xs
xsm
sm
md
lg

ผู้นำสิ้นสภาพ บ้านเมืองวิกฤต

เผยแพร่:   โดย: โสภณ องค์การณ์



และแล้วความประหวั่นพรั่นพรึงเกี่ยวกับการระบาดของเชื้อโรคโคโรนาไวรัสในประเทศไทยก็มาถึงจุดที่เป็นอยู่ในวันนี้ นั่นคือการติดเชื้อแพร่กระจายไปหลายจังหวัด และอีกไม่นานคงจะมีผู้ติดเชื้อครบทุกจังหวัด แม้อาจยังไม่ทุกอำเภอ...

จะเรียกว่าอยู่ในระดับ 2 หรือ 3 ก็ไร้ความหมาย เพราะหนีความเป็นจริงไปไม่พ้นว่าการระบาดเริ่มอยู่ในขั้นเหนือการควบคุม ตัวเลขคนติดเชื้อเพิ่มทุกวันจากเดิมกลุ่มหลักคือแฟนสนามมวย ผับย่านทองหล่อ และผู้ไปร่วมพิธีศาสนาในมาเลเซีย

เมื่อรวมกับผู้ติดเชื้อจากแหล่งอื่นๆ ทำให้ตัวเลขเพิ่มในระดับ 100 กว่าคนต่อวัน ยังมีสัญญาณว่าจะยังมีพลังต่อไปได้เรื่อยๆ โดยไม่รู้ว่าจะเอาอยู่หรือไม่ แม้ก่อนหน้านี้เราภูมิใจว่าระบบสาธารณสุขและแพทย์ของเรามีประสิทธิภาพไว้ใจได้

ประชาคมโลกจัดให้อยู่อันดับ 6 ของโลก เทียบชั้นประเทศพัฒนาแล้ว เมื่อดูสภาพปัจจุบัน เราน่าจะอยู่เหนือกลุ่มประเทศเหล่านั้นเพราะดูย่ำแย่กว่าเรา ดังที่จะเห็นได้ในการระบาดและการเอาไม่อยู่ในกลุ่มประเทศยุโรป และสหรัฐอเมริกา

ผมเคยพูดหลายครั้งแล้วว่า “ผมเชื่อมั่นในความสามารถของระบบสาธารณสุขไทย แต่ผมไม่เชื่อมั่นในรัฐบาลไทย” ถ้ามายุ่มย่ามกำหนดแนวทางผิดพลาดแล้ว หายนะรออยู่แน่ๆ! และภาพที่เป็นอยู่ ก็เป็นจริงเพราะรัฐบาลจัดการแบบเล๊ะตุ้มเป๊ะ

ผู้นำขาดความรู้วิสัยทัศน์ ดื้อด้าน ดันทุรัง เอาความคิดเห็นของตัวเองเป็นใหญ่ ไม่ฟังคำชี้แนะของคนอื่น นึกว่าตัวเองเก่ง มีลีลาเข้าถึงใจประชาชน มีพวกเครือข่าย “ติ่ง” กองเชียร์ กองเชลียร์ หลับหูหลับตาเชียร์ “ลุง” อย่างดักดาน ไม่ลืมหูลืมตาดูโลก

บอกไว้แล้วว่าพวก “ติ่ง” เหล่านี้จะเป็นเนื้อร้าย และมะเร็งของประเทศ!

โธ่! ถ้า “ลุง” และพวกยโสโอหังมีฝีมือ ใจซื่อต่อบ้านเมือง เห็นผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้งจริง บ้านเมืองเราคงไม่อยู่ในสภาพน่าอนาถ เกือบสิ้นสภาพทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม คุณงามความดี ศีลธรรมจรรยาอย่างนี้

เชื้อไวรัสโควิด-19 ร้ายกาจ ก็สู้เชื้อชั่วของการคอร์รัปชันในประเทศนี้ไม่ได้!

เรื่องการแก้ไขวิกฤตไวรัสโควิด-19 มีความสามานย์ชั่วช้าด้านการทุจริตลักลอบหากินกับหน้ากากอนามัย ฉาวโฉ่ทั้งแผ่นดิน ผู้นำรัฐบาลเพียงแค่เชือดแพะข้าราชการประจำรายเดียว นักการเมืองและพวกยังอยู่สบายไม่ถูกตรวจสอบ

การรับมือกับวิกฤตมีความอิจฉาริษยา กลัวคนอื่นได้หน้า ทำให้โรงพยาบาล แพทย์ขาดหน้ากาก น้ำยา อุปกรณ์ เครื่องมือต่างๆ อย่างน่าเวทนา ทำงานก็หนัก แถมต้องหาเวลาตากหน้าออกมาอ้อนวอนขอบริจาคหน้ากาก น้ำยาจากประชาชน

ถ้าเป็นผู้บริหารบ้านเมืองมียางอาย จิตสำนึกดีเหลือติดกะโหลกอยู่บ้าง ควรจะไปลาหมาแก่แล้วไปบวชในวัดป่าล้างบาป หนีหน้าผู้คนตลอดชีวิตนั่นเลย

รัฐบาลมีงบกลาง งบอื่นๆ หลายแสนล้านบาท ยังไม่ยอมตั้งงบฉุกเฉินสัก 4-5 หมื่นล้านบาท หรือเพิ่มให้อีก ถ้าไม่พอ เพื่อซื้ออุปกรณ์ของที่จำเป็นทุกอย่างช่วยเหลือภาคการแพทย์ให้รับมือวิกฤตครั้งนี้ เพราะชีวิตคนไทยเป็นเรื่องสำคัญ

ทำไม ณ วันอาทิตย์ยามบ่ายอ่อนๆ ยังไม่มีการจัดงบฉุกเฉิน? ไม่มีใครตอบ ถึงจะมีหลังจากนั้น คงพูดได้แต่ว่า “มาช้ายังดีกว่าไม่มา” ไม่ต่างจากมาตรการหาแพะรับบาปอย่างที่ได้เกิดขึ้นมาแล้ว ขณะที่สร้างภาพให้ตัวเองดูดีว่าเอาใจใส่น่าซาบซึ้ง

ล่าสุด ปล่อยให้ผู้ว่าฯ กทม. ออกมารับสภาพที่จะต้องเป็นแพะ ด้วยมาตรการปิดห้าง ปิดร้านต่างๆ แต่ยังไม่เข้มข้นถึงขั้นปิดเมือง นี่ยังเป็นประเด็นถกเถียงกันอยู่ในกลุ่มแพทย์ และผู้รู้ว่าเหมาะสมหรือไม่ ยังมีคนห่วงใยผลประโยชน์ของพวกเจ้าสัว

คนกรุงทะลักออกจากเมืองไปหาที่อยู่ที่กิน เพราะขาดงาน ขาดรายได้ ไม่เตรียมมาตรการอะไรไว้ล่วงหน้าเพราะผู้ว่าฯ กทม. ไม่มีอำนาจมากถึงขั้นนั้น ผู้นำรัฐบาลเงียบกริบ ให้โฆษกปล่อยไก่เฉิ่มเบ๊อะประจานรัฐบาลให้ดูแย่เน่ากว่าเดิมอีก

วันก่อนท่านผู้นำนั่งประชุมกับคณะสุดยอดแพทย์ ถ่ายภาพมาให้เห็น พร้อมมีข้อเขียนต่างๆ อวยฉ่ำทำนองว่า “เห็นอย่างนี้บ้านเมืองรอดแน่ เพราะลุงฟังคำแนะนำของหมอ” ชาวบ้านบ้องตื้นก็เชื่อเป็นตุเป็นตะ ชื่นชมลุงคนเก่งว่ายอมฟังหมอแล้วนะ

ป้าดโธ่! หารู้ไม่ว่านั่นเป็นปฏิบัติการข่าว “IO” ระดับตื้นๆ ก็เค้าไประดมคนมีชื่อเสียงมาเขียนให้ มีพล็อตเรื่องคล้ายๆ กัน ให้ชาวบ้านบ้องตื้นเชื่อ กลุ่มแพทย์ที่ไปวันนั้นก็ไม่รู้ตัวว่าอีกไม่นานจะกลายสภาพเป็น “แพะฝูงใหญ่” ให้ท่านผู้ล้มเหลว

ถ้าฟังคำแนะนำของหมอแล้ว ไม่ปฏิบัติตามให้ครบ ก็ไร้ผล แพทย์ที่เข้าประชุมคงเกรงใจไม่กล้าบอกอะไรตรงๆ ให้จอมว้ากเสียอารมณ์ ถึงบอกไปด้วยมาตรการหนัก คนไม่อยากเสียหน้าหรือมีปัญหากับเจ้าสัวนายทุน ก็คงไม่กล้าทำตามอยู่ดี

ที่ผ่านมา ชาวบ้านจึงได้เห็นมาตรการหน่อมแน้ม ลักปิดลักเปิด ศูนย์กักกัน สุดท้ายส่งไปอยู่บ้าน รัฐบาลไม่ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายดูแลในศูนย์ เสียดายเงินงบสำหรับฉุกเฉิน ทำให้มีสภาวะ “เสียน้อย เสียยาก “ คนไทยเสี่ยงภัยทุกวันนี้

ยิ่งมาตรการให้ผู้ว่าฯ ดูแลรับผิดชอบ ทำให้เห็นศิลปะการลอยตัวเหนือปัญหา ไม่รับผิดชอบ ทั้งยังไม่ช่วยจัดหางบช่วยเหลือแพทย์ ให้มีทุกอย่างเพียงพอ ทั้งๆ ที่มีงบกลางหลายแสนล้านบาท จะหวงเอาไว้ทำไม ใช้ทำอะไรสำคัญกว่าชีวิตมนุษย์หรือ

ดูแล้วสิ้นสภาพการนำ พวก “ติ่ง” และนักเชลียร์คงบอก “เวลานี้ควรให้กำลังใจกัน อย่าขัดแย้งกัน” แต่ไม่บอกว่าให้พวกลุงได้อยู่ต่อเพื่อแก้ไขวิกฤตที่พวกตัวเองได้สร้างไว้ จากนี้สถานการณ์จวนตัว คงจะมีมาตรการใหม่เพื่อให้ตัวเองรอดอีกแน่

โปรดกล้าทำความดีให้บ้านเมืองสักครั้ง ด้วยการยกพวกลาออกไปเถอะ!
กำลังโหลดความคิดเห็น