ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ประเด็นข่าว การกักตุนหน้ากากอนามัยซึ่งอยู่ในความสนใจของสังคมเวลานี้ บุคคลที่ปรากฏเป็นข่าวมีชื่อเป็นทีมทำงานร่วมอยู่ในขบวนการ ที่พาดพิงไปถึง นักการเมืองในซีกรัฐบาล นอกจากมีชื่อของ นายศรสุวีร์ ภู่รวีร์รัศมี หรือ บอย ที่อ้างว่ามีหน้ากากอนามัยจำนวนมาก 200 ล้านชิ้น
โดยนายศรสุวีร์ โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดียขายหน้ากากอนามัย เชื่อมโยงมาถึง นายพิตตินันท์ รักเอียด อดีตผู้สมัคร ส.ส.สอบตก สุราษฎร์ธานี คณะทำงานของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์แล้ว
หนึ่งในนั้น ยังมีชื่อของนายพันธ์ยศ อัครอมรพงศ์ อดีตเลขาธิการพรรคภราดรภาพรวมอยู่ด้วย เพราะภาพที่ปรากฏในคลิปของกลุ่มดังกล่าว ปรากฏว่าเป็น ตึกไทยเฮลท์ ย่านหนองแขม กรุงเทพฯ ซึ่งมีป้ายพรรคภราดรภาพ -สมาพันธ์นักธุรกิจหนองแขม และสถาบันพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการไทย-จีน
และบางส่วนแบ่งเป็นโกดังเก็บสินค้าและห้องพักที่อยู่อาศัย โดยอาคารทั้งหมดชื่อผู้เป็นเจ้าของคือ พันธ์ยศ ได้ถูกตำรวจนครบาล และเจ้าหน้าที่กรมการค้าภายใน นำหมายศาลอาญาตลิ่งชันเข้าตรวจค้น อาคารไทยเฮลท์ เมื่อ 9 มีนาคม ที่ผ่านมา
แต่การตรวจค้นไม่ได้มีการตรวจยึดอะไร เพราะพบเพียงหน้ากากอนามัยรวม 12,500 ชิ้น ไม่ได้มีเป็นสองร้อยล้านชิ้นแต่อย่างใด
สำหรับชื่อพันธ์ยศ นักธุรกิจหนุ่ม เล่าลือกันว่าเป็นผู้ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว จากธุรกิจของบริษัท THAI HEALTH จำกัด ที่ทำธุรกิจอาหารเสริมความงามเพื่อสุขภาพ แต่ปัจจุบันเลิกกิจการไปแล้ว
รวมถึงธุรกิจอีกหลายอย่างเช่น บริษัท ไทยพลัสมีเดีย จำกัด ที่ทำธุรกิจสื่อ เช่นทีวีดาวเทียมและวิทยุชุมชน ซึ่งใช้เป็นสื่อโปรโมต ธุรกิจอาหารเสริมเป็นหลัก ภายใต้อาณาจักร ไทยเฮลท์ ซึ่งมีฐานที่มั่นอยู่ในพื้นที่ฝั่งธนบุรี ย่านหนองแขม
ต่อมา นายพันธ์ยศ ก็เลิกกิจการไทยเฮลท์ ทั้งที่กำลังประสบความสำเร็จในธุรกิจเครือข่ายขายตรง โดยคนภายนอกไม่ทราบสาเหตุมากนัก แต่มีข่าวช่วงก่อนเลือกตั้งปี 2562 เคยมีสื่อถามเขาเรื่องนี้ แต่เสี่ยพันธ์ยศ ก็ไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ
สำหรับเส้นทางการเมืองของ พันธ์ยศ หันเหชีวิตจากนักธุรกิจเข้าสู่แวดวงการเมืองตั้งแต่อายุสามสิบต้นๆ เพราะเป็นคนที่สนใจการเมือง มีสายสัมพันธ์ต่อคอนเนกชันกับอดีต ส.ส. สายไทยรักไทยเดิมหลายคน
โดยเฉพาะพวกอดีต ส.ส.เขต กรุงเทพมหานคร ยุคแรกเริ่มก่อตั้งไทยรักไทย มีความใกล้ชิดกับ ม.ร.ว.ดำรงดิศ ดิศกุล อดีต ส.ส.กทม.เขตดอนเมือง และกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ชุดบ้านเลขที่ 111 ที่โดนตัดสิทธิ์การเมือง
สนิทสนมกับ ร.อ.รชฏ พิสิษฐบรรณกร อดีตส.ส.กทม. พื้นที่เขตพญาไท ไทยรักไทย ที่สังกัดสายนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว. กระทรวงยุติธรรม สมัยที่ สมศักดิ์ เป็นแกนนำไทยรักไทย หัวหน้ากลุ่มวังน้ำยม
และต่อมา ร.อ.รชฏ ก็ย้ายตามสมศักดิ์ ไปอยู่กับพรรคมัชฌิมาธิปไตยด้วย แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จด้วยกันทั้งหมด เพราะกลุ่มมีปัญหากับ ประชัย เลี่ยวไพรัตน์ เสี่ยทีพีไอ จนวงแตก และพรรคมัชฌิมาธิปไตย โดนยุบพรรค
ทำให้ร.อ.รชฎ ต้องเว้นวรรคการเมืองห้าปี เพราะตอนนั้นเป็นรองเลขาธิการพรรค ส่วนแต่ละกลุ่มการเมืองในพรรค ก็แยกย้ายกันไปคนละทาง ร.อ.รชฏ หันไปทำธุรกิจหลายอย่าง เช่น ธุรกิจด้านลอจิสติกส์ สายการบิน และอีกหลายอย่าง จนมีข่าวร่ำรวย เข้าขั้นมหาเศรษฐีคนหนึ่งไปแล้ว
เมื่อปี 2562 การเมืองและการเลือกตั้งกลับมา ร.อ.รชฏ เลยกลับทำการเมืองอีกรอบ โดยชักชวน ม.ร.ว.ดำรงดิศ และเสี่ยพันธ์ยศ ให้มาร่วมกันทำพรรคภราดรภาพ โดย เลือกหม่อมราชวงศ์ดำรงดิศ ดิศกุล เป็นหัวหน้าพรรค และเลือกเสี่ยพันธ์ยศ เป็นเลขาธิการพรรค และมี ร.อ.รชฏ เป็นประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค
ต่อมาก็ยังมีคนการเมืองจากสายอดีตกลุ่มวังน้ำยมบางคนมาร่วมงานด้วย เช่น นพ.รวยลาภ เอี่ยมทอง อดีต ส.ส.กทม.ไทยรักไทย ยุคเดียวกับ ม.ร.ว.ดำรงดิศ และร.อ.รชฏ ก็มาร่วมแจมด้วย
ในแวดวงการเมือง รู้กันดีว่า "ภราดรภาพ" เป็นพรรคสำรองที่เตรียมการไว้ เป็นอะไหล่ให้กับนักการเมือง รุ่นใหญ่รายหนึ่ง ที่เป็นบิ๊กเนมการเมือง ระดับหัวหน้ามุ้งการเมืองคนสำคัญของแวดวงการเมืองไทย
ช่วงก่อนเลือกตั้ง 62 นักการเมืองกลุ่มนี้ สะกิดให้ ร.อ.รชฏ และนายพันธ์ยศ ไปทำพรรคภราดรภาพ รองรับเอาไว้ก่อน กันเหนียวไว้เผื่อดีลพลังประชารัฐ ล้มเหลว จะได้ย้ายไปอยู่ภราดรภาพได้ทันการ ไม่เคว้งเสียก่อน
แต่สุดท้าย ข้อตกลงระหว่างพรรคการเมืองใหญ่ กับบิ๊กการเมือง สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี จึงไม่จำเป็นต้องใช้บริการพรรคสำรอง ทำให้ การเกิดขึ้นของพรรคภราดรภาพ เสมือนโดนเทกลางทาง
ภราดรภาพ ก็เลยเข้าสู่สนามเลือกตั้งเมื่อปีที่แล้ว แบบเหี่ยวๆ แห้งๆ ผู้สมัคร ส.ส. เขต ที่พรรคส่งไปเก็บคะแนนทั่วประเทศ ได้เสียงมาแค่ 27,000 กว่าคะแนน ไม่ได้โควต้า ส.ส.แม้แต่คนเดียว
จนวันนี้ ร.อ.รชฏ ที่เป็นผู้สมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ เบอร์หนึ่ง ของภราดรภาพ ยึดเป็นหัวหน้าพรรคภราดรภาพไปแล้ว ส่วนเลขาธิการพรรค ก็เปลี่ยนจาก พันธ์ยศ มาเป็น สมบูรณ์ จิตตระบูรณ์ โยกพันธ์ยศไปเป็นประธานยุทธศาสตร์พรรค
สำหรับ พันธ์ยศ เป็นคนทะเยอทะยานทางการเมือง ชอบสร้างสัมพันธ์กับนักการเมืองหลายกลุ่ม ก็กำลังมองหาโอกาสเติบโตทางการเมืองอยู่ พยายามหาไปอยู่กับพรรคการเมืองอื่นที่ไม่ใช่ ภราดรภาพ
เขาเคยรำพันกับคนใกล้ชิดในช่วงหลังเลือกตั้งเมื่อปีที่แล้วว่า ถูกชวนให้ควักเงินทำพรรค หมดไปมาก แต่ระหว่างนี้กลับมาทำธุรกิจส่งออกสินค้าไปจีน
แต่แล้วก็มาเจอ กรณีอื้อฉาวเรื่องหน้ากากอนามัย ทำให้ชื่อของพันธ์ยศ และพรรคภราดรภาพ กลายเป็นที่พูดถึงอย่างกว้างขวาง
จะเห็นว่า เบื้องหลังธุรกิจใหญ่ที่มีผลกำไรตอบแทนมหาศาล ย่อมพัวพันและเชื่อมโยงอย่างแนบแน่นกับอำนาจการเมือง เสมอไม่มากก็น้อย