“ก.คมนาคม” ชงเพิ่มงบ 4,000 ล้าน รื้อย้ายสาธารณูปโภครถไฟเชื่อม 3 สนามบิน เข้า ครม.เศรษฐกิจ 6 มี.ค.นี้ เผยต้องเวนคืนพื้นที่เพิ่มอีก 3 จุด ช่วงข้ามแม่น้ำบางปะกง-อุโมงค์เขาชีจรรย์-ทางเข้าสนามบินอู่ตะเภา เพิ่มความกว้างจาก 25 ม. เป็น 40 ม.เพื่อวางเครื่องจักร
วานนี้ (4 มี.ค.) นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะทำงานเร่งรัดการส่งมอบพื้นที่และการรื้อย้ายสาธารณูปโภค โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน"ดอนเมือง - สุวรรณภูมิ–อู่ตะเภา" ระยะทาง 220 กม. วงเงิน 224,544 ล้านบาท ครั้งที่ 2/2563 (ครั้งที่4) วานนี้ ( 4 มี.ค.)ว่า ที่ประชุมได้ติดตามความคืบหน้าในการส่งมอบพื้นที่ของแต่ละหน่วยงาน รวมถึงการเวนคืนที่ดินเพิ่ม พื้นที่ส่วนที่มีผู้บุกรุกและพื้นที่ติดสัญญาเช่า ส่วนของดำเนินการรื้อย้ายสาธารณูปโภคของ 7 หน่วยงาน ซึ่งประเมินว่า จะต้องใช้กรอบวงเงินประมาณ 4,000 กว่าล้านบาท โดยจะนำเสนอต่อที่ประชุมครม.เศรษฐกิจพิจารณา ในวันที่ 6 มี.ค.นี้ และนำเสนอครม.ต่อไป
ส่วนค่าใช้จ่ายในการรื้อย้าย สาธารณูปโภค เร่งด่วน 490 ล้านบาท ที่มีการเห็นชอบไปแล้วนั้น ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ส่งเรื่องไปยังสำนักงบประมาณแล้ว
นอกจากนี้ได้เสนอการเวนคืนเพิ่ม เนื่องจากบางจุดซึ่งไม่ได้อยู่ในแนวเส้นทางรถไฟเดิม อาจต้องใช้พื้นที่กว้างจาก 25 เมตร เป็น 40 เมตร เพื่อใช้สำหรับการวางเครื่องจักร เครื่องมือในการก่อสร้าง ซึ่งเป็นเรื่องวิศวกรรม หากไม่มีพื้นที่จะก่อสร้างไม่ได้ โดยมี 3 ช่วง คือ ช่วงสะพานข้ามแม่น้ำบางปะกง และช่วงอุโมงค์เขาชีจรรย์ และช่วงเข้าสนามบินอู่ตะเภา โดยได้ให้บริษัทที่ปรึกษา การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) ตรวจสอบความเหมาะสมและจำเป็น เพื่อหาข้อสรุปนำเสนอที่ประชุมพิจารณาในครั้งต่อไป
ทั้งนี้ การเวนคืนเพิ่ม ไม่ได้มีการเปลี่ยนรูปแบบก่อสร้างแต่พื้นที่เดิมที่กำหนดเวนคืน แคบไป ทำให้ไม่สามารถวางเครื่องจักรได้ ซึ่งต้องพิสูจน์ให้ได้ว่ามีความจำเป็นที่ต้องเวนคืนเพิ่ม
นอกจากนี้ได้เห็นชอบแนวทางการดำเนินงานที่ บริษัท รถไฟความเร็วสูงสายตะวันออกเชื่อมสามสนามบิน จำกัด และ บริษัท ท่อส่งปิโตรเลียมไทย จำกัด (Thappline) ออกแบบโครงสร้างพิเศษหลบท่อน้ำมัน และเห็นชอบแนวทางการดำเนินงานและกรอบระยะเวลาของ บริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด (FPT)ในการรื้อย้ายท่อน้ำมันไปทางทิศตะวันตกของเขตทางรถไฟ โดย FPTขอให้ รฟท. ช่วยกำหนดจุดแนวการวางท่อช่วงบางซื่อ และประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด แผนการดำเนินงานเตรียมการรื้อย้ายสาธารณูปโภค โดยให้ทำ EIA เพิ่มเติมด้วย และเห็นชอบแนวเส้นทางเข้าออกสนามบินสุวรรณภูมิ ตามข้อเสนอของบริษัทรถไฟความเร็วสูงฯ และให้บริษัทรถไฟความเร็วสูงฯ พิจารณาเหตุผลความจำเป็นตามหลักวิศวกรรมและการรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อสร้างทาง และสิ่งจำเป็นตามโครงการฯ โดยละเอียด ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 16 มี.ค.63 เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนการเวนคืนต่อไป
เห็นชอบแผนการดำเนินการรื้อย้ายสาธารณูปโภคของค่ายลูกเสือวชิรวุธ โดยให้กฟภ. เป็นผู้ดำเนินงานแทน ให้รับมอบอำนาจในการปรับปรุงและรื้อย้ายเสาไฟฟ้าแรงสูง และสายไฟ แผนการรื้อย้ายสาธารณูปโภคของกิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ จำนวน 10 จุด ทั้งนี้ หากมีรายละเอียดเพิ่มเติมให้ตรวจสอบและรายงานคณะกรรมการทราบอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ในการวางไทม์ไลน์ในการส่งมอบพื้นที่ทั้งหมดซึ่งยังมั่นใจว่าจะสามารถส่งมอบพื้นที่ได้ทันตามกรอบเวลาที่วางไว้
วานนี้ (4 มี.ค.) นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะทำงานเร่งรัดการส่งมอบพื้นที่และการรื้อย้ายสาธารณูปโภค โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน"ดอนเมือง - สุวรรณภูมิ–อู่ตะเภา" ระยะทาง 220 กม. วงเงิน 224,544 ล้านบาท ครั้งที่ 2/2563 (ครั้งที่4) วานนี้ ( 4 มี.ค.)ว่า ที่ประชุมได้ติดตามความคืบหน้าในการส่งมอบพื้นที่ของแต่ละหน่วยงาน รวมถึงการเวนคืนที่ดินเพิ่ม พื้นที่ส่วนที่มีผู้บุกรุกและพื้นที่ติดสัญญาเช่า ส่วนของดำเนินการรื้อย้ายสาธารณูปโภคของ 7 หน่วยงาน ซึ่งประเมินว่า จะต้องใช้กรอบวงเงินประมาณ 4,000 กว่าล้านบาท โดยจะนำเสนอต่อที่ประชุมครม.เศรษฐกิจพิจารณา ในวันที่ 6 มี.ค.นี้ และนำเสนอครม.ต่อไป
ส่วนค่าใช้จ่ายในการรื้อย้าย สาธารณูปโภค เร่งด่วน 490 ล้านบาท ที่มีการเห็นชอบไปแล้วนั้น ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ส่งเรื่องไปยังสำนักงบประมาณแล้ว
นอกจากนี้ได้เสนอการเวนคืนเพิ่ม เนื่องจากบางจุดซึ่งไม่ได้อยู่ในแนวเส้นทางรถไฟเดิม อาจต้องใช้พื้นที่กว้างจาก 25 เมตร เป็น 40 เมตร เพื่อใช้สำหรับการวางเครื่องจักร เครื่องมือในการก่อสร้าง ซึ่งเป็นเรื่องวิศวกรรม หากไม่มีพื้นที่จะก่อสร้างไม่ได้ โดยมี 3 ช่วง คือ ช่วงสะพานข้ามแม่น้ำบางปะกง และช่วงอุโมงค์เขาชีจรรย์ และช่วงเข้าสนามบินอู่ตะเภา โดยได้ให้บริษัทที่ปรึกษา การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) ตรวจสอบความเหมาะสมและจำเป็น เพื่อหาข้อสรุปนำเสนอที่ประชุมพิจารณาในครั้งต่อไป
ทั้งนี้ การเวนคืนเพิ่ม ไม่ได้มีการเปลี่ยนรูปแบบก่อสร้างแต่พื้นที่เดิมที่กำหนดเวนคืน แคบไป ทำให้ไม่สามารถวางเครื่องจักรได้ ซึ่งต้องพิสูจน์ให้ได้ว่ามีความจำเป็นที่ต้องเวนคืนเพิ่ม
นอกจากนี้ได้เห็นชอบแนวทางการดำเนินงานที่ บริษัท รถไฟความเร็วสูงสายตะวันออกเชื่อมสามสนามบิน จำกัด และ บริษัท ท่อส่งปิโตรเลียมไทย จำกัด (Thappline) ออกแบบโครงสร้างพิเศษหลบท่อน้ำมัน และเห็นชอบแนวทางการดำเนินงานและกรอบระยะเวลาของ บริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด (FPT)ในการรื้อย้ายท่อน้ำมันไปทางทิศตะวันตกของเขตทางรถไฟ โดย FPTขอให้ รฟท. ช่วยกำหนดจุดแนวการวางท่อช่วงบางซื่อ และประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด แผนการดำเนินงานเตรียมการรื้อย้ายสาธารณูปโภค โดยให้ทำ EIA เพิ่มเติมด้วย และเห็นชอบแนวเส้นทางเข้าออกสนามบินสุวรรณภูมิ ตามข้อเสนอของบริษัทรถไฟความเร็วสูงฯ และให้บริษัทรถไฟความเร็วสูงฯ พิจารณาเหตุผลความจำเป็นตามหลักวิศวกรรมและการรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อสร้างทาง และสิ่งจำเป็นตามโครงการฯ โดยละเอียด ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 16 มี.ค.63 เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนการเวนคืนต่อไป
เห็นชอบแผนการดำเนินการรื้อย้ายสาธารณูปโภคของค่ายลูกเสือวชิรวุธ โดยให้กฟภ. เป็นผู้ดำเนินงานแทน ให้รับมอบอำนาจในการปรับปรุงและรื้อย้ายเสาไฟฟ้าแรงสูง และสายไฟ แผนการรื้อย้ายสาธารณูปโภคของกิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ จำนวน 10 จุด ทั้งนี้ หากมีรายละเอียดเพิ่มเติมให้ตรวจสอบและรายงานคณะกรรมการทราบอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ในการวางไทม์ไลน์ในการส่งมอบพื้นที่ทั้งหมดซึ่งยังมั่นใจว่าจะสามารถส่งมอบพื้นที่ได้ทันตามกรอบเวลาที่วางไว้