วานนี้ (1 เม.ย.) มีการประชุม คณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร โดยมี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย เป็นประธาน เพื่อพิจารณาเรื่องการกักตุนหน้าอนามัย อย่างไรก็ตาม มีกรรมาธิการมาประชุมไม่ถึง 5 คน จึงไม่ครบองค์ประชุม จึงถือว่าเป็นเพียงการปรึกษาหารือ เท่านั้น
นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้ให้ข้อมูลต่อ คณะกมธ.ฯ ว่า แม้กระทรวงพาณิชย์ จะได้มีการออกประกาศห้ามส่งออกหน้ากากอนามัย และกำหนดให้บริษัทผู้ผลิต ต้องแจ้งสต๊อกสินค้า แต่ปรากฏว่ามีหลายบริษัทไม่ได้แจ้งสต๊อกสินค้ามายังหน่วยงานภาครัฐ และยังไม่ยอมแจ้งงบการเงิน และจากการตรวจสอบพบว่ามีบางบริษัทนำส่งขายหน้ากากในตลาดมืด เพราะได้ราคาดีกว่า โดยไม่มีการตีตราบริษัท ที่หน้ากาก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่าง นายอัจฉริยะ กำลังให้ข้อมูลอยู่นั้น นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ได้เดินทางมายังรัฐสภา เพื่อจะขอเข้าให้ข้อมูลต่อคณะกรรมาธิการฯ แต่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ แจ้งผ่านเจ้าหน้าที่กลับไปยังนายจุรินทร์ ว่า ยังไม่ให้เข้ามาในห้องประชุม เพราะนายอัจฉริยะ กำลังชี้แจงอยู่
อย่างไรก็ตาม เมื่อนายจุรินทร์ ทราบว่าการประชุมครั้งนี้ มีองค์ประชุมไม่ครบ จึงได้เดินทางออกจากรัฐสภาทันที โดยให้สัมภาษณ์ถึงการปรับโครงสร้างการกระจายหน้ากากอนามัยที่ ศบค. ให้กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้กระจายให้กับบุคลากรทางการแพทย์และผู้ว่าราชการจังหวัดโดยตรงว่า ส่วนตัวไม่ได้มองว่ากระทรวงพาณิชย์ถูกลดบทบาท เพราะรูปแบบนี้เป็นแนวทางที่กระทรวงพาณิชย์เสนอไปเอง โดยเห็นว่า กระทรวงสาธารณสุข จะได้กระจายให้โรงพยาบาลทั้งในและนอกสังกัดโดยตรง และในส่วนของจังหวัด ควรให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ที่ขณะนี้มีอำนาจเต็ม ขึ้นมาบัญชาการบริหารสถานการณ์โควิดในจังหวัดตัวเอง ผู้ว่าราชการจังหวัดแต่ละจังหวัด จะเป็นผู้ตัดสินใจว่า จะแจกจ่ายให้กลุ่มเสี่ยงกลุ่มใดก่อน
ด้านนายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะโฆษก กมธ.ป.ป.ช. กล่าวภายหลังการหารือว่า คณะกมธ.ฯ มีความเห็นร่วมกันว่าให้เลื่อนการประชุมในสัปดาห์หน้าออกไปก่อน จนกว่าสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 จะคลี่คลาย เนื่องจากติดปัญหาเรื่องการเดินทางของส.ส.ต่างจังหวัด ที่เป็นกมธ. ซึ่งอาจจะต้องมีการถูกกักตัว
นายธีรัจชัย กล่าวด้วยว่า ในการหารือของ กมธ.ป.ป.ช. ครั้งนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้เข้ามาให้ข้อมูลถึงความคืบหน้าในการดำเนินคดีเกี่ยวกับการกักตุนหน้ากากอนามัย โดยได้รับการยืนยันว่า ตำรวจเดินหน้าตรวจสอบทุกมิติ ซึ่งมีประมาณ 90 คดี โดยมี 4 คดี ที่เป็นรายใหญ่ เป็นคดีหลัก ส่วนคดีอื่นๆเป็นคดีเล็ก ที่เกี่ยวกับการจำหน่ายเกินราคา แต่ยังไม่ได้ลงลึกในรายละเอียดมาก เพราะหลายคดียังอยู่ในระหว่างสอบสวน
ทั้งนี้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้เสนอให้ตำรวจเน้นทำคดีใหญ่ ที่สามารถขยายผลไปยังคดีอื่นๆได้เป็นหลัก
นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้ให้ข้อมูลต่อ คณะกมธ.ฯ ว่า แม้กระทรวงพาณิชย์ จะได้มีการออกประกาศห้ามส่งออกหน้ากากอนามัย และกำหนดให้บริษัทผู้ผลิต ต้องแจ้งสต๊อกสินค้า แต่ปรากฏว่ามีหลายบริษัทไม่ได้แจ้งสต๊อกสินค้ามายังหน่วยงานภาครัฐ และยังไม่ยอมแจ้งงบการเงิน และจากการตรวจสอบพบว่ามีบางบริษัทนำส่งขายหน้ากากในตลาดมืด เพราะได้ราคาดีกว่า โดยไม่มีการตีตราบริษัท ที่หน้ากาก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่าง นายอัจฉริยะ กำลังให้ข้อมูลอยู่นั้น นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ได้เดินทางมายังรัฐสภา เพื่อจะขอเข้าให้ข้อมูลต่อคณะกรรมาธิการฯ แต่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ แจ้งผ่านเจ้าหน้าที่กลับไปยังนายจุรินทร์ ว่า ยังไม่ให้เข้ามาในห้องประชุม เพราะนายอัจฉริยะ กำลังชี้แจงอยู่
อย่างไรก็ตาม เมื่อนายจุรินทร์ ทราบว่าการประชุมครั้งนี้ มีองค์ประชุมไม่ครบ จึงได้เดินทางออกจากรัฐสภาทันที โดยให้สัมภาษณ์ถึงการปรับโครงสร้างการกระจายหน้ากากอนามัยที่ ศบค. ให้กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้กระจายให้กับบุคลากรทางการแพทย์และผู้ว่าราชการจังหวัดโดยตรงว่า ส่วนตัวไม่ได้มองว่ากระทรวงพาณิชย์ถูกลดบทบาท เพราะรูปแบบนี้เป็นแนวทางที่กระทรวงพาณิชย์เสนอไปเอง โดยเห็นว่า กระทรวงสาธารณสุข จะได้กระจายให้โรงพยาบาลทั้งในและนอกสังกัดโดยตรง และในส่วนของจังหวัด ควรให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ที่ขณะนี้มีอำนาจเต็ม ขึ้นมาบัญชาการบริหารสถานการณ์โควิดในจังหวัดตัวเอง ผู้ว่าราชการจังหวัดแต่ละจังหวัด จะเป็นผู้ตัดสินใจว่า จะแจกจ่ายให้กลุ่มเสี่ยงกลุ่มใดก่อน
ด้านนายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะโฆษก กมธ.ป.ป.ช. กล่าวภายหลังการหารือว่า คณะกมธ.ฯ มีความเห็นร่วมกันว่าให้เลื่อนการประชุมในสัปดาห์หน้าออกไปก่อน จนกว่าสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 จะคลี่คลาย เนื่องจากติดปัญหาเรื่องการเดินทางของส.ส.ต่างจังหวัด ที่เป็นกมธ. ซึ่งอาจจะต้องมีการถูกกักตัว
นายธีรัจชัย กล่าวด้วยว่า ในการหารือของ กมธ.ป.ป.ช. ครั้งนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้เข้ามาให้ข้อมูลถึงความคืบหน้าในการดำเนินคดีเกี่ยวกับการกักตุนหน้ากากอนามัย โดยได้รับการยืนยันว่า ตำรวจเดินหน้าตรวจสอบทุกมิติ ซึ่งมีประมาณ 90 คดี โดยมี 4 คดี ที่เป็นรายใหญ่ เป็นคดีหลัก ส่วนคดีอื่นๆเป็นคดีเล็ก ที่เกี่ยวกับการจำหน่ายเกินราคา แต่ยังไม่ได้ลงลึกในรายละเอียดมาก เพราะหลายคดียังอยู่ในระหว่างสอบสวน
ทั้งนี้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้เสนอให้ตำรวจเน้นทำคดีใหญ่ ที่สามารถขยายผลไปยังคดีอื่นๆได้เป็นหลัก