าพื้นที่ควบคุมโรคต่อไป และมอบหมายให้ “บิ๊กไก่”พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม รองเสนาธิการทหาร เป็นผู้รับผิดชอบ ในการติดตามตัว ผู้โดยสารที่เดินทางกลับประเทศไทยและไม่ยินยอมเข้าสู่กระบวนการ State Quarantine กลับมาตรวจสอบอีกครั้ง
เมื่อเวลา 11.30 น.วานนี้ (5เม.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้ติดตามสถานการณ์กรณี 158 คนไทยเดินทางมาจากต่างประเทศ ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อคืนวันที่ 3 เม.ย. โดยได้สั่งการให้ผู้รับผิดชอบบูรณาการการทำงานอย่างเต็มที่ จนสามารถดำเนินการได้อย่างดี และนายกฯ ฝากขอบคุณครอบครัวของ 158 คน ที่ร่วมมือกับภาครัฐ จนสามารถนำเข้าสู่กระบวนการกักตัวได้อย่างรวดเร็ว และมีความมั่นใจในระบบการจัดการได้มากขึ้น โดยคนเหล่านี้ ยังไม่ถือเป็นผู้ป่วย โดยกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) จะดูแลเป็นอย่างดี และได้เข้าไปคัดกรองโรคแล้วพบว่า มีอาการป่วย 3 ราย โดย 1 ราย รายงานตัวแล้ว อีก 2 ราย อยู่ระหว่างการสอบสวนโรคอยู่
ทั้งนี้ หลังจากนายกฯ ให้มีการบูรณาการการทำงานกันแล้ว เหมือนทดสอบระบบ หลังจากนั้น มี 2 เที่ยวบิน ที่ตกลงกันไว้ล่วงหน้าว่าจะบินเข้าประเทศไทย โดยมาจากมาเลเซีย 51 คน และ การ์ตา 47 คน สามารถดำเนินการนำไปสู่สถานที่กักตัวของรัฐ ไม่เกิน 3 ชม. ซึ่งทุกคนพึงพอใจ และนายกฯ ได้ชื่นชมที่ร่วมกันทำงานจนลุล่วง
นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ได้รับรายชื่อผู้ที่กำลังจะเดินทางกลับประเทศไทยอีก ประมาณ 200 กว่าคน ต่อวัน ซึ่งต้องขออภัยคนไทย ที่ติดค้างในสนามบินต่างๆ ด้วย เนื่องจากเราต้องมีการเตรียมการ และสถานที่รองรับ กำลังระดมสรรพกำลัง เพื่อดูแลคนที่กำลังจะกลับมาให้เป็นอย่างดี และระหว่างนี้สถานทูตไทยประจำประเทศต่างๆได้เข้าไปดูแลแล้ว
ส่วนการปฏิบัติงาน ระหว่างการประกาศเคอร์ฟิว 2 วันที่ผ่านมา มีการตั้งจุดตรวจ 634 จุด ใน 77 จังหวัด มียานพาหนะ ผ่านจุดตรวจ 7,997 คัน มีประชาชนผ่านจุดตรวจ 11,610 คน พบการกระทำฝ่าฝืนโดยไม่มีเหตุผล เป็นยานพาหนะ 522 คัน ผู้กระทำผิด 677 คน มีการรวมกลุ่มมั่วสุมเสี่ยงต่อการระบาด เป็นยานพาหนะ 24 คัน และ 41 คน มีการตักเตือน 375 คน ดำเนินคดี 325 คน
สำหรับสถานการณ์ผู้ติดเชื้อทั่วโลกมี 1,200,319 ราย มียอดผู้เสียชีวิตสะสม 64,667 ราย ส่วนสถานการณ์ในประเทศไทย มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 102 รายใน 66 จังหวัด ยอดผู้ป่วยสะสม 2,169 ราย หายป่วยเพิ่มเติม 62 ราย หายป่วยสะสม 674 รา ย ซึ่งตัวเลขจริงน่าจะเยอะกว่านี้ เสียชีวิตเพิ่ม 3 ราย เสียชีวิตสะสม 23 ราย ซึ่งเราต้องพยายามลดผู้ติดเชื้อลงให้เป็นเลขสองหลักให้ได้ เพราะพื้นที่ที่จะรักษาในโรงพยาบาล จะไม่เพียงพอ
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า วันนี้เป็นวันแรก ที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อใน กทม. ทะลุหนึ่งพันคน และมี 11 จังหวัด ที่ยังไม่มีผู้ติดเชื้อ อย่างไรก็ตาม นายกฯได้ให้กองระบาดวิทยา สธ. วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อให้ประชาชนรับทราบ เพื่อนำมาเรียนรู้ในช่วงระหว่างวันที่ 4 ม.ค.-4 เม.ย. ในส่วนผู้เสียชีวิต 20 ราย หรือคิดเป็น 0.97% ของผู้ติดเชื้อ อายุเฉลี่ยอยู่ที่ 58.5 ปี เป็นชาย 18 ราย หญิง 2 ราย โรคประจำตัวที่พบร่วม เบาหวาน 50% ความดันโลหิตสูง 35% โรคไตเรื้อรังและไขมันในเลือดสูง 15% ดังนั้น ขอย้ำว่าอย่าเข้าใกล้ผู้สูงอายุ เพราะถือเป็นกลุ่มเสี่ยง
เมื่อถามว่า ปัจจุบันยังมีสายการบินเข้าประเทศ จะมีการป้องกันการแพร่กระจายของโรคอย่างไร นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า แน่นอน นายกฯสั่งการให้กักตัวในสถานที่ที่รัฐจัดไว้ให้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ต้องยอมรับกติกา ถ้าไม่กักตัว ก็ไม่ได้เข้าประเทศ
ทรัมป์เตือนอเมริกาเข้าสู่ช่วง“สยดสยอง”
"ทรัมป์"เตือนอเมริกันชนรับมือ “สถานการณ์สยดสยอง” ที่จะมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก จากโควิด-19 ในอีกไม่วันนี้ ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตทั่วโลก ล่าสุดอยู่ที่ 65,000 คน ที่ อังกฤษ พระราชินีนาถเอลิซาเบธ เตรียมประทานพระราชดำรัส ให้กำลังใจพสกนิกรและขอบคุณบุคลากรทางการแพทย์ ด้านจีนยังพบผู้ติดเชื้อใหม่ และผู้ป่วยที่ไม่มีอาการเพิ่มขึ้น ตอกย้ำความยากลำบากในการกำจัดไวรัสร้าย แบบถอนรากถอนโคน ส่วนโตเกียว พบเคสใหม่ เพิ่มสูงสุดในรอบวัน143 คน
ข้อมูลจากมหาวิทยาลัยจอห์นส์ ฮอปกินส์ ในสหรัฐอเมริการะบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 จนถึงวันเสาร์ที่ผ่านมา (4เม.ย.) อยู่ที่กว่า 1.2 ล้านคนทั่วโลก
ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า อเมริกากำลังเข้าสู่ช่วงเวลาที่น่าสยดสยองอย่างยิ่ง และอาจเป็นสัปดาห์ที่โหดร้ายที่สุด ที่จะมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม ประมุขทำเนียบขาว ย้ำว่า อเมริกาที่ขณะนี้มีผู้ติดเชื้อกว่า 300,000 คน ไม่อาจปิดประเทศไปตลอดกาล
ทั้งนี้ จากผู้เสียชีวิตทั้งหมด 65,000 คนทั่วโลก อยู่ในยุโรปกว่า 45,000 คน โดยอังกฤษ รายงานสถิติผู้เสียชีวิตสูงสุดในรอบวันครั้งใหม่ เมื่อวันเสาร์ รวมทั้งสิ้นเป็น 4,300 คน จากผู้ติดเชื้อเกือบ 42,000 คน
รายงานระบุว่า ในวันอาทิตย์ (5เม.ย. ) สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธ ที่สอง จะทรงมีพระราชดำรัสส่วนพระองค์ให้กำลังใจพสกนิกรอังกฤษในการรับมือกับความท้าทายของไวรัสโคโรนา รวมทั้งขอบคุณบุคลากรทางการแพทย์ ...( อ่านรายละเอียด หน้า 9 )
สถานทูตจีนระดมเวชภัณฑ์ช่วยเหลือ
วานนี้ (5 เม.ย.) เฟซบุ๊ก Chinese Embassy Bangkok สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ได้เผยแพร่ภาพและข้อความเรื่อง สถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยบริจาคเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ในการต่อสู้กับโรคระบาดให้แก่หน่วยงานต่างๆ ของไทย โดยระบุว่า
"เพื่อเป็นการสนับสนุนประเทศไทย ในการต่อสู้กับโรคโควิด-19 สถานทูตจีน ได้นำส่วนหนึ่งของเวชภัณฑ์ที่ใช้ในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคที่มีสำรองไว้ใช้เอง เช่น หน้ากาก N95 และหน้ากากอนามัยแบบใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง บริจาคให้แก่สำนักพระราชวัง รัฐสภา กระทรวงการต่างประเทศ ศุลกากร ท่าอากาศยาน การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของสนามบิน โรงพยาบาลราชวิถี โรงพยาบาลศิริราช รวมไปถึงสถานีตำรวจที่เกี่ยวข้อง จีน-ไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน ประชาชนจีนจะคอยอยู่เคียงข้างประชาชนชาวไทยโดยตลอด เราเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่า ภายใต้ความพยายามร่วมกันของทั้งสองประเทศ และประชาชนของทั้งสองฝ่าย ด้วยการสนับสนุนที่แข็งแกร่งของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง พวกเราจะสามารถเอาชนะโรคระบาดนี้ได้อย่างแน่นอน" สถานทูตจีนประจำประเทศไทย ระบุ
"หมอหนู"แจงซื้อยาจากจีน-ญี่ปุ่น
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข กล่าวถึงกรณีมีคนวิพากษ์วิจารณ์ เรื่องการซื้อยา ฟาวิราเวียร์ จากจีน แทนที่จะรับการช่วยเหลือจากญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้ผลิตยา เอวีแกน ที่สนับสนุนฟรี กว่า 30 ประเทศ เพื่อใช้ในการรักษาผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัส โควิด-19 ทั้งๆ ที่ยา 2 ตัวนี้ เป็นยาตัวเดียวกัน เพียงแค่ชื่อทางการค้าต่างกันเท่านั้น ว่า ใช่ ยา 2 ตัวนี้ คือยาตัวเดียวกัน ที่มีชื่อสามัญว่า ฟาวิพิราเวียร์ ซึ่งประเทศจีนได้สิทธิบัตรจากญี่ปุ่น ไปผลิตต่อ
ส่วนการนำเข้ามาใช้ในไทยนั้น ล็อตแรกได้รับการสนับสนุนจากจีนแบบให้เปล่า อย่างไรตาม เพื่อสำรองให้อุ่นใจว่า เราจะมียาเพียงพอต่อการใช้รักษาผู้ป่วยในประเทศ กรมควบคุมโรค ได้สั่งซื้อ 40,000 เม็ด องค์การเภสัชกรรม สั่งซื้ออีก 40,000 เม็ด จากประเทศญี่ปุ่น อีก 100,000 เม็ด จากจีน และที่กำลังจะมาถึงไทยเร็วๆ นี้ คือล็อตที่องค์การเภสัชฯ สั่งซื้อจากจีน 100,000 เม็ด และญี่ปุ่น 100,000 เม็ด ทั้งหมดเป็นการดำเนินการเพื่อให้มีเครื่องมือรักษาชีวิตประชาชน และยาที่ได้มา ได้ใช้รักษาผู้ป่วยไปแล้วจำนวนมาก โดยใน กทม.กว่า 200 ราย ต่างจังหวัด กว่า 100 ราย
ทั้งนี้ จากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ทั่วโลกมีความต้องการใช้ยาจำนวนมาก ดังนั้น การซื้อ หรือได้รับบริจาค ต้องออกแรงเจรจากว่าจะได้มา ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้มีการเจรจากับทั้งทูตจีน และญี่ปุ่นตลอด ส่วนข่าวที่ญี่ปุ่นจะให้ฟรี เพิ่งมีมาทีหลัง และยังไม่มีความชัดเจน ว่าจะได้เท่าไร เมื่อไร จะเพียงพอ และทันเวลาหรือไม่
"เสธ.โก้" แจงกรณีปล่อยตัว152 คนไทย
จากเหตุการณ์คนไทยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ 152 คน ไม่ให้ความร่วมมือแก่เจ้าหน้าที่ ในการเข้าสู่มาตรการการกักตัว เป็นเหตุให้มีความวุ่นวายเกิดขึ้น ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อช่วงค่ำ วันที่ 3 เม.ย.ที่ผ่านมา จนเป็นเหตุให้ พล.ต.โกศล ชูใจ ผู้ชำนาญการสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ต้องออกมาช่วยเจรจา และยอมปล่อยให้คนไทย 152 คนกลับบ้านไปก่อน ไม่ต้องกักกันตัว เพื่อความสงบ จนเป็นเหตุให้ถูกกระแสวิจารณ์อย่างหนักนั้น
พล.ต.โกศล เปิดเผยว่า เหตุการณ์นี้เกิดจากการที่ผู้โดยสารดังกล่าว ใช้เวลารอขั้นตอนในการตรวจโรค และรอการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่เป็นเวลานานหลายชั่วโมง ไม่มีเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบที่จะตัดสินใจในเหตุการณ์ครั้งนี้ได้ ทำให้ผู้โดยสารที่รออยู่จนเกิดเหตุวุ่นวายขึ้น และไม่ยอมรับการกักตัวตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และเรียกร้องให้มีผู้ใหญ่มาเจรจา ซึ่งในระหว่างนั้น "เสธ.โก้" หรือ พล.ต.โกศล ได้มาปฏิบัติหน้าที่ ที่สุวรรณภูมิ เพราะได้รับมอบหมายจากกระทรวงกลาโหม ให้มาประสานงาน จัดการยานพาหนะ เพื่ออำนวยความสะดวก ในการรับส่งผู้โดยสารที่กลับจากต่างประเทศไปกักกันตัว
ในความเป็นจริงแล้ว พล.ต.โกศล ไม่ได้มีหน้าที่เกี่ยวกับข้องในเรื่องนี้ แต่เมื่อได้รับการร้องขอจากเจ้าหน้าที่ ให้มาช่วยเจรจากับผู้โดยสารกลุ่มนี้ เพราะเห็นว่า พล.ต.โกศล เป็นผู้ใหญ่ที่สุดในเวลานั้น แต่เมื่อพล.ต.โกศล พยายามเจรจาชี้แจงด้วยข้อกฎหมาย และเหตุผลต่างๆ แล้ว ผู้โดยสารทั้งหมดไม่ยอมรับฟัง พล.ต.โกศล จึงได้ติดต่อกับ ผอ.EOC สธ. (ศูนย์ปฏิบัติการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข) เพื่อหารือในการแก้ปัญหา จนในที่สุดได้รับคำสั่งจาก ผอ.EOCสธ. ว่า ให้ปล่อยตัวผู้โดยสารกลับบ้านไปก่อน เพราะหากมีการยื้อกันต่อไป จะเกิดความวุ่นวาย และอาจลุกลาม จนกลายเป็นการจลาจลได้ พล.ต.โกศล จึงได้ตัดสินใจปล่อยตัวผู้โดยสารกลับบ้านไปก่อน ตามคำสั่งของ ผอ.EOCสธ. แล้วจึงค่อยติดตามกลับมารายงายตัวภายหลัง จนทำให้ถูกกระแสสังคมโจมตีว่า ทำไมตัดสินใจปล่อยกลับบ้านโดยพลการ
ตั้ง"บิ๊กเบิร์ด"ดูแลท่าอากาศยาน
อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นกระทรวงกลาโหม มีคำสั่งเรียกตัว พล.ต.โกศล กลับกระทรวงกลาโหม โดยไม่ต้องมาช่วยงานที่สุวรรณภูมิ และตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงว่า ใช้อำนาจหน้าที่เกินไป หรือไม่ ดังนั้น พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผบ.ทสส. ในฐานะหัวหน้าศปม. จึงมีคำสั่ง แต่งตั้งให้ “บิ๊กเบิร์ด”พล.อ.ปริพัฒน์ ผลาสินธุ์ รองเสนาธิการทหาร เข้ากำกับดูแลการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่ EOC สธ. ทั้งที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานดอนเมือง เพื่อชี้แจงข้อมูลข่าวสาร ที่ถูกต้อง พร้อมทั้งทำหน้าที่ อำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสาร ที่ผ่านการคัดกรองและจำเป็นต้องเข้าสู่กระบวนการควบคุมโรคตามมาตรการของรัฐที่กำหนด (State Quarantine)เพื่อนำเข้าพื้นที่ควบคุมโรคต่อไป และมอบหมายให้ “บิ๊กไก่”พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม รองเสนาธิการทหาร เป็นผู้รับผิดชอบ ในการติดตามตัว ผู้โดยสารที่เดินทางกลับประเทศไทยและไม่ยินยอมเข้าสู่กระบวนการ State Quarantine กลับมาตรวจสอบอีกครั้ง