"โสภณ องค์การณ์"
มหกรรมดวลน้ำลายระหว่างรัฐบาลและฝ่ายค้านยืดเยื้อ 4 วัน จบลงแล้ว ได้เนื้อหาสาระมากน้อยเท่าไหร่ขึ้นอยู่กับการรับฟังและประเด็น เป้าหมายหลักของฝ่ายค้าน มี คณะ 3 ลุงและอีก 2 คนสำคัญ แต่ที่ถูกเล่นงานอย่างหนักก็คือ ท่านลุงมินิฮาร์ท
และก็เป็นลุงมินิฮาร์ทนี่แหละที่พิสูจน์ให้พวกติ่งและกองเชียร์ได้ชื่นชมว่าสามารถควบคุมอารมณ์ได้ตลอดรอดฝั่ง แม้จะเผชิญกับลีลาท้าทายชวนให้ปรอทแตกโดยฝ่ายค้าน ลุงมินิฮาร์ทไม่พึ่งองครักษ์หรือตัวช่วยที่พวกวิปวางกำลังไว้
ฝ่ายค้านไม่มีหัวกะทิเด็ดเจนเวที ประเภทเขี้ยวลากดิน เกล็ดแตกลายงา เพราะกติกาการเลือกตั้งภายใต้รัฐธรรมฉบับพิสดารลุงสั่งมา ทำให้สมุนท่านเหลี่ยมถูกกวาดตกเวทีไปหมด เหลือเพียงระดับเกรด “บีลบ” และ “ซีบวก” ติดสภาเท่านั้น
แต่ก็ได้เห็น ส.ส. รุ่นใหม่ มีความรู้ อภิปรายด้วยเนื้อหาสาระ โดยเฉพาะในประเด็นปัญหาเศรษฐกิจ ระบบต่างๆ ที่ได้สร้างปัญหาความเหลื่อมล้ำด้านรายได้ หนี้สินต่างๆ และระบบซึ่งเป็นผลพวงของนโยบายที่ทำให้โครงสร้างมีปัญหามาก
และก็เรื่องวิกฤตเศรษฐกิจที่ประเทศไทยเผชิญอยู่จนเป็นสภาวะเรื้อรัง แก้ไขยากนี่แหละที่ทำให้การอธิบายของฝ่ายรัฐบาลขาดความน่าเชื่อถือ เมื่อผลงานที่ทำมาได้ทำให้คนระดับล่างถึงระดับกลางต้องลำบาก เหลือแต่กลุ่มมั่งคั่งส่วนบนยอด
และชาวบ้านก็ได้เห็นบทบาทของนักประท้วงที่คัดสรรแล้ว มีทั้งมีเหตุผลและน้ำเน่าซ้ำซาก รวมทั้งดาวเร่งทำแต้มเพื่อให้เข้าตาวิปรัฐบาล จะได้รับการตอบแทนเป็นอะไรนั้น ก็แล้วแต่ข้อตกลงกัน ชาวบ้านไม่ได้มีส่วนเสีย ส่วนได้อะไร
มีข้อกล่าวหาหลายประการ แต่คำตอบตรงเป้าบ้าง ไม่ตรงบ้าง หรือกล้อมๆ แกล้มๆ เอาตัวรอดไปได้ อาศัยเงื่อนไขเวลาและลีลาว่าน่าเบื่อหน่ายหรือน่าประทับใจหรือไม่ หลายเรื่องฝ่ายค้านมีเอกสารหลักฐานประกอบแน่นหนา คงทำอะไรไม่ได้
ฝ่ายรัฐบาลมีเสียงข้างมาก ย่อมต้องมีเสียงโหวตเพียงพอ เกินระดับปริ่มน้ำ ยิ่งมีพวกย้ายค่ายเซ็งลี้ความจงรักภักดีจากพวกค่ายแตกด้วยแล้ว ไม่มีปัญหา อยู่ต่อไปได้ ถ้าไม่มีสถานการณ์อื่นๆ พลิกผัน เพราะฝ่ายค้านไม่เคยล้มรัฐบาลในสภาได้
ลุงมินิฮาร์ทก็เอาตัวรอดไปได้โดยลีลาเดิม ตอบบ้างไม่ตอบบ้าง ไม่ลงลึกในเนื้อหารายละเอียด โอนถ่ายอำนาจให้รัฐมนตรีคนอื่นช่วยตอบ ลดแรงปะทะ
แต่ก็เป็นครั้งแรกที่ฝ่ายค้านได้โอกาสชำแหละผลงานของคณะ 3 ลุงหลังจากการกุมอำนาจรัฐกว่า 5 ปี ทำให้บ้านเมืองอยู่ในสภาพดังเช่นปัจจุบัน จะดีหรือร้ายทุกคนก็รู้ดีอยู่แก่ใจ ร่ำรวยหรือยากจนลง ขึ้นอยู่กับว่าตัวเองมีอาชีพมั่นคงหรือไม่
การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ ฝ่ายค้านไม่ได้หวังว่าจะเอาชนะในการลงคะแนน แต่หวังจะได้ฝากแผลทิ้งไว้ให้รัฐบาล โดยเฉพาะคณะ 3 ลุง ซึ่งคุ้นอยู่กับอำนาจเบ็ดเสร็จ ไม่มีใครกล้าท้าทายอำนาจจากการรัฐประหาร ยังมีกองทัพหนุน
แต่การเปิดแผลโดยฝ่ายค้านในประเด็นความไม่ชอบมาพากลในนโยบาย การเอื้อประโยชน์ให้พวกพ้อง การทุจริตซึ่งยังเฟื่องฟูผ่านโครงการต่างๆ อวยให้ทุนใหญ่และเจ้าสัว ความพิสดารในนโยบาย พฤติกรรมต่างๆ หลังจากเสียงร่ำลือซุบซิบกัน
สำหรับชาวบ้านที่ไม่คุ้นเคยกับเรื่องราวอันไม่ชอบมาพากลในรัฐบาล การจัดซื้อจัดจ้าง ท่าทีของผู้เกี่ยวข้อง ถือว่าเป็นข้อมูลน่าสงสัย การแสดงชาร์ต เอกสารต่างๆ ที่นำมาเสนอ เห็นได้ว่าไม่ใช่เอกสารปลอม จะสมบูรณ์หรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่อง
เอาเป็นว่าหลังจากการอภิปรายแล้ว ภาพลักษณ์ของทั้ง 5 เป้าหมายของศึกน้ำลายไม่เหมือนเดิม กลิ่นไม่หอมฟุ้ง สดใส จะกะดำกะด่างมีแผลเล็กใหญ่เพียงใด ก็ขึ้นอยู่กับประเมินโดยชาวบ้าน ถ้าเป็นพวกติ่งลุงมินิฮาร์ท ก็คงชื่นชม
ถ้าจะยอมรับสภาพว่า การเมืองน้ำเน่าแบบบ้านเราไม่มีใครจะมีกลิ่นสะอาด เพราะจะต้องพัวพันกับเรื่องหรือบุคคลทั้งในและนอกรัฐบาล ในสังคมการเมืองซึ่งไม่ใช่เขตปลอดการทุจริต 100 เปอร์เซ็นต์ คนดีเข้าได้ยาก ก็ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา
ความน่ารำคาญ และเป็นเรื่องปกติในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ คือการประท้วงโดยนักสร้างราคา หาจุดเด่นเพื่อให้เข้าตาผู้มีอำนาจ ครั้งนี้มีไม่น้อย ทั้งประเภทน้ำเน่าไม่มีวันทำให้เจือจางได้ และบางพวกที่ทำให้ดูมีราคาน่าเชื่อถือ สรุปแล้วพอกัน
นักประท้วงน้ำเน่าก็เล่นบทผู้ร้าย เสียงดัง ลีลาให้เข้าตาเพื่อนสมาชิก ไม่เน้นความรู้ภูมิปัญญา อาศัยความใจกล้าหน้าด้านปะฉะดะกับคนอภิปราย แบบนี้จึงได้ใจคนที่ชมชอบลีลาตลาดล่าง เป็นนักประท้วงลีลาหลงยุค ไม่มองตัวเองว่าดีหรือเลว
ยิ่งพวกที่มีพฤติกรรมน่ารังเกียจ มีพฤติกรรมฉาวนอกสภาด้วยแล้ว เมื่อมาเล่นลีลาองครักษ์พิทักษ์พวกลุงๆ ก็เป็นการเพิ่มบรรยากาศน่าเบื่อหน่าย แต่พวกนักประท้วงตลาดๆ อย่างนี้จะเลี่ยงกับการปะทะกับผู้อภิปรายด้วยเนื้อหาสาระแท้
ยิ่งถ้าเป็นเรื่องเศรษฐกิจซับซ้อนเชิงสากล ต้องอาศัยความรู้ ภูมิปัญญาประกอบ ผู้อภิปรายในประเด็นเหล่านั้นไม่เผชิญกับการประท้วง และถ้ามีเอกสารภาษาอังกฤษมาเกี่ยว ก็ยิ่งไม่มีใครอยากยุ่ง เมื่อยอมรับขอบเขตจำกัดของตัวเอง
ผ่านศึกในสภาไปได้แล้ว คณะ 3 ลุงและพวกจะยังกระหยิ่มยิ้มย่องกับชัยชนะไม่ได้ เพราะยังมีวิกฤตอื่นๆ รออยู่ ทั้งฝุ่นพิษ ภัยแล้ง และการระบาดของเชื้อโควิด-19 ซึ่งทำท่าว่าจะสร้างปัญหาด้านเศรษฐกิจ สังคม และเป็นภัยต่อบ้านเมืองจริงๆ
ที่เฝ้าดูอยู่ด้วยใจระทึกคือการเคลื่อนไหวของนักศึกษามหาวิทยาลัยและลงมาถึงระดับมัธยมปลาย ซึ่งไม่พอใจในการยุบพรรคอนาคตใหม่ เป็น “แฟลชม็อบ” ที่ขยายตัวได้เร็วทั้งจำนวนและแหล่ง จะลามไปทั่วประเทศหรือไม่ คือประเด็นสำคัญ
และถ้ามีการขยายตัวไปสู่ประชาชนทั่วไป ซึ่งสะสมทุกข์จากปัญหาปากท้องยาวนาน และยังไร้ทางออก และออกมาเคลื่อนไหวนอกมหาวิทยาลัย เป็นการชุมนุมบนถนนในเมืองหลวงและต่างจังหวัด นี่แหละคือวิกฤตใหญ่หลวงของรัฐบาล 3 ลุง
ถ้าเป็นการชุมนุมยืดเยื้อ 3 ลุงและพวกจะอยู่รอดหรือไม่ ต้องรอคำตอบ!