xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ควันหลงศึกซักฟอก รบ. กร่อยๆ “อดีต อนค.” ตอก “พท.” ล้มมวย คงถึงเวลา “นายใหญ่” ต้องเลือก กับก้าวต่อไปของ“ค่ายสีส้ม” แค่แบรนด์ใหม่ หรือคิดใหม่ด้วย

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เคลียร์ใจ-“เสี่ยเอก” ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เป็นเจ้ามือเลี้ยงหัวหน้าและแกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้าน 6 พรรค เพื่อขอบคุณการสนับสนุนและการทำงานร่วมกันที่ร้าน @13 wine dine ซอยทองหล่อ 13 เมื่อค่ำคืนวันที่ 4 มี.ค.ที่ผ่านมา
ป้อมพระสุเมรุ

ควันหลงศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ

ดูเหมือนฟากฝั่ง “ฝ่ายค้าน” ที่ควรเป็นฝ่ายปูพรมถล่มรัฐบาล กลับต้องติดหล่ม “อาฟเตอร์ช๊อก” ไล่เช็คบิลกันเองไม่จบไม่สิ้น หลัง “อดีตพรรคอนาคตใหม่” ติดบอมบ์ลูกเบ้อเริ่มใส่แกนหลักฝ่ายค้านอย่าง “พรรคเพื่อไทย” ว่า อาจมีนอกมีในจนเผาเวลาของฝ่ายค้านหมด

ปล่อยให้ “งานกร่อย” แถมเป้าหมายสำคัญ อย่าง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หรือ “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ก็ผ่านศึกซักฟอกหนแรกในชีวิต ไปแบบไร้ริ้วรอย แทบไม่ถูกอภิปรายเลยด้วยซ้ำ

ครั้นจะอ้าง “ความใจแคบ” ของฝ่ายรัฐบาลที่ยึดตามข้อตกลงร่วมกันว่าจะจบการอภิปรายไม่เกิน 19.00 น. ของวันที่ 27 ก.พ. และไม่ยอมขยายเวลาอภิปรายต่อ ก็อ้างได้ไม่เต็มปาก ด้วย “ข้อเท็จจริง” เป็นทางพรรคเพื่อไทยที่ “เผาเวลา” จนไม่เหลือเอง และทำให้ ส.ส.อดีตพรรคอนาคตใหม่ ต้องเสียสิทธิ์ในการขึ้นอภิปรายไม่ต่ำกว่า 4 คน

ที่สุดฝ่ายค้านก็เลยต้อง “ปิ้งปลาประชดแมว” ด้วยการ “วอล์กเอาท์” ยอมเสียสิทธิ์ไม่อภิปรายสรุปในวันสุดท้ายของการอภิปราย ตามที่ข้อบังคับการประชุมเปิดโอกาสให้

ส่งผลให้อดีตพรรคอนาคตใหม่ ต้องขนข้อมูลที่เตรียมไว้ลงมา “อภิปรายนอกสภา” โดยใช้พื้นที่ “ใต้ถุนสภา” แทน

อดีต อนค.” ฟาด “เพื่อไทย” ไม่ไว้หน้า
ก่อนจะมีการแถลงข่าว นำโดย “เสี่ยทิม” พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะผู้นำพรรคคนใหม่ ที่ตำหนิการทำหน้าที่ของคณะกรรมการประสานงาน (วิป) พรรคร่วมฝ่ายค้าน อย่างรุนแรง โดยระบุว่า ตลอด 4 วันของการอภิปราย ได้รักษากรอบเวลาอย่างเต็มที่ แต่กลับถูกปิดกั้น

“ตลอดการอภิปรายเข้าใจว่าพรรคฝ่ายค้านมีการตกลงเรื่องกรอบเวลากับวิปพรรคร่วมรัฐบาลว่าจะเลิกประชุมในเวลา 19.00 น. แต่มีการบีบเวลาของพวกเราโดยพรรคฝ่ายค้าน พรรคเพื่อไทยไม่รักษากติกา ไม่รักษาวินัยทำให้พวกเราไม่มีโอกาสอภิปราย ทั้งที่ต้องเคารพเวลาของเพื่อนสมาชิก การรบกวนเวลาทำให้ ส.ส.อดีตพรรคอนาคตใหม่เสียโอกาส ผมไม่อยากคิดว่ามีเงื่อนงำ มีการเจรจากับฝ่ายค้านบางพรรค มีการวิ่งเต้นเอาชื่อพล.อ.ประวิตรมาไว้ท้ายสุด”

คือซุ่มเสียงความไม่พอใจของ “ทนายบิลลี่” จิรวัฒน์ อรัณยกานนท์ ส.ส.กทม. อดีตพรรคอนาคตใหม่ ที่หวดตรงๆ ไปที่พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็น “ผู้คุมเกม”

ซ้ำอีกดอกด้วย “หนุ่มกาย” ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ รองโฆษกอดีตพรรคอนาคตใหม่ ที่บอกว่า “เรื่องนี้เหมือนมวยล้ม พรรคเพื่อไทยใช้เวลาในการอภิปรายเกินเวลาที่ได้รับการจัดสรร และขอตั้งข้อสังเกตว่าทำไมพรรคเพื่อไทยไม่ยอมอภิปรายรัฐมนตรีบางคน เรื่องนี้ก็ขอให้ประชาชนไปตัดสินใจเอง”

ถัดมาอีกวัน ที่มีการลงมติไว้วางใจหรือไม่ ของสภาฯ ก็ยัง “ผิดคิว” กันอีก เมื่ออดีตพรรคอนาคตใหม่ยืนกรานว่าจะเข้าร่วมการประชุม เพื่อลงมติ “ไม่ไว้วางใจ” แต่ทางพรรคเพื่อไทย กลับสั่งห้าม ส.ส.ในสังกัดเข้าร่วมการประชุม และไม่ต้องร่วมโหวต

จนมีการปั่นกระแส #กูสั่งให้มึงเข้าสภา ขึ้นเป็นเทรนด์อันดับหนึ่งในทวิตเตอร์ เพียงชั่วข้ามคืน

เป็นแฮชแทกที่กระทุ้งไปตอกหน้า “ค่ายเพื่อไทย” แบบไม่อ้อมค้อม

ไม่จบเท่านั้น “จารย์ป๊อก” ปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ก็โพสต์ข้อความเดือดๆผ่านทวิตเตอร์ของตัวเองว่า “ส.ส.มีเวลาอภิปรายตามที่กำหนด เกินมา 5-10 นาที ก็ยังพอเข้าใจได้ แต่เกินมา 1-2 ชั่วโมง ถือว่าเสียมารยาท ไม่เคารพ ส.ส.คนอื่นที่รออภิปรายอยู่ ส.ส.ทุกคนมีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกัน ไม่ใช่เห็นว่าเป็น ส.ส.หน้าใหม่ จะทำอะไรก็ได้ เราเหลืออีก 4 คน 210 นาที แต่โดนขโมยเวลาไปจนเหลือ 20 นาที พวกเราเตรียมข้อมูลการอภิปรายกันอย่างหนัก ใช้เวลาหลายเดือน ส.ส.หน้าใหม่มีความตั้งใจ สังเคราะห์ข้อมูล เชื่อมโยง ซ้อมอภิปราย ทีมงานเบื้องหลังช่วยค้นคว้า ทำสไลด์ แผนภาพให้คนเข้าใจง่าย แต่เจอ ส.ส.บางคนอภิปรายกินเวลาไปเยอะ ไม่เคารพคนอื่น ไม่ทำตามข้อตกลง จนหมดโอกาสอภิปรายในสภา”

กลายเป็น “เกาเหลาชามโต” กันภายในพรรคร่วมฝ่ายค้าน

แน่นอน “คนเสียมารยาท” ที่ “ปิยบตร” หมายถึงก็ไม่พ้น “ผู้แทนหนวดงาม” ศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ ที่ขึ้นอภิปรายในวันสุดท้าย จากเดิมได้รับการจัดสรรเวลาอภิปราย 2 ชั่วโมง แต่ปรากฎว่าใช้เวลาอภิปรายไปถึง 3 ชั่วโมงกว่า จนทำให้เวลาที่ได้รับจัดสรรมาของพรรคร่วมฝ่ายค้านเกิดปัญหา

ทีมเฉลิม” ชกไม่สมศักดิ์ศรี??
ทว่า เอาเข้าจริงฝ่ายค้านส่อแววเหลวตั้งแต่วันแรกแล้ว เมื่อตัวทีเด็ดอย่าง “เดอะโจ้” ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม เล่นผิดฟอร์มราวกับโดนของ จนแฟนคลับยังโทรมาโห่กับบ ส.ส.ร่วมพรรคแทบสายไหม้ว่า มี “อะไรๆ” อย่างที่ข่าวเขาว่าหรือเปล่า


เพราะก่อนอภิปรายไม่ไว้วางใจ พรรคเพื่อไทย ตั้ง คณะกรรมการกิจการพิเศษ ที่มี “สารวัตรเหลิม” ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เจ้าของตำแหน่งดาวสภาตลอดกาล เป็นประธาน

โดย “เฮียเหลิม” สบช่องที่ “หญิงหน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ไม่ได้โดดเด่นเรื่องงานสภาฯ ก็เลยไปเสนอตัวกับ “คนแดนไกล” ขอรับเป็นโต้โผถล่มรัฐบาล จนได้ตราตั้งผ่านภาพถ่ายร่วม “ชนไวน์” กันชื่นมื่น ก่อนมาตั้งทีมงานรับหน้าเสื่อศึกซักฟอกหนนี้เต็มตัว

จากนั้นทีมกิจการพิเศษก็หมั่นตีฆ้องร้องเปล่า โหมโรงอย่างหนัก ถึง “ยุทธการอรุณรุ่ง” ที่จะน็อก “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และชาวคณะ กลางสภา

มีการแถลงข่าวปั่นกระแสอย่างต่อเนื่อง จนถูกมองว่า “กางข้อสอบ” ให้ฝ่ายตรงข้ามไม่เว้นสัปดาห์ แบบที่ “เซียนการเมือง” เกาหัว “อิหยังวะ” เพราะตามปกติไม่มีฝ่ายค้านที่ไหนมาเฉลยการบ้านกันแบบนี้

ถึงวันจริงก็เป็นอย่างที่ “เขาว่า” จริงๆ เมื่อ “เสี่ยโจ้-ยุทธพงศ์” อภิปรายราวกับ “แผ่นเสียงตกร่อง” มีแต่เรื่องที่เคยแถลงข่าวไปแล้วทั้งนั้น แถม “บางเรื่อง” ที่เปิดหัวไว้กลับหายไปจากสคริปต์อีกต่างหาก

เรียกว่า “ชกไม่สมศักดิ์ศรี” ถ้าเป็นมวยไทยคงโดนไล่ลงตั้งแต่ยกแรกไปแล้ว

ถึงเวลาเลือก “หน่อย” หรือ “เหลิม”
ซึ่งพรรคเพื่อไทยเอง ก็ไม่ได้เตรียม “แผนสำรอง” ด้วยวางใจว่า “ทีมกิจการพิเศษ” อุบทีเด็ดเอาไว้ ด้วยการคุยเขื่องว่า “ส.ส.โจ้ คนเดียวก็ยิงบิ๊กตู่ร่วงแล้ว คนอื่นไม่ต้องซ้ำศพให้เปลืองกระสุน”

เมื่อไม่เป็นอย่างที่คาด ก็ร้อนถึง “คนแดนไกล” ที่เกาะขอบจออยู่ ก็ได้ “กลิ่นไม่ดี” ต่อสายสั่งทีมยุทธศาสตร์พรรคของ “เจ๊หน่อย” เข้าไปกู้สถานการณ์ด่วน ก่อนปะผุถูไถประคองผ่านวันที่ 2-3 ไปได้

มาเสียขบวนอีกรอบ ก็คิวของ “ศรัณย์วุฒิ” ที่ขึ้นแล้วลงไม่เป็น เน้นลีลามากกว่าเนื้อหา เผาเวลาจนมีปัญหากับพรรคร่วมฝ่ายค้านด้วย

เสร็จศึกแล้ว แต่ก็ยังคาใจกันไม่จบ ประชุมพรรคเพื่อไทยเมื่อวันที่ 3 มี.ค.ที่ผ่านมา ก็เลยซัดกันนัวเนียในที่ประชุม ส.ส.น้อยใหญ่ ลุกขึ้นตำหนิการทำงานของพรรคอย่างดุเดือดเลือดพล่าน

ส.ส.บางคนยิงคำถามเสียงดังว่า “มีงาน” อย่างที่เขาว่ากันจริงหรือเปล่า

หัวโต๊ะอย่าง “เฮียพงษ์” สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรค และผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ก็ได้แต่ยืนกรานว่า ไม่มีเกี้ยเซียะกับรัฐบาลอย่างใดๆทั้งสิ้น แต่ก็ก้มหน้ายอมรับว่า ศึกซักฟอกที่ผ่านมา “ห่วยแตก” กันจริงๆ

มองเป็นอื่นไม่ได้นอกเหนือจาก “ความไม่เป็นเอกภาพ” ภายในพรรคเพื่อไทยเอง ที่ไม่รู้จะฟังใครกันแน่ ระหว่าง คณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค ของ “เจ๊หน่อย” กับ คณะกรรมการกิจการพิเศษ ของ “สารวัตรเหลิม”

จนงานนี้เสียหายไปถึงขนาดว่า “คนแดนไกล” ว่าเป็น “พญางูเห่าดูไบ” มีซูเปอร์ดีลกับ “บิ๊กทหาร” เลยเหมือนอย่างที่ “เสี่ยอ่าง” ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เคยโพล่งออกมาด้วยซ้ำ

“อดีตนายกฯ หนีคุก” เจ้าของพรรคเพื่อไทยตัวจริง จะหมอบหรือจะสู้ต่อ หากคิดจะสู้ต่อ คงต้องเลือกซักทางว่าจะเอา “ทีมหน่อย” หรือ “ทีมเหลิม” ที่จะคอยมาแบ็คอัพ “เฮียสมพงษ์” หัวหน้าพรรค กันแน่

ขืนกั๊กๆ มีหวังเจ๊งหนักกว่าเดิม ไม่เท่านั้นยังอาจเสียการนำฝ่ายค้าน หรือแนวร่วมประชาธิปไตย ไปให้เด็กรุ่นหลังอย่าง “อดีตพรรคอนาคตใหม่” ที่โกยแต้มจากศึกซักฟอกเป็นกระบุง

เพราะแม้ “ค่ายสีส้ม” ยังคงเมาหมัดจากกรณีถูกยุบพรรค แต่ก็ยังกัดฟันทำหน้าที่ได้ดีกว่า “ค่ายดูไบ” ในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา

จับตา “อดีต อนค.” ภายใต้แบรนด์ใหม่
ตัดภาพไปที่งานเลี้ยงที่ร้าน @13 wine dine ซอยทองหล่อ 13 เมื่อค่ำคืนวันที่ 4 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่ง “เสี่ยเอก” ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ขอเป็นเจ้ามือเลี้ยงหัวหน้าและแกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้าน 6 พรรค เพื่อขอบคุณการสนับสนุนและการทำงานร่วมกันที่ผ่านมา

นอกเหนือจากการ “เคลียร์ใจ” ระหว่างกัน หลังมีร่องรอยขบเหลี่ยมกันอย่างหนักจากศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้ว

ซีนสำคัญคงเป็นการส่งไม้ต่ออย่างเป็นทางการ จาก “เสี่ยเอก- ธนาธร” ไปยัง “เสี่ยทิม-พิธา” ที่จะเป็นผู้นำพรรคคนใหม่ โดยมีการฝากฝังให้ผู้อาวุโสอย่างหัวหน้าและแกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้าน ช่วยประคับประคองดูแล “คนอนาคตใหม่” ที่ได้ไปต่อ

โดยวันเดียวกันนั้น ก่อนมาร่วมงานเลี้ยง “เสี่ยทิม” ก็ได้โพสต์เฟซบุ๊กประกาศว่า “วันที่ 8 มี.ค. ส.ส.อดีตพรรคอนาคตใหม่ 55 คน จะประชุมเพื่อกำหนดทิศทางและแผนการดำเนินงานในอนาคต และประกาศชื่อพรรคการเมืองใหม่ที่จะย้ายไปสังกัด จากนั้นจะสมัครเป็นสมาชิกพรรคและจัดการประชุมวิสามัญต่อไป”

มีรายงานจากวงหารือภายหลังการประชุมของ ส.ส. และอดีต ส.ส. ของอดีตพรรคอนาคตใหม่ ในงานสัมมนาที่ จ.นครนายก เมื่อวันที่ 28 ก.พ. -1 มี.ค.ที่ผ่านมา ได้ข้อสรุปเบื้องต้นถึงชื่อพรรคใหม่ จำนวน 3 ชื่อ ประกอบด้วย “ก้าวไกล- ไทยเท่าเทียม - อนาคตไทย”

โดยชื่อที่มาแรงและรับการสนับสนุนจาก ส.ส.มากที่สุดคือ “พรรคก้าวไกล”

สำคัญกว่านั้น วงสัมมนาของ “ค่ายสีส้ม” ยังได้มีการสรุปบทเรียนที่ผ่านมาๆของพรรค ประเมินข้อดี-ข้อเสียกันอย่างรอบด้าน โดยมีการเสนอให้เน้นการทำงานในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งที่ผ่านมาถือว่า “คนอนาคตใหม่” ทำได้ดี

และให้ “ลดโทน” การเมือง “บางเรื่อง” ลงด้วย

ก็ต้องจับตาว่าก้าวใหม่ คิดใหม่ๆ ของ “อดีตคนอนาคตใหม่” จะก้าวไกลกว่าเดิมหรือป่าว

เพราะหากแค่เปลี่ยนแบรนด์ แนวทางเดิม ก็เดาตอนจบไม่ยาก.


กำลังโหลดความคิดเห็น