“ก.พาณิชย์” แจ้งข่าวดีผลิตเพิ่ม “หน้ากากอนามัย” เป็นวันละ 2.2 ล้านชิ้น เผยกระจายให้ “สาธารณสุข” เป็นวันละ 1.3 ล้านชิ้น ที่เหลือขาย ปชช. ศาลสั่งจำคุก 5 พ่อค้าแม่ค้าขายแมสก์เกินราคา เข้มไม่รอลงอาญา โดน 6 เดือนถึงปีครึ่ง “จุรินทร์” ยอมตั้ง กก.ตรวจสอบปมหน้ากากฉาว มอบ “องอาจ” คุม "เทพไท" จี้ "หน.พรรค" ยึดมาตรฐาน-ข้อบังคับพรรค บี้ "มัลลิกา" ลาออก-ไม่ต้องสอบ
วานนี้ (19 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า ขณะนี้ปริมาณการผลิตหน้ากากอนามัยได้ขยับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่โรงงานผลิตที่มีอยู่ ได้ให้ความร่วมมือในการปรับสายการผลิตหน้ากากชนิดอื่นมาเป็นการผลิตหน้ากากอนามัยเพิ่มขึ้น ทำให้ปริมาณเพิ่มขึ้นจากเดิมที่เคยผลิตได้วันละ 1.71 ล้านชิ้น เพิ่มเป็น 1.9 ล้านชิ้นในวันที่ 18 มี.ค.63 และล่าสุดวันที่ 19 มี.ค.63 ได้เพิ่มขึ้นเป็นวันละ 2.2 ล้านชิ้น ทำให้สามารถเพิ่มสัดส่วนการกระจายไปยังผู้ที่จำเป็นต้องใช้และประชาชนได้มากขึ้น
ทั้งนี้ ศูนย์บริหารจัดการสินค้าหน้ากากอนามัยของกรมการค้าภายใน ได้แบ่งการกระจายหน้ากากอนามัย โดยกระจายให้กระทรวงสาธารณสุขเป็น วันละ 1.3 ล้านชิ้น เพื่อให้กระจายต่อไปยัง รพ.สังกัดกระทรวงสาธารณสุข รพ.กรมการแพทย์ รพ.รัฐนอกสังกัดกระทรวงสาธารณสุข สถานพยาบาลเอกชน สมาคมคลินิกไทย รพ.สังกัดมหาวิทยาลัย สถานพยาบาลสังกัด กทม. และสำนักอนามัย
ส่วนที่เหลืออีก 9 แสนชิ้น กรมการค้าภายใน จะบริหารจัดการ โดยจะกระจายให้กับกลุ่มเสี่ยง โดยเฉพาะกลุ่มผู้ที่ถูกกักตัวที่อยู่ในจังหวัดต่างๆ ผู้ทำงานในกลุ่มแพทย์ฉุกเฉิน เช่น มูลนิธิ รวมถึงกลุ่มเสี่ยงเดิม เช่น ผู้ให้บริการในสนามบิน ตรวจคนเข้าเมือง ส่วนประชาชนทั่วไป ได้กระจายผ่านร้านธงฟ้า เซเว่นอีเลฟเว่น เทสโก้โลตัส แม็คโคร บิ๊กซี วิลล่ามาร์เก็ต ท็อปส์ ซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านอินทนิล และล่าสุดกำลังจะกระจายผ่านคาเฟ่ อเมซอน
ศาลจำคุก 5 รายขายแมสก์แพง
อีกด้าน ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พนักงานอัยการคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 2 ได้นำตัว น.ส.ณัปอิศรา ขอสุข, นายพงษ์พันธ์ โสมสุด, น.ส.น้ำฝน เอยศิริ, น.ส.อุมาพร มั่นคง, น.ส.นิศรา มหาเรือนขวัญ, นางทัศพร ฉันทนาภิธาน และ น.ส.ตาว ตรีเทวี มายื่นฟ้องต่อศาลเป็นจำเลย ในความผิดฐานจำหน่ายหน้ากากอนามัยซึ่งเป็นสินค้าควบคุมในราคาสูงเกินสมควร หรือทำให้ปั่นป่วนซึ่งราคาของสินค้า ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 มาตรา 29, 40
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากทีตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) นำสำนวนคดีของผู้ต้องหาทั้ง 7 กรณี ที่ขายหน้ากากอนามัยเกินราคาควบคุมตามกฎหมาย มาให้อัยการพิจารณา และนำตัวส่งฟ้องเป็นจำเลยต่อศาล
โดยอัยการได้แยกฟ้องจำเลยคนละสำนวน รวม 7 สำนวน ศาลสอบคำให้การจำเลยทั้งหมดแล้ว จำเลยทั้งหมดให้การรับสารภาพ ซึ่ง น.ส.อุมาพร มีหน้ากากอนามัยสีเขียวไว้ในครอบครองและจำหน่ายเกินราคา จำนวน 4 พันชิ้น ศาลพิพากษาจำคุก 3 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 ปี 6 เดือน, น.ส.ตาว มีหน้ากากอนามัย จำนวน 750 ชิ้น พิพากษาจำคุก 2 ปี ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 ปี , น.ส.น้ำฝน มีหน้ากากอนามัย จำนวน 125 ชิ้น, นายพงษ์พันธ์ มีหน้ากากอนามัย จำนวน 150 ชิ้น และ น.ส.ณัปอิศรา มีหน้ากากอนามัย จำนวน 150 ชิ้น พิพากษาจำคุก 1 ปี ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยทั้งสามคนละ 6 เดือน
อีก 2 รายจำนวนน้อยรอลงอาญา
อย่างไรก็ตาม ศาลพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว เห็นว่า จำเลยทั้งห้า มีการกระทำอันเป็นการฉกฉวยโอกาสที่โรคไวรัสโควิด-19 อุบัติร้ายแรงแพร่ระบาดไปทั่วโลก บุคลากรทางแพทย์และประชาชนมีความจำเป็นต้องใช้หน้ากากอนามัย สร้างความเดือดร้อนไปทั่ว แต่จำเลยทั้งห้ากลับจำหน่ายหน้ากากอนามัยเกินราคาควบคุมที่กฎหมายกำหนดไว้ จึงเห็นสมควรไม่รอการลงโทษจำเลยทั้งห้า
ส่วน นางทัศพร มีหน้ากากอนามัย จำนวน 50 ชิ้น และ น.ส.นิศรา มีหน้ากากอนามัย จำนวน 8 ชิ้น พิพากษาจำคุกคนละ 1 ปี ปรับคนละ 5 หมื่นบาท ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยคนละ 6 เดือน ปรับคนละ 25,000 บาท พิเคราะห์พฤติการณ์จำเลยทั้งสองมีของกลางปริมาณน้อย และไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน จึงให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนดคนละ 2 ปี
จากนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้นำตัวจำเลย 5 คน ที่ศาลไม่รอการลงโทษไปคุมขังไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และทัณฑสถานหญิงกลางต่อไป
ปชป.จั้งสอบแก๊งตุนหน้ากากฯแล้ว
ทางด้านพรรคประชาธิปัตย์ ได้มีความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการสอบสวนขบวนการทุจริตหน้ากากอนามัย ที่ถูกนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ระบุว่าเกี่ยวข้องกับนักการเมืองหญิง ที่เป็นที่ปรึกษาของรมว.พาณิชย์ ทำให้ นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษา รมว.พาณิชย์ ได้ออกมาแถลงข่าวปฏิเสธกรณีที่ถูกกกล่าวหา และฟ้องร้องดำเนินคดีกับนายอัจฉริยะ
โดย นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช ได้ทำหนังสือถึง นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และคณะกรรมการบริหารพรรค โดยระบุช่วงหนึ่งว่า เมื่อนางมัลลิกาถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับการทุจริตหน้ากากอนามัยต้องให้ นางมัลลิกา ลาออกจากตำแหน่งที่ปรึกษา รมว.พาณิชย์ ไว้ก่อน ขณะเดียวกัน นายจุรินทร์ ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยมี นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ เป็นประธาน ด้าน นายอัจฉริยะ ก็ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ นางมัลลิกา ที่ สน.ทุ่งสองห้อง ด้วย
วานนี้ (19 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า ขณะนี้ปริมาณการผลิตหน้ากากอนามัยได้ขยับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่โรงงานผลิตที่มีอยู่ ได้ให้ความร่วมมือในการปรับสายการผลิตหน้ากากชนิดอื่นมาเป็นการผลิตหน้ากากอนามัยเพิ่มขึ้น ทำให้ปริมาณเพิ่มขึ้นจากเดิมที่เคยผลิตได้วันละ 1.71 ล้านชิ้น เพิ่มเป็น 1.9 ล้านชิ้นในวันที่ 18 มี.ค.63 และล่าสุดวันที่ 19 มี.ค.63 ได้เพิ่มขึ้นเป็นวันละ 2.2 ล้านชิ้น ทำให้สามารถเพิ่มสัดส่วนการกระจายไปยังผู้ที่จำเป็นต้องใช้และประชาชนได้มากขึ้น
ทั้งนี้ ศูนย์บริหารจัดการสินค้าหน้ากากอนามัยของกรมการค้าภายใน ได้แบ่งการกระจายหน้ากากอนามัย โดยกระจายให้กระทรวงสาธารณสุขเป็น วันละ 1.3 ล้านชิ้น เพื่อให้กระจายต่อไปยัง รพ.สังกัดกระทรวงสาธารณสุข รพ.กรมการแพทย์ รพ.รัฐนอกสังกัดกระทรวงสาธารณสุข สถานพยาบาลเอกชน สมาคมคลินิกไทย รพ.สังกัดมหาวิทยาลัย สถานพยาบาลสังกัด กทม. และสำนักอนามัย
ส่วนที่เหลืออีก 9 แสนชิ้น กรมการค้าภายใน จะบริหารจัดการ โดยจะกระจายให้กับกลุ่มเสี่ยง โดยเฉพาะกลุ่มผู้ที่ถูกกักตัวที่อยู่ในจังหวัดต่างๆ ผู้ทำงานในกลุ่มแพทย์ฉุกเฉิน เช่น มูลนิธิ รวมถึงกลุ่มเสี่ยงเดิม เช่น ผู้ให้บริการในสนามบิน ตรวจคนเข้าเมือง ส่วนประชาชนทั่วไป ได้กระจายผ่านร้านธงฟ้า เซเว่นอีเลฟเว่น เทสโก้โลตัส แม็คโคร บิ๊กซี วิลล่ามาร์เก็ต ท็อปส์ ซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านอินทนิล และล่าสุดกำลังจะกระจายผ่านคาเฟ่ อเมซอน
ศาลจำคุก 5 รายขายแมสก์แพง
อีกด้าน ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พนักงานอัยการคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 2 ได้นำตัว น.ส.ณัปอิศรา ขอสุข, นายพงษ์พันธ์ โสมสุด, น.ส.น้ำฝน เอยศิริ, น.ส.อุมาพร มั่นคง, น.ส.นิศรา มหาเรือนขวัญ, นางทัศพร ฉันทนาภิธาน และ น.ส.ตาว ตรีเทวี มายื่นฟ้องต่อศาลเป็นจำเลย ในความผิดฐานจำหน่ายหน้ากากอนามัยซึ่งเป็นสินค้าควบคุมในราคาสูงเกินสมควร หรือทำให้ปั่นป่วนซึ่งราคาของสินค้า ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 มาตรา 29, 40
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากทีตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) นำสำนวนคดีของผู้ต้องหาทั้ง 7 กรณี ที่ขายหน้ากากอนามัยเกินราคาควบคุมตามกฎหมาย มาให้อัยการพิจารณา และนำตัวส่งฟ้องเป็นจำเลยต่อศาล
โดยอัยการได้แยกฟ้องจำเลยคนละสำนวน รวม 7 สำนวน ศาลสอบคำให้การจำเลยทั้งหมดแล้ว จำเลยทั้งหมดให้การรับสารภาพ ซึ่ง น.ส.อุมาพร มีหน้ากากอนามัยสีเขียวไว้ในครอบครองและจำหน่ายเกินราคา จำนวน 4 พันชิ้น ศาลพิพากษาจำคุก 3 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 ปี 6 เดือน, น.ส.ตาว มีหน้ากากอนามัย จำนวน 750 ชิ้น พิพากษาจำคุก 2 ปี ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 ปี , น.ส.น้ำฝน มีหน้ากากอนามัย จำนวน 125 ชิ้น, นายพงษ์พันธ์ มีหน้ากากอนามัย จำนวน 150 ชิ้น และ น.ส.ณัปอิศรา มีหน้ากากอนามัย จำนวน 150 ชิ้น พิพากษาจำคุก 1 ปี ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยทั้งสามคนละ 6 เดือน
อีก 2 รายจำนวนน้อยรอลงอาญา
อย่างไรก็ตาม ศาลพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว เห็นว่า จำเลยทั้งห้า มีการกระทำอันเป็นการฉกฉวยโอกาสที่โรคไวรัสโควิด-19 อุบัติร้ายแรงแพร่ระบาดไปทั่วโลก บุคลากรทางแพทย์และประชาชนมีความจำเป็นต้องใช้หน้ากากอนามัย สร้างความเดือดร้อนไปทั่ว แต่จำเลยทั้งห้ากลับจำหน่ายหน้ากากอนามัยเกินราคาควบคุมที่กฎหมายกำหนดไว้ จึงเห็นสมควรไม่รอการลงโทษจำเลยทั้งห้า
ส่วน นางทัศพร มีหน้ากากอนามัย จำนวน 50 ชิ้น และ น.ส.นิศรา มีหน้ากากอนามัย จำนวน 8 ชิ้น พิพากษาจำคุกคนละ 1 ปี ปรับคนละ 5 หมื่นบาท ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยคนละ 6 เดือน ปรับคนละ 25,000 บาท พิเคราะห์พฤติการณ์จำเลยทั้งสองมีของกลางปริมาณน้อย และไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน จึงให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนดคนละ 2 ปี
จากนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้นำตัวจำเลย 5 คน ที่ศาลไม่รอการลงโทษไปคุมขังไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และทัณฑสถานหญิงกลางต่อไป
ปชป.จั้งสอบแก๊งตุนหน้ากากฯแล้ว
ทางด้านพรรคประชาธิปัตย์ ได้มีความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการสอบสวนขบวนการทุจริตหน้ากากอนามัย ที่ถูกนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ระบุว่าเกี่ยวข้องกับนักการเมืองหญิง ที่เป็นที่ปรึกษาของรมว.พาณิชย์ ทำให้ นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษา รมว.พาณิชย์ ได้ออกมาแถลงข่าวปฏิเสธกรณีที่ถูกกกล่าวหา และฟ้องร้องดำเนินคดีกับนายอัจฉริยะ
โดย นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช ได้ทำหนังสือถึง นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และคณะกรรมการบริหารพรรค โดยระบุช่วงหนึ่งว่า เมื่อนางมัลลิกาถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับการทุจริตหน้ากากอนามัยต้องให้ นางมัลลิกา ลาออกจากตำแหน่งที่ปรึกษา รมว.พาณิชย์ ไว้ก่อน ขณะเดียวกัน นายจุรินทร์ ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยมี นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ เป็นประธาน ด้าน นายอัจฉริยะ ก็ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ นางมัลลิกา ที่ สน.ทุ่งสองห้อง ด้วย