“สมชัย” ให้ข้อมูล กมธ.ป.ป.ช.เรื่องกักตุนหน้ากากอนามัย ข้องใจลอบส่งออกกระจาย เอกชนรู้ข้อมูลวงในทำเรื่องขออนุญาต แนะสอบฟอกเงิน “เสี่ยบอย” ปธ.รับลูกสอบเส้นทางการเงิน เชิญเลขาฯ ปปง.-อธิบดีกรมการค้าฯ มอบ “ธีรัจชัย” เกาะติด
วันนี้ (11 มี.ค.) เมื่อเวลา 15.00 น. มีการประชุมคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร (กมธ.ป.ป.ช.) ที่มี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเสรีรวมไทย เป็นประธานการประชุม โดยนายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เข้าให้ข้อมูลต่อ กมธ.ในกรณีที่มีข่าวกระแสถึงการกักตุนหน้ากากอนามัย 200 ล้านชิ้น โดยนายสมชัยกล่าวตอนหนึ่งว่า จากการสืบค้นข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตเชื่อมั่นว่าจำนวนหน้ากากอนามัยที่ผลิตในประเทศมีปริมาณมากกว่า 200 ล้านชิ้น ไม่ใช่มีกำลังการผลิตเพียงแค่หลักสิบล้านชิ้นจาก 11 โรงงาน เนื่องจากช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เคยให้ข้อมูลหลังจากการตรวจโรงงานผลิตหน้ากากอนามัยว่า มีเพียงพอต่อความต้องการ เพราะมีจำนวนในสต๊อกมากกว่า 200 ล้านชิ้น
นายสมชัยกล่าวว่า ตนสงสัยในกรณีหน้ากากอนามัยขาดแคลนในโรงพยาบาล และประชาชนทั่วไปไม่สามารถหาซื้อหาได้ เพราะมีกระบวนการขออนุญาตส่งออกหน้ากากอนามัยเกินจำนวนที่ควบคุมหรือไม่ เพราะตามประกาศสำนักงานคณะกรรมการกลางว่าด้วยสินค้า และบริการ เรื่องหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาต การอนุญาต แบบหนังสืออนุญาต และวิธีการส่งออกซึ่งหน้ากากอนามัย ที่มีอธิบดีกรมการค้าภายในเป็นเลขาธิการฯ ลงวันที่ 4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีสาระสำคัญห้ามส่งออกเกิน 500 ชิ้นต่อ 1 ครั้ง และในประกาศดังกล่าวยังพบการแก้ไขเพิ่มเติมลงวันที่ 20 ก.พ. ระบุห้ามส่งออกโดยเด็ดขาด ยกเว้นได้รับการอนุญาตส่งออกจากอธิบดีกรมการค้าภายใน ตามที่อนุกรรมการกลางฯ เสนอ โดยประกาศดังกล่าวนั้น แม้ในมุมของประชาชนทำให้รู้สึกดี เพราะเข้าใจว่าห้ามส่งออกใดๆ ทั้งสิ้น แต่ในข้อเท็จจริง ตนแปลความได้ว่า การส่งออกสามารถทำได้และมากกว่า 500 ล้านชิ้นตามที่อธิบดีการค้าภายในอนุญาต
“ผมสงสัยว่าจะมีเอกชนรู้ข้อมูลอินไซด์ และทำเรื่องขออนุญาตส่งออกโดยไม่จำกัดจำนวน ในช่วงระหว่างวันที่ 4-20 กุมภาพันธ์หรือไม่ และทราบจากข่าวว่ากรณีที่มีบุคคลชื่อเสี่ยบอย โพสต์บัญชีธนาคาร และข้อความระบุว่า มาจากการขายหน้ากากอนามัยหลักร้อยล้านบาท ผมคิดว่าเรื่องนี้ต้องสอบข้อเท็จจริง รวมถึงเส้นทางทางการเงินโดยขอความร่วมมือจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ให้สอบบัญชีดังกล่าว ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นของนายศรสุรีร์ ภู่รวีรัศวัชรี ซึ่งเป็นบุคคลที่โพสต์ขายหน้ากากอนามัยตามที่ปรากกฏเป็นข่าวจริงหรือไม่” นายสมชัยกล่าว
นายสมชัยกล่าวว่า ส่วนการกระจายหน้ากากอนามัยไปยังโรงพยาบาล และร้านจัดจำหน่ายนั้น ตามข้อมูลที่กระทรวงพาณิชย์ระบุว่าจะกระจายหน้ากากต่อวันได้ถึง 1.2 ล้านชิ้น โดยแบ่งโรงพยาบาล 7 แสนชิ้น และร้านจำหน่ายต่างๆ 5 แสนชิ้น แต่ข้อจริงพบว่ากระทรวงพาณิชย์ไม่ได้กระจายสินค้าเอง แต่ให้ได้องค์การเภสัชกรรม (อภ.) เป็นผู้กระจายไปยังโรงพยาบาล ขณะที่การกระจายไปยังร้านค้าเพื่อจำหน่ายให้ประชาชนนั้นได้มอบหมายให้โรงงานเป็นผู้จัดส่ง ดังนั้น ในกระบวนการตรวจสอบควรนำข้อมูลปริมาณหน้ากากอนามัย จำนวนโรงพยาบาล และร้านค้าที่ อภ.และโรงงานส่งไปยังที่ต่างๆ มาตรวจสอบเพื่อให้สอบเส้นทาง
ทั้งนี้ ภายหลังนายสมชัยได้ให้ข้อมูลต่อคณะกมธ. พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ได้กล่าวว่า กมธ.จะรับเรื่องและพร้อมพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยจะเชิญจะเลขาธิการ ปปง. และอธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ มาชี้แจงต่อ กมธ.ในวันที่ 18 มีนาคม เวลา 13.00 น. ก่อนจะไปมอบหมายให้นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ อดีตพรรคอนาคตใหม่ เป็นดำเนินการในเรื่องนี้ โดยนายธีรัจชัยกล่าวภายหลังการประชุมว่า กรณีที่เชิญเลขาธิการ ปปง.เพราะต้องการรู้ถึงเส้นทางทางการเงินว่าสามารถโยงถึงกลุ่มบุคคลใดได้บ้าง ส่วนข่าวที่ระบุว่าคนใกล้ชิด ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีส่วนเกี่ยวข้องนั้น กมธ.ยังไม่ได้ตั้งธงในประเด็นที่ปรากฏเป็นข่าว แต่เชื่อว่าในการตรวจสอบเส้นทางทางการเงินจะสามารถโยงไปถึงคนที่เกี่ยวข้องได้