“จุรินทร์” ตอบปมตุนหน้ากากอนามัย เผยใครมีเอี่ยวเอาผิดทั้งหมด ไม่ไว้หน้า ลั่นไม่หวั่นหลัง “ศรีสุวรรณ” ยื่นหนังให้นายกฯ ปลดออก รมต. บอก ทำตามประชาธิปไตย ตรวจสอบได้ ลั่นตั้งใจทำงานเต็มที่
วันนี้ (10 มี.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการจับกุมนายบอย หรือนายศรสุวีร์ ว่ามี 3 ข้อหาที่กระทรวงพาณิชย์ต้องเข้าไปร่วมดำเนินการสอบสวน คือ 1. หากมีครอบครองหน้ากากอนามัยจำนวน 200 ล้านชิ้นจริง หรือจำนวนเท่าไหร่ก็ตามที่อยู่ในครอบครองตามที่กฎหมายกำหนดห้าม จะต้องแจ้งการครอบครอง หากไม่แจ้งจะต้องผิดกฎหมาย 2. การจำหน่ายเกินราคา 3. ค้ากำไรเกินควร
ทั้งนี้ ตนได้กำชับว่าจะต้องดำเนินการอย่างเคร่งครัด ไม่เห็นแก่หน้าใครทั้งสิ้น เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมาย เพราะเกี่ยวพันไปถึงเรื่องการส่งออก เพราะต้องขออนุญาตและขณะนี้ยังไม่มีนโยบายให้ส่งออกได้ ดังนั้น ถือเป็นการลักลอบส่งออก จึงถือเป็นเรื่องของเจ้าพนักงานที่เกี่ยวข้องต้องไปดำเนินการในอีกข้อหาหนึ่ง ขณะนี้ต้องเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ดำเนินการสอบสวนว่าของกลางถึง 200 ล้านชิ้นนั้นมีจริงหรือไม่ และของดังกล่าวขณะนี้อยู่ที่ไหน ตนได้สั่งการผ่านปลัดกระทรวงพาณิชย์ไปแล้วว่าให้ไปร่วมในทุกขั้นตอน โดยการดำเนินคดีจะต้องให้ถึงที่สุด ไม่ย่อหย่อน และสาวไปถึงใครก็ต้องดำเนินการ ตนกำชับไปชัดเจนแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ล่าสุดผู้กระทำผิดแอบอ้างว่าความใกล้ชิดกับคณะทำงานของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายจุรินทร์กล่าวว่า ตนยังไม่มีข้อมูล แต่ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม หากกระทำผิดกฎหมายก็ต้องดำเนินการ
เมื่อถามถึงกรณีที่นายศรีสุวรรณ จรรยา ยื่นหนังสือผ่านผู้ตรวจการแผ่นดิน ให้นายกรัฐมนตรีดำเนินการปรับนายจุรินทร์ออกจากตำแหน่งเนื่องจากบริหารงานบกพร่อง นายจุรินทร์กล่าวว่า ไม่เป็นไร เพราะเราเป็นนักการเมืองในระบอบประชาธิปไตย การตรวจสอบสามารถทำได้ หากกลไกไหนต้องการให้ชี้แจงตนก็ยินดี ในช่วงที่ผ่านมาตนตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะเรื่องการแก้ปัญหาหน้ากากอนามัย ร่วมมือทำงานกับกระทรวงสาธารณสุขมาโดยตลอด เพื่อจัดสรรให้เกิดความเพียงพอ และทางกระทรวงสาธารณสุขมีหน้าที่จัดสรรให้แก่โรงพยาบาลสถานพยาบาลทุกแห่ง
ในส่วนกระทรวงพาณิชย์จะจัดสรรไปยังร้านขายยาและร้านสะดวกซื้อ รวมถึงกลุ่มเสี่ยงอื่นที่เกี่ยวข้องทั่วประเทศ ถ้าในส่วนของสถานพยาบาลไม่เพียงพอก็ต้องปรับสัดส่วน โดยได้มีการประชุมร่วมกันทุกวันอยู่แล้ว อีกทั้งนโยบายของตนมีความชัดเจนว่าให้สถานพยาบาลแพทย์และผู้ป่วยก่อน ในขณะที่ประชาชนรัฐบาลได้ส่งเสริมให้ใช้หน้ากากผ้าหรือหน้ากากทางเลือก เพื่อให้เกิดความสะดวกเพราะสามารถซักใช้ใหม่ได้ เพื่อจะได้ไม่ต้องมาเบียดเบียนหน้ากากอนามัยสีเขียวที่ใช้ในทางการแพทย์
ทั้งนี้ ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ (10 มี.ค.) ตนจะเสนอ ครม.ของบฯ กลางเพื่อที่จะมาชดเชยการจัดสรรหน้ากากอนามัยให้สถานพยาบาล เนื่องจากราคาจากโรงงานผลิตขายเกินราคา 2 บาท จึงจะต้องนำมาชดเชยค่าส่วนต่างให้แก่โรงงาน