ผู้จัดการรายวัน 360 - "เสี่้ยบอย ศรสุวีร์" เข้าพบ ตร. หลังถูกเพจสายดาร์กแฉคณะทำงาน “รัฐมนตรีผู้อื้อฉาว” กักตุนหน้ากากอนามัย กว่า 200 ล้านชิ้น เจ้าตัวอ้างเป็นแค่นายหน้า ทำไปเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ยันไม่รู้จักรมต.หรือคนสนิท ด้านตร.ดำเนินคดี พ.ร.บ.คอมฯ “ธรรมนัส” ปัดไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง หากคณะทำงานผิดจริงฟันไม่เลี้ยง ลั่นพร้อมไขก๊อก หากประชาชนไม่ต้องการ "บิ๊กตู่" หน้าเครียด ปัดเคลียร์ประเด็นกักตุนหน้ากาก ด้าน ก.พาณิชย์ จ่อเอาผิด 3 ข้อหา "ศรีสุวรรณ"ร้องผู้ตรวจฯ ปลด รมว.พาณิชย์-อธิบดีกรมการค้าภายใน บริหารจัดการล้มเหลว ด้าน สธ. เผยยอดผู้ติดเชื่อคงที่ 50 คน หายแล้ว 33 ราย เตรียมนำข้ายาต้านไวรัสมาใช้รักษาผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ขณะที่ 186 แรงงานไทยที่กลับจากเกาหลีใต้ ยังไม่พบความผิดปกติ แต่ต้องดูแลเป็นพิเศษจำนวน 18 คน
จากกรณีที่ เพจสายดาร์กได้ออกมาเปิดเผยถึงขบวนการกักตุนหน้ากากอนามัย โดยพบว่ามีการสมคบกันระหว่างคณะทำงานรัฐมนตรีรายหนึ่งในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่มีข่าวอื้อฉาว และเพิ่งผ่านศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจอยู่ในขณะนี้ กับเสี่ยเจ้าของตลาดนัดแห่งหนึ่ง ที่เป็นถึง กก.ตร.สถานีตำรวจแห่งหนึ่ง ใน จ.ชลบุรี เกี่ยวข้องกับขบวนการดังกล่าว ซึ่งพบว่าเมื่อวันที่ 2 มี.ค. มีการประกาศขายหน้ากากอนามัยหนา 3 ชั้น อ้างว่า มีสินค้า 5 ล้านชิ้น ขายในราคา 14 บาทต่อชิ้น โดยต้องซื้อขั้นต่ำ 1 ล้านชิ้น ผู้ที่จะซื้อต้องแสดงหลักฐานการเงิน หรือพานายทุนจีนมาซื้อเท่านั้น เรื่องดังกล่าวทำเอาชาวเน็ตต่างประณามถึงพฤติกรรมกักตุนหน้ากากอนามัย ทั้งที่ขาดแคลนทั้งประเทศ
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบช.ภ.2 พานายศรสุวีร์ หรือ บอย ภู่รวีรัศวัชรี อายุ 47 ปี ที่แอบอ้างเป็นคนสนิท ผู้ติดตาม รมช.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และเป็น กต.ตร.สภ.หนองปรือ โพสต์คลิปขายหน้ากากอนามัย โดยอ้างว่า มีถึง 200 ล้านชิ้น เดินทางมาจาก จ.ชลบุรี เพื่อเข้าให้ข้อมูลกับ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. ใช้เวลาประมาณ 30 นาที
นายศรสุวีร์ กล่าวว่า ภาพหน้ากากอนามัยที่ตนเองโพสต์ลงเฟซบุ๊กนั้น ตนก๊อปปี้มาจากคนอื่น เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ เพราะตนเองทำอาชีพนายหน้า แต่หน้ากากอนามัยไม่มีอยู่จริง ภาพโรงงานที่ตนไลฟ์สดลงโซเชียลมีอยู่จริง เขาเปิดอย่างถูกต้อง ตนทำไปเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับคนที่เข้ามาซื้อของ สิ่งที่ทำไปทั้งหมดเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แต่คลิปที่โพสต์เป็นช่วงที่ยังไม่ขาดแคลน จึงได้ตระเวนไปถ่ายภาพและสร้างภาพลักษณ์ รวมทั้งการโฆษณาเพื่อให้ลูกค้ามั่นใจ ทั้งในเรื่องของราคา และ ผลิตภัณฑ์ เนื่องจากเป็นวิธีการของกลุ่มนายหน้าที่ต้องการขายสินค้าแม้สินค้าจะไม่มีอยู่จริง ภายหลังการโฆษณาไม่มีลูกค้าสั่งสินค้ามาแต่อย่างใด
"ยืนยันว่าไม่มีสินค้าตามที่กล่าวอ้าง ก่อนหน้านี้เคยขายหน้ากากอนามัยได้เล็กๆ น้อยๆ แต่ไม่ประสบความสำเร็จเพราะได้ของไม่มีคุณภาพ พร้อมยืนยันว่าไม่รู้จักกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ส่วนนายพิตตินันท์ รักเอียด คนติดตามของร.อ.ธรรมนัส เคยเจอกันเพียงแค่ครั้งเดียว ซึ่งตนเป็นคนขอเข้าไปถ่ายรูป แต่ไม่ได้เจรจาซื้อขายหน้ากากอนามัย รวมถึงผมไม่เคยเจรจาซื้อขายกับทางประเทศจีน" นายศรสุวีร์ กล่าว
ด้านพล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า หลังปรากฎคลิปดังกล่าวทางโซเชียลมีเดีย ทางกระทรวงพาณิชย์ได้ประสานมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอให้มีการตรวจสอบให้ได้ข้อเท็จจริงที่ถูกต้องและรวดเร็วที่สุด ขณะที่นายศรสุวีร์ ได้ประสานผ่าน พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบช.ก.2 ขอเข้าพบตำรวจและขอชี้แจงข้อเท็จจริงต่อสื่อมวลชน ซึ่งเป็นสิทธิของนายศรสุวีร์ ที่สามารถกระทำได้ ในส่วนของตำรวจขณะนี้ยังไม่ได้มีการแจ้งกล่าวหากับนายศรสุวีร์แต่อย่างใด เนื่องจากกระบวนการสอบสวนยังไม่เกิดขึ้น หลังจากนี้จะเป็นการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ จะผิดจะถูกอย่างไรขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน
พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวต่อไปว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้ขอหมายศาลเข้าตรวจค้นทั้งหมด 6 จุด รวมถึงโรงงานที่ปรากฎในคลิปด้วย ขณะนี้ยังดำเนินการตรวจค้นอยู่ จึงยังไม่สามารถตอบได้ในขณะนี้ว่าตรวจค้นเจออะไรบ้าง อย่างไรก็ตามไม่ใช่เพียง นายศรสุวีร์ เพียงคนเดียว หากพบว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้องก็จะถูกดำเนินคดีทั้งหมด ส่วนพฤติการณ์ของนายศรสุวีร์ จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หรือ ประกาศสินค้าควบคุมของกรมการค้าภายใน หรือ ผิดกฎหมายอื่นใดหรือไม่นั้น หากพบว่ามีความผิดก็จะถูกดำเนินคดีอยู่แล้ว โดยมีการเตรียมพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ.) กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทาเทคโนโลยี( ปอท.)และเจ้าหน้าที่กรมการค้าภายใน มาดำเนินการสอบสวนนายศรสุวีร์
ส่วนจะมีการเรียกผู้ที่ถูกพาดพิงอย่าง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์การเกษตร มาให้ข้อมูลหรือไม่นั้น พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า การจะเรียกได้ ต้องดูว่าเกี่ยวข้องแบบไหน ถูกกล่าวอ้างเพียงฝ่ายเดียวหรือไม่ ทุกอย่างต้องทำตามพยานหลักฐาน ส่วนการเข้าตรวจค้นทั้ง 6 จุด ขณะนี้ก็ยังกำลังตรวจค้นอยู่ หลังจากวันนี้ไปแล้วก็น่าจะมีความชัดเจนว่าจะสามารถดำเนินคดีกับนายสรสุวีร์ ในข้อหาใด หรือไม่ ยืนยันว่าหากการสอบสวนพบว่าเข้าองค์ประกอบความผิดตามกฎหมาย เราจะดำเนินคดีทั้งหมด ไม่มีข้ามอะไรทั้งนั้น
รายงานข่าวแจ้งว่าภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจพูดคุยกับนายศรสุวีย์ เบื้องต้นได้แจ้งข้อกล่าวหาในข้อหานำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ โดยหลังจากนี้จะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
"ร.อ.ธรรมนัส" ยันไม่รู้จัก
ด้าน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ได้ยืนยันว่า ตนไม่ได้รู้จักกับบุคคลผู้นี้ และไม่เคยไปเกี่ยวข้องกับธุรกิจของเขา ส่วนกรณีของนายพิตตินันท์ รักเอียด ซึ่งเป็นคณะทำงานตนเอง ส่วนตัวไม่ได้สอบถามนายพิตตินันท์โดยตรง ซึ่งนายพิตตินันท์เป็นอดีตผู้สมัครส.ส.สุราษฎร์ธานี เขต 6 ของพรรคพลังประชารัฐ และเรื่องนี้ได้เรียนไปถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม แล้ว
ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่าตอนที่สมัครเลือกตั้งได้รับรายงานว่า นายพิตตินันท์ มีคะแนนดี ก็อยากให้ทำงานการเมืองในพื้นที่ต่อไป และขอมาสมัครเป็นคณะทำงานโดยดูแลพื้นที่ เฉพาะ จ.สุราษฎร์ธานี ได้ให้ทีมงานสอบถามแล้วว่าไปรู้จักกับ นายศรสุวีร์ อย่างไร ปรากฏว่า ได้มีการนัดเจอกันที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน กทม. เบื้องต้นทราบว่า เป็นการเจรจาเพื่อเอาหน้ากากไปแจกชาวบ้านในพื้นที่เขตเลือกตั้งของเขา โดยยังไม่มีการซื้อขายหน้ากาก
"ได้แจ้งทีมงานแล้วว่า ให้นายพิตตินันท์ ไปร้องทุกข์กล่าวโทษกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ว่าตัวเองไม่ได้เกี่ยวข้องกับวงจรนี้ และเพื่อเอาผิดกับ นายนายศรสุวีร์ ที่สุราษฎร์ธานี ผมไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับกระบวนการการขายหน้ากาก และได้ประสานงานกับสถานีตำรวจหนองปรือ จ.ชลบุรี ว่าให้ดำเนินการตรวจสอบโดยเร็ว และหากมีการกักตุนหน้ากากจริง ผมจะนำไปทลายตรงนี้เอง นอกจากนี้ยังได้ตั้งคณะตรวจสอบพฤติกรรมของ นายพิตตินันท์ หากมีความผิดจริงจะไม่เอาไว้แน่นอน ใครก็ตามที่เป็นคณะทำงานผม หากไปเกี่ยวข้องกับวงจรอุบาทว์พวกนี้ จะดำเนินคดีขั้นเด็ดขาดให้ถึงที่สุดจะไม่เลี้ยงเลยคนพวกนี้" ร.อ.ธรรมนัสกล่าว
ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ส่วนตัวไม่ทราบว่ามีหน้ากากอนามัยถึง 200 ล้านชิ้น หรือไม่ หรือแค่โม้ แต่ได้ให้ตำรวจเข้าไปตรวจสอบและดำเนินคดีทันที แต่ส่วนตัวไม่เชื่อว่าจะมีหน้ากากจริง น่าจะเป็นคนที่อยากดังมากกว่า
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า
"ตนเข้ามาทำงานเพื่อบ้านเมือง ถ้าวันหนึ่งประชาชนไม่เอาเราแล้ว เราไม่มีประโยชน์ต่อบ้านเมืองแล้ว ไม่ต้องปรับครม. ตนยินดีจะไปทันที ตนไม่ได้มีอาชีพเป็นนักการเมือง" ร.อ.ธรรมนัส กล่าวในช่วงเย็นของวันเดียวกัน
ด้านพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม มีสีหน้าเคร่งเครียด และไม่ตอบคำถามผู้สื่อข่าว ที่ถามเรื่องผู้ติดตามร.อ.ธรรมนัส กักตุนหน้าหากอนามัย 200 ล้านชิ้น เพื่อนำขายนายทุนประเทศจีน
"พิตตินันท์"แจ้งความ"ศรสุวีร์"ผิดพรบ.คอมพ์
ที่ สภ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี นายพิตตินันท์ รักเอียด ผู้ติดตาม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ ได้เข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันต่อพนักงานสอบสวน สภ.ท่าชนะ ระบุว่า "ผู้แจ้งอยู่ในคณะทำงานของรมช.เกษตรและสหกรณ์ ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 20 ก.พ. 63 ได้นัดทานข้าวกับน้องกัญฯ พร้อมพวกที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ในกรุงทพฯ ต่อมา ได้มีบุคคล (ผู้โพสต์ในเฟซบุ๊ก ใช้ชื่อว่า ศรสุวีร์ ภู่รวีรรัศวัชรี) ได้มาที่ผู้แจ้ง และพวกนั่งอยู่ ซึ่งผู้แจ้งว่าไม่เคยรู้จักผู้ที่โพสต์เฟซบุ๊กมาก่อน และต่อมาผู้แจ้งได้ถ่ายภาพกับน้องกัญฯ และพวกโดยมีบุคคลดังกล่าว เข้ามาร่วมถ่ายภาพด้วย
ต่อมา ผู้แจ้งทราบว่าบุคคลผู้ใช้ชื่อโพสต์ ศรสุวีร์ ภู่รวีรรัศวัชรี ได้นำภาพถ่ายของผู้แจ้งไปโพสต์ในเฟซบุ๊ก ในวันที่ 20 ก.พ.63 เวลา 22.40 น. มีข้อความว่า "เพิ่งคุยธุรกิจหน้ากากอนามัย พี่น้องๆ ที่นี่อยากสั่งอะไรมาเดี๋ยวเราหาให้" จากการโพสต์ข้อความดังกล่าว อาจทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจคลาดเคลื่อนในข้อเท็จจริงได้ ผู้แจ้งจึงได้มาแจ้งลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป"
'สิระ'จี้'ธรรมนัส'แสดงสปิริตลาออก
นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ตนขอให้ ร.อ.ธรรมนัส แสดงสปิริตด้วยการลาออกจากตำแหน่ง รมช. เกษตรฯ เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความเคลือบแคลงสงสัยให้กับประชาชนที่กำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส โดยจะปล่อยให้เรื่องนี้จบไปโดยไม่ผิดชอบไม่ได้ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน กระทบใจประชาชนทั้งประเทศ รวมทั้งขอให้นายพิตตินันท์ ลาออกจากสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ หากยังไม่ลาออก ตนจะเสนอให้กรรมการบริหารพรรค ขับนายพิตตินันท์ ออกจากพรรค เพราะถือว่าทำให้ภาพลักษณ์ของพรรคเสียหายอย่างมาก
“จุรินทร์”สั่งจัดการตามกฎหมายขั้นเด็ดขาด
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงกรณีมีข่าวคนใกล้ชิดรัฐมนตรีเกี่ยวข้องกับการกักตุนหน้ากากอนามัยและจำหน่ายในราคาแพง ว่า ได้สั่งการให้กรมการค้าภายในเข้าไปตรวจสอบแล้ว เบื้องต้นยังไม่ทราบว่ามีการกักตุนที่ไหนอย่างไร แต่ถ้ามีเบาะแสที่ชัดเจนสามารถแจ้งมายังกรมการค้าภายในได้ เพราะที่ผ่านมา มีการร้องเรียนเข้ามามาก โดยเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปตรวจสอบและจับกุมเกือบทุกวัน และยืนยันว่าจะดำเนินการตามกฎหมายไม่มีข้อยกเว้น ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม
พณ.จ่อฟัน "เสี่ยบอย ศรสุวีร์"กักตุน 3 ข้อหา
นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ ได้ร่วมหารือกับ พ.ต.ต.ประทีป จันทร์เพชรบุรี สว.กก.บก.ปอท.(กองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมการกระทำความผิดทางเทคโนโลยี) เพื่อดำเนินการทางกฎหมาย ซึ่งจากการตรวจสอบความผิดที่เกิดขึ้น สามารถดำเนินการเอาผิดได้ใน 3 ข้อหาคือ 1.ความผิดฐานไม่แจ้งสต๊อก ต้นทุน ราคาจำหน่าย สถานที่เก็บและปริมาณคงเหลือ ตาม มาตรา 25 (5) มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับอีกวันละ 2,000 บาทจนกว่าจะแจ้ง 2.ความผิดตามมาตรา 29 จำหน่ายในราคาสูงเกินสมควรมีโทษหนักจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และ 3.ขายเกินราคาควบคุม มีความผิดตามมาตรา 25 (1) มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ร้องปลด รมว.พานิชย์- อธิบดีกรมการค้าภายใน
นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้ยื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้ตรวจสอบเพื่อมีข้อเสนอแนะต่ออธิบดีกรมการค้าภายใน และรมว.พาณิชย์ หรือนายกรัฐมนตรีและครม. ให้ปลดอธิบดีกรมการค้าภายใน และ รมว.พาณิชย์ ฐานไร้ประสิทธิภาพในการจำหน่ายจ่าย แจก หน้ากากอนามัยให้กับสถานพยาบาล ร้านค้า และประชาชนทั่วไป
ยอดผู้ป่วยคงที่-เตรียมนำเข้ายาไวรัส
ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข สรุปยอดผู้ป่วยโรคโควิด-19 ในไทยว่าตอนนี้คงที่ 50 คน แบ่งเป็นเสียชีวิต 1 ราย หายดีแล้ว 33 คน อีก 16 คน รักษาตัวอยู่โรงพยาบาลและมี 1 คนอาการหนัก ส่วนผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนว่าเสี่ยงเป็นโรคตอนนี้มี 4,518 คน หายดีแล้ว 2,729 คน อีก 1,789 คน รักษาตัวอยู่โรงพยาบาล แต่ทั้งหมดไม่ป่วยเป็นโรคโควิด-19 แน่นอน ทำให้เฉลี่ยแล้วจำนวนผู้ป่วยเสี่ยงเป็นโรคโควิด-19 ในไทย ทุกๆ 1,000 คน จะมีผู้ป่วยเป็นโรคนี้แค่ 1 คน
นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ บอกว่า ได้ซื้อยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่ชื่อ ฟาวิพิราเวียร์ที่จีนรับรองในการใช้รักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 เข้ามาเพิ่ม 40,000 เม็ด และจีนบริจาคมาให้อีก 2,000 เม็ด รวมกับของเดิมที่มี 5,000 เม็ด รวมแล้วทำให้ตอนนี้มียาชนิดนี้ 50,000 เม็ด ซึ่งจะรองรับผู้ป่วยได้ 1,000 คน และจะกระจายยาไปตามโรงพยาบาลต่าง ๆ โดยเฉพาะโรงพยาบาลที่มีความเสี่ยง ผู้ป่วยแต่ละคนตั้งแต่เริ่มป่วยจนหายจะต้องกินยานี้ประมาณ 50 เม็ด วันละ 4 เม็ด โรงพยาบาลเอกชนสามารถมาเบิกยาได้ อนาคตจะปรับตามสถานการณ์ หากผู้ป่วยมากขึ้นก็ต้องนำเข้ายาให้มากขึ้น
เผยมีผีน้องต้องดูเป็นพิเศษ 18 คน
ส่วนการติดตามอาการของแรงงานไทยผิดกฎหมายที่กลับมาจากเกาหลีใต้ นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จนถึงเมื่อคืนนี้เวลา 02.30น. มีแรงงานไทยที่กลับมาและถูกเจ้าหน้าที่ที่สนามบินกักตัวไว้ดูอาการรวม 186 คน ในจำนวนนี้มีอยู่ 8 คน ที่มาจากเมืองแทกูและคย็องซังเหนือ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่โรคแพร่ระบาดอย่างหนัก แต่มีอยู่ 18 คน ที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ เพราะมีโรคประจำตัว, เป็นเด็ก และสตรีมีครรภ์ ส่วนใหญ่ถูกนำตัวไปสังเกตอาการที่อาคารรับรองที่อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี
จากกรณีที่ เพจสายดาร์กได้ออกมาเปิดเผยถึงขบวนการกักตุนหน้ากากอนามัย โดยพบว่ามีการสมคบกันระหว่างคณะทำงานรัฐมนตรีรายหนึ่งในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่มีข่าวอื้อฉาว และเพิ่งผ่านศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจอยู่ในขณะนี้ กับเสี่ยเจ้าของตลาดนัดแห่งหนึ่ง ที่เป็นถึง กก.ตร.สถานีตำรวจแห่งหนึ่ง ใน จ.ชลบุรี เกี่ยวข้องกับขบวนการดังกล่าว ซึ่งพบว่าเมื่อวันที่ 2 มี.ค. มีการประกาศขายหน้ากากอนามัยหนา 3 ชั้น อ้างว่า มีสินค้า 5 ล้านชิ้น ขายในราคา 14 บาทต่อชิ้น โดยต้องซื้อขั้นต่ำ 1 ล้านชิ้น ผู้ที่จะซื้อต้องแสดงหลักฐานการเงิน หรือพานายทุนจีนมาซื้อเท่านั้น เรื่องดังกล่าวทำเอาชาวเน็ตต่างประณามถึงพฤติกรรมกักตุนหน้ากากอนามัย ทั้งที่ขาดแคลนทั้งประเทศ
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบช.ภ.2 พานายศรสุวีร์ หรือ บอย ภู่รวีรัศวัชรี อายุ 47 ปี ที่แอบอ้างเป็นคนสนิท ผู้ติดตาม รมช.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และเป็น กต.ตร.สภ.หนองปรือ โพสต์คลิปขายหน้ากากอนามัย โดยอ้างว่า มีถึง 200 ล้านชิ้น เดินทางมาจาก จ.ชลบุรี เพื่อเข้าให้ข้อมูลกับ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. ใช้เวลาประมาณ 30 นาที
นายศรสุวีร์ กล่าวว่า ภาพหน้ากากอนามัยที่ตนเองโพสต์ลงเฟซบุ๊กนั้น ตนก๊อปปี้มาจากคนอื่น เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ เพราะตนเองทำอาชีพนายหน้า แต่หน้ากากอนามัยไม่มีอยู่จริง ภาพโรงงานที่ตนไลฟ์สดลงโซเชียลมีอยู่จริง เขาเปิดอย่างถูกต้อง ตนทำไปเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับคนที่เข้ามาซื้อของ สิ่งที่ทำไปทั้งหมดเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แต่คลิปที่โพสต์เป็นช่วงที่ยังไม่ขาดแคลน จึงได้ตระเวนไปถ่ายภาพและสร้างภาพลักษณ์ รวมทั้งการโฆษณาเพื่อให้ลูกค้ามั่นใจ ทั้งในเรื่องของราคา และ ผลิตภัณฑ์ เนื่องจากเป็นวิธีการของกลุ่มนายหน้าที่ต้องการขายสินค้าแม้สินค้าจะไม่มีอยู่จริง ภายหลังการโฆษณาไม่มีลูกค้าสั่งสินค้ามาแต่อย่างใด
"ยืนยันว่าไม่มีสินค้าตามที่กล่าวอ้าง ก่อนหน้านี้เคยขายหน้ากากอนามัยได้เล็กๆ น้อยๆ แต่ไม่ประสบความสำเร็จเพราะได้ของไม่มีคุณภาพ พร้อมยืนยันว่าไม่รู้จักกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ส่วนนายพิตตินันท์ รักเอียด คนติดตามของร.อ.ธรรมนัส เคยเจอกันเพียงแค่ครั้งเดียว ซึ่งตนเป็นคนขอเข้าไปถ่ายรูป แต่ไม่ได้เจรจาซื้อขายหน้ากากอนามัย รวมถึงผมไม่เคยเจรจาซื้อขายกับทางประเทศจีน" นายศรสุวีร์ กล่าว
ด้านพล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า หลังปรากฎคลิปดังกล่าวทางโซเชียลมีเดีย ทางกระทรวงพาณิชย์ได้ประสานมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอให้มีการตรวจสอบให้ได้ข้อเท็จจริงที่ถูกต้องและรวดเร็วที่สุด ขณะที่นายศรสุวีร์ ได้ประสานผ่าน พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบช.ก.2 ขอเข้าพบตำรวจและขอชี้แจงข้อเท็จจริงต่อสื่อมวลชน ซึ่งเป็นสิทธิของนายศรสุวีร์ ที่สามารถกระทำได้ ในส่วนของตำรวจขณะนี้ยังไม่ได้มีการแจ้งกล่าวหากับนายศรสุวีร์แต่อย่างใด เนื่องจากกระบวนการสอบสวนยังไม่เกิดขึ้น หลังจากนี้จะเป็นการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ จะผิดจะถูกอย่างไรขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน
พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวต่อไปว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้ขอหมายศาลเข้าตรวจค้นทั้งหมด 6 จุด รวมถึงโรงงานที่ปรากฎในคลิปด้วย ขณะนี้ยังดำเนินการตรวจค้นอยู่ จึงยังไม่สามารถตอบได้ในขณะนี้ว่าตรวจค้นเจออะไรบ้าง อย่างไรก็ตามไม่ใช่เพียง นายศรสุวีร์ เพียงคนเดียว หากพบว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้องก็จะถูกดำเนินคดีทั้งหมด ส่วนพฤติการณ์ของนายศรสุวีร์ จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หรือ ประกาศสินค้าควบคุมของกรมการค้าภายใน หรือ ผิดกฎหมายอื่นใดหรือไม่นั้น หากพบว่ามีความผิดก็จะถูกดำเนินคดีอยู่แล้ว โดยมีการเตรียมพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ.) กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทาเทคโนโลยี( ปอท.)และเจ้าหน้าที่กรมการค้าภายใน มาดำเนินการสอบสวนนายศรสุวีร์
ส่วนจะมีการเรียกผู้ที่ถูกพาดพิงอย่าง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์การเกษตร มาให้ข้อมูลหรือไม่นั้น พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า การจะเรียกได้ ต้องดูว่าเกี่ยวข้องแบบไหน ถูกกล่าวอ้างเพียงฝ่ายเดียวหรือไม่ ทุกอย่างต้องทำตามพยานหลักฐาน ส่วนการเข้าตรวจค้นทั้ง 6 จุด ขณะนี้ก็ยังกำลังตรวจค้นอยู่ หลังจากวันนี้ไปแล้วก็น่าจะมีความชัดเจนว่าจะสามารถดำเนินคดีกับนายสรสุวีร์ ในข้อหาใด หรือไม่ ยืนยันว่าหากการสอบสวนพบว่าเข้าองค์ประกอบความผิดตามกฎหมาย เราจะดำเนินคดีทั้งหมด ไม่มีข้ามอะไรทั้งนั้น
รายงานข่าวแจ้งว่าภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจพูดคุยกับนายศรสุวีย์ เบื้องต้นได้แจ้งข้อกล่าวหาในข้อหานำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ โดยหลังจากนี้จะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
"ร.อ.ธรรมนัส" ยันไม่รู้จัก
ด้าน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ได้ยืนยันว่า ตนไม่ได้รู้จักกับบุคคลผู้นี้ และไม่เคยไปเกี่ยวข้องกับธุรกิจของเขา ส่วนกรณีของนายพิตตินันท์ รักเอียด ซึ่งเป็นคณะทำงานตนเอง ส่วนตัวไม่ได้สอบถามนายพิตตินันท์โดยตรง ซึ่งนายพิตตินันท์เป็นอดีตผู้สมัครส.ส.สุราษฎร์ธานี เขต 6 ของพรรคพลังประชารัฐ และเรื่องนี้ได้เรียนไปถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม แล้ว
ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่าตอนที่สมัครเลือกตั้งได้รับรายงานว่า นายพิตตินันท์ มีคะแนนดี ก็อยากให้ทำงานการเมืองในพื้นที่ต่อไป และขอมาสมัครเป็นคณะทำงานโดยดูแลพื้นที่ เฉพาะ จ.สุราษฎร์ธานี ได้ให้ทีมงานสอบถามแล้วว่าไปรู้จักกับ นายศรสุวีร์ อย่างไร ปรากฏว่า ได้มีการนัดเจอกันที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน กทม. เบื้องต้นทราบว่า เป็นการเจรจาเพื่อเอาหน้ากากไปแจกชาวบ้านในพื้นที่เขตเลือกตั้งของเขา โดยยังไม่มีการซื้อขายหน้ากาก
"ได้แจ้งทีมงานแล้วว่า ให้นายพิตตินันท์ ไปร้องทุกข์กล่าวโทษกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ว่าตัวเองไม่ได้เกี่ยวข้องกับวงจรนี้ และเพื่อเอาผิดกับ นายนายศรสุวีร์ ที่สุราษฎร์ธานี ผมไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับกระบวนการการขายหน้ากาก และได้ประสานงานกับสถานีตำรวจหนองปรือ จ.ชลบุรี ว่าให้ดำเนินการตรวจสอบโดยเร็ว และหากมีการกักตุนหน้ากากจริง ผมจะนำไปทลายตรงนี้เอง นอกจากนี้ยังได้ตั้งคณะตรวจสอบพฤติกรรมของ นายพิตตินันท์ หากมีความผิดจริงจะไม่เอาไว้แน่นอน ใครก็ตามที่เป็นคณะทำงานผม หากไปเกี่ยวข้องกับวงจรอุบาทว์พวกนี้ จะดำเนินคดีขั้นเด็ดขาดให้ถึงที่สุดจะไม่เลี้ยงเลยคนพวกนี้" ร.อ.ธรรมนัสกล่าว
ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ส่วนตัวไม่ทราบว่ามีหน้ากากอนามัยถึง 200 ล้านชิ้น หรือไม่ หรือแค่โม้ แต่ได้ให้ตำรวจเข้าไปตรวจสอบและดำเนินคดีทันที แต่ส่วนตัวไม่เชื่อว่าจะมีหน้ากากจริง น่าจะเป็นคนที่อยากดังมากกว่า
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า
"ตนเข้ามาทำงานเพื่อบ้านเมือง ถ้าวันหนึ่งประชาชนไม่เอาเราแล้ว เราไม่มีประโยชน์ต่อบ้านเมืองแล้ว ไม่ต้องปรับครม. ตนยินดีจะไปทันที ตนไม่ได้มีอาชีพเป็นนักการเมือง" ร.อ.ธรรมนัส กล่าวในช่วงเย็นของวันเดียวกัน
ด้านพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม มีสีหน้าเคร่งเครียด และไม่ตอบคำถามผู้สื่อข่าว ที่ถามเรื่องผู้ติดตามร.อ.ธรรมนัส กักตุนหน้าหากอนามัย 200 ล้านชิ้น เพื่อนำขายนายทุนประเทศจีน
"พิตตินันท์"แจ้งความ"ศรสุวีร์"ผิดพรบ.คอมพ์
ที่ สภ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี นายพิตตินันท์ รักเอียด ผู้ติดตาม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ ได้เข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันต่อพนักงานสอบสวน สภ.ท่าชนะ ระบุว่า "ผู้แจ้งอยู่ในคณะทำงานของรมช.เกษตรและสหกรณ์ ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 20 ก.พ. 63 ได้นัดทานข้าวกับน้องกัญฯ พร้อมพวกที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ในกรุงทพฯ ต่อมา ได้มีบุคคล (ผู้โพสต์ในเฟซบุ๊ก ใช้ชื่อว่า ศรสุวีร์ ภู่รวีรรัศวัชรี) ได้มาที่ผู้แจ้ง และพวกนั่งอยู่ ซึ่งผู้แจ้งว่าไม่เคยรู้จักผู้ที่โพสต์เฟซบุ๊กมาก่อน และต่อมาผู้แจ้งได้ถ่ายภาพกับน้องกัญฯ และพวกโดยมีบุคคลดังกล่าว เข้ามาร่วมถ่ายภาพด้วย
ต่อมา ผู้แจ้งทราบว่าบุคคลผู้ใช้ชื่อโพสต์ ศรสุวีร์ ภู่รวีรรัศวัชรี ได้นำภาพถ่ายของผู้แจ้งไปโพสต์ในเฟซบุ๊ก ในวันที่ 20 ก.พ.63 เวลา 22.40 น. มีข้อความว่า "เพิ่งคุยธุรกิจหน้ากากอนามัย พี่น้องๆ ที่นี่อยากสั่งอะไรมาเดี๋ยวเราหาให้" จากการโพสต์ข้อความดังกล่าว อาจทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจคลาดเคลื่อนในข้อเท็จจริงได้ ผู้แจ้งจึงได้มาแจ้งลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป"
'สิระ'จี้'ธรรมนัส'แสดงสปิริตลาออก
นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ตนขอให้ ร.อ.ธรรมนัส แสดงสปิริตด้วยการลาออกจากตำแหน่ง รมช. เกษตรฯ เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความเคลือบแคลงสงสัยให้กับประชาชนที่กำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส โดยจะปล่อยให้เรื่องนี้จบไปโดยไม่ผิดชอบไม่ได้ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน กระทบใจประชาชนทั้งประเทศ รวมทั้งขอให้นายพิตตินันท์ ลาออกจากสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ หากยังไม่ลาออก ตนจะเสนอให้กรรมการบริหารพรรค ขับนายพิตตินันท์ ออกจากพรรค เพราะถือว่าทำให้ภาพลักษณ์ของพรรคเสียหายอย่างมาก
“จุรินทร์”สั่งจัดการตามกฎหมายขั้นเด็ดขาด
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงกรณีมีข่าวคนใกล้ชิดรัฐมนตรีเกี่ยวข้องกับการกักตุนหน้ากากอนามัยและจำหน่ายในราคาแพง ว่า ได้สั่งการให้กรมการค้าภายในเข้าไปตรวจสอบแล้ว เบื้องต้นยังไม่ทราบว่ามีการกักตุนที่ไหนอย่างไร แต่ถ้ามีเบาะแสที่ชัดเจนสามารถแจ้งมายังกรมการค้าภายในได้ เพราะที่ผ่านมา มีการร้องเรียนเข้ามามาก โดยเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปตรวจสอบและจับกุมเกือบทุกวัน และยืนยันว่าจะดำเนินการตามกฎหมายไม่มีข้อยกเว้น ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม
พณ.จ่อฟัน "เสี่ยบอย ศรสุวีร์"กักตุน 3 ข้อหา
นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ ได้ร่วมหารือกับ พ.ต.ต.ประทีป จันทร์เพชรบุรี สว.กก.บก.ปอท.(กองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมการกระทำความผิดทางเทคโนโลยี) เพื่อดำเนินการทางกฎหมาย ซึ่งจากการตรวจสอบความผิดที่เกิดขึ้น สามารถดำเนินการเอาผิดได้ใน 3 ข้อหาคือ 1.ความผิดฐานไม่แจ้งสต๊อก ต้นทุน ราคาจำหน่าย สถานที่เก็บและปริมาณคงเหลือ ตาม มาตรา 25 (5) มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับอีกวันละ 2,000 บาทจนกว่าจะแจ้ง 2.ความผิดตามมาตรา 29 จำหน่ายในราคาสูงเกินสมควรมีโทษหนักจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และ 3.ขายเกินราคาควบคุม มีความผิดตามมาตรา 25 (1) มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ร้องปลด รมว.พานิชย์- อธิบดีกรมการค้าภายใน
นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้ยื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้ตรวจสอบเพื่อมีข้อเสนอแนะต่ออธิบดีกรมการค้าภายใน และรมว.พาณิชย์ หรือนายกรัฐมนตรีและครม. ให้ปลดอธิบดีกรมการค้าภายใน และ รมว.พาณิชย์ ฐานไร้ประสิทธิภาพในการจำหน่ายจ่าย แจก หน้ากากอนามัยให้กับสถานพยาบาล ร้านค้า และประชาชนทั่วไป
ยอดผู้ป่วยคงที่-เตรียมนำเข้ายาไวรัส
ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข สรุปยอดผู้ป่วยโรคโควิด-19 ในไทยว่าตอนนี้คงที่ 50 คน แบ่งเป็นเสียชีวิต 1 ราย หายดีแล้ว 33 คน อีก 16 คน รักษาตัวอยู่โรงพยาบาลและมี 1 คนอาการหนัก ส่วนผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนว่าเสี่ยงเป็นโรคตอนนี้มี 4,518 คน หายดีแล้ว 2,729 คน อีก 1,789 คน รักษาตัวอยู่โรงพยาบาล แต่ทั้งหมดไม่ป่วยเป็นโรคโควิด-19 แน่นอน ทำให้เฉลี่ยแล้วจำนวนผู้ป่วยเสี่ยงเป็นโรคโควิด-19 ในไทย ทุกๆ 1,000 คน จะมีผู้ป่วยเป็นโรคนี้แค่ 1 คน
นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ บอกว่า ได้ซื้อยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่ชื่อ ฟาวิพิราเวียร์ที่จีนรับรองในการใช้รักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 เข้ามาเพิ่ม 40,000 เม็ด และจีนบริจาคมาให้อีก 2,000 เม็ด รวมกับของเดิมที่มี 5,000 เม็ด รวมแล้วทำให้ตอนนี้มียาชนิดนี้ 50,000 เม็ด ซึ่งจะรองรับผู้ป่วยได้ 1,000 คน และจะกระจายยาไปตามโรงพยาบาลต่าง ๆ โดยเฉพาะโรงพยาบาลที่มีความเสี่ยง ผู้ป่วยแต่ละคนตั้งแต่เริ่มป่วยจนหายจะต้องกินยานี้ประมาณ 50 เม็ด วันละ 4 เม็ด โรงพยาบาลเอกชนสามารถมาเบิกยาได้ อนาคตจะปรับตามสถานการณ์ หากผู้ป่วยมากขึ้นก็ต้องนำเข้ายาให้มากขึ้น
เผยมีผีน้องต้องดูเป็นพิเศษ 18 คน
ส่วนการติดตามอาการของแรงงานไทยผิดกฎหมายที่กลับมาจากเกาหลีใต้ นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จนถึงเมื่อคืนนี้เวลา 02.30น. มีแรงงานไทยที่กลับมาและถูกเจ้าหน้าที่ที่สนามบินกักตัวไว้ดูอาการรวม 186 คน ในจำนวนนี้มีอยู่ 8 คน ที่มาจากเมืองแทกูและคย็องซังเหนือ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่โรคแพร่ระบาดอย่างหนัก แต่มีอยู่ 18 คน ที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ เพราะมีโรคประจำตัว, เป็นเด็ก และสตรีมีครรภ์ ส่วนใหญ่ถูกนำตัวไปสังเกตอาการที่อาคารรับรองที่อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี