xs
xsm
sm
md
lg

"อัจฉริยะ"แฉผลิตหน้ากากเกิน ป้อนตลาดมืด ลั่นเอาผิดอธิบดีค้าภายใน

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

วานนี้ (26มี.ค.) นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะอนุกรรมธิการชุดที่สอง คณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร แถลงผลประชุมอนุกมธ.ฯ ว่า ที่ประชุมได้เชิญ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม มาให้ข้อมูลเกี่ยวกับขบวนการกักตุนหน้ากากอนามัย โดยอนุกมธ.ฯได้ตั้งประเด็นเกี่ยวกับหน้ากากอนามัยที่หายไปจากท้องตลาด และถูกส่งไปขายต่างประเทศ พบว่า มีจุดเปลี่ยนที่สำคัญคือ คำสั่งของคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคากลางสินค้าและผลิตภัณฑ์ วันที่ 4 ก.พ. 63 ที่ขอให้การส่งออกหน้ากากอนามัย มาอยู่ในความดูแลของกระทรวงพาณิชย์ จากเดิมที่เป็นหน้าที่ขององค์การเภสัชกรรม
ขณะเดียวกันอนุกมธ.ฯ ยังมีข้อสงสัยว่า โรงงานผลิตหน้ากากอนามัย 11 แห่ง ที่ระบุว่ามีกำลังการผลิต 1.2ล้านชิ้นต่อวัน นั้น น่าจะมีการผลิตหน้ากากอนามัยได้มากกว่านั้น โดยเห็นจากตัวเลขการใช้ไฟฟ้าของโรงงานแต่ละแห่ง มียอดใช้ไฟฟ้าสูงขึ้นมาก ดังนั้นกำลังการผลิตต้องสูงขึ้น ซี่งส่วนต่างของหน้ากากอนามัยที่เกิน 1.2 ล้านชิ้น ไปอยู่ไหน เข้าไปสู่ในตลาดมืดหรือไม่ นอกจากนี้ ขอฝากไปถึงนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ให้ช่วยชี้แจงการกระจายหน้ากากอนามัย ที่ระบุว่ามีการส่งให้โรงพยาบาล 7 แสนชิ้นต่อวัน และส่งให้ร้านค้า 5 แสนชิ้นต่อวัน มีรายละเอียดส่งไปที่ไหนบ้าง ทำไมราคายังแพงอยู่
นายธีรัจชัยกล่าวว่า จากข้อมูลยังพบว่า ในวันที่ 9 มี.ค.63 คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคากลางสินค้าและผลิตภัณฑ์ กระทรวงพาณิชย์ อนุมัติให้ 7 บริษัท ส่งออกหน้ากากอนามัยถึง 12 ล้านชิ้น จากยอดทั้งหมดที่ขอมา 53 ล้านชิ้น จาก 242 บริษัท ซึ่งเป็นเฉพาะวันที่ 9 มี.ค.63 วันเดียว จึงอยากทราบว่า วันอื่นๆ มีการอนุมัติการส่งออกหน้ากากอนามัยเท่าไรบ้าง
นายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะที่ปรึกษา กมธ.ฯ กล่าวว่า นายอัจฉริยะ ได้แจ้งต่อ อนุกมธ.ฯว่า มีข้อมูลจากปปง. ถึงเส้นทางการเงินเรื่องหน้ากากอนามัยในกลุ่มข้าราชการบางคน ซึ่งนายกฯ ได้รับทราบข้อมูลเรื่องนี้ จนมีการใช้คำสั่งกับข้าราชการบางคนไปแล้ว เรามีข้อมูลส่วนนี้ที่ตรวจสอบได้ และจะตรวจสอบเชิงลึกต่อไป
ด้านนายอัจฉริยะ ให้สัมภาษณ์ก่อนร่วมประชุมคณะอนุกมธ.ฯ ว่าตนจะให้ข้อมูลต่อ กมธ.ว่าบริษัทผู้ผลิตหน้ากากอนามัย มีมากกว่า 200 บริษัท หากทุกบริษัทร่วมกันผลิต ก็น่าจะมีหน้ากากอนามัยมากกว่า 200-300 ล้านชิ้นต่อเดือน ซึ่งใน 200 บริษัท มีทั้งการนำเข้า-ส่งออก และผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศไทย จึงไม่ทราบว่าของขาดตลาดได้อย่างไร นอกจากจะระงับการส่งออกแล้วยังไม่ให้มีการผลิตของให้กับประชาชนคนไทยได้ใช้ จึงไม่ทราบว่าเหตุใดจึงต้องล็อกแค่ 11 บริษัท และ 2 ใน 11 บริษัท ก็ได้มีการนำหน้ากากอนามัยไปขายในตลาดมืดเป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้ มีบริษัทหนึ่งขายหน้ากากอนามัยให้ นายศรสุวีร์ ภู่รวีรัศวัชรี หรือ บอย เมื่อวันที่ 29 ม.ค.จำนวน 1 ล้านชิ้น ในราคาชิ้นละ 3.40 บาท บางคนได้ค่านายหน้า 40 สตางค์ ขณะเดียวกัน รัฐบาลได้มีการประกาศห้ามการส่งออกในวันที่ 4 ก.พ. ซึ่งบริษัทต้องจัดส่งยอดที่มีอยู่ในสต๊อกในวันที่ 6 ก.พ. โดยบริษัทได้แจ้งว่ามีกำลังการผลิตวันละ 200,000 ชิ้น แต่แท้ที่จริง บริษัทมีกำลังการผลิตวันละ 500,000 ชิ้น ซึ่งได้นำส่วนต่างจำนวนวันละ 300,000 ชิ้น ไปขายในตลาดออนไลน์ และนำส่งไปต่างประเทศ จึงอยากทราบว่ากรมการค้าภายในควบคุมสินค้าอย่างไร ทำให้ไม่มีของขายในตลาดประเทศไทย หากนำทั้ง 200 บริษัท มาร่วมกันผลิตสินค้าจะขาดตลาดได้อย่างไร
ทั้งนี้ จากข้อมูลหลักฐานที่ตัวเองมีอยู่ เชื่อว่าสามารถเอาผิดอธิบดีกรมการค้าภายในได้ รวมถึงเกี่ยวพันกับหลายหน่วยงาน ขึ้นอยู่กับว่าทาง กมธ. จะเอาจริงหรือไม่ ส่วนตัวกลัวว่าจะเป็นมวยล้มต้มคนดู จึงไม่อยากให้ข้อมูลมาก ทั้งที่ตัวเองก็มีข้อมูลเชิงลึกอยู่จำนวนมาก โดยเรื่องนี้เป็นหน้าที่ฝ่ายค้านที่ต้องตรวจสอบหาความจริงให้ได้ว่าหน้ากากอนามัยหายไปไหน ใครเป็นคนอนุญาตให้ส่งออก ขณะเดียวกัน หากกรมการค้าภายในยอมให้ข้อมูลทั้ง 242 บริษัท ยอมให้ข้อมูลต่อ กมธ. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็จะง่ายต่อการตรวจสอบ แต่ที่ผ่านมากรมการค้าภายในไม่เคยให้ข้อมูลเลย
กำลังโหลดความคิดเห็น