"บิ๊กตู่" ถกป้องกันโรคติดต่ออุบัติใหม่ เตรียมแผนรับมือหากสถานการณ์ ลุกลามถึงระดับ 3 ย้ำอย่าตื่นตระหนก-อย่าบิดเบือน “สธ.-พณ.-คมนาคม” รับลูกพร้อมเข้มมาตรการ “การบินไทย” แจ้งลดเที่ยวบิน 16 จุดบินในเอเชีย ช่วงเดือน มี.ค.นี้
วานนี้ (20 ก.พ.) ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทําเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม แถลงภายหลังเป็นประธานการประชุม คณะกรรมการอำนวยการเตรียมความพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่แห่งชาติว่า ได้หารือถึงมาตรการต่างๆ และการดำเนินการที่ผ่านมาในทุกมิติ ซึ่งมีผลที่มีประสิทธิภาพ เป็นที่น่าพอใจ แต่มีความเป็นห่วง หากการแพร่ระบาด เกินระยะที่ 2 ไปเป็นระดับ 3 จึงต้องเตรียมมาตรการรองรับเพื่อการป้องกัน รวมถึงการผลิตหน้ากากอนามัย และเตรียมแผนดูแลผู้ได้รับผลกระทบในภาคท่องเที่ยวและอุตสาหกรรม จึงบูรณาการทุกหน่วยงานมาช่วยกันทำงานเพื่อเตรียมรับมือต่อไป และขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก เพราะเราต้องเตรียมการและ ความพร้อมเผื่อไว้เท่านั้น
“รัฐบาลนี้จะไม่แก้ปัญหาแบบได้อย่าง แต่เสียสองอย่าง ขออย่างเดียวอย่าตื่นตระหนก อย่าบิดเบือน เฟกนิวส์ หรือเฮทสปีช เพราะจะทำให้การทำงานไปไม่ได้ ขอยืนยันว่ารัฐบาลจะดูแลประชาชนทุกภาคส่วนโดยเฉพาะภาคธุรกิจการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบ โดยจะนำเข้าที่ประชุมครม. เพื่อหามาตรการปฏิบัติต่อไป” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงาน ภายหลังเสร็จสิ้นการแถลงข่าว พล.อ.ประยุทธ์ ได้โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวว่า เพิ่งเสร็จจากการประชุมติดตามสถานการณ์ไวรัส #covid 19 ผมยืนยันว่า เราไม่มีการปิดบังหรือบิดเบือนตัวเลขผู้ติดเชื้อในไทย ขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจว่าประเทศไทยมีมาตรการการป้องกันและควบคุมโรคที่ดี มีประสิทธิภาพเป็นที่ยอมรับจากนานาประเทศ
3 กระทรวงคุมสถานการณ์ได้
ด้าน นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า นายกฯ ได้ให้นโยบายว่า หากสถานการณ์มีความรุนแรงมากขึ้น ต้องเตรียมการรองรับในเรื่องโรงพยาบาล และสถานพยาบาลให้เพียงพอ อีกทั้งเตรียมพร้อมในด้านเครื่องมือด้านการแพทย์ และหน้ากากอนามัย โดยร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ ในการสำรวจและผลิต ย้ำว่าขณะนี้สถานการณ์ของไทยอยู่ใน ระดับที่ 2 และอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ โดยผู้ติดเชื้อยังต่ำเมื่อเทียบกับประเทศอื่น
นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ภายหลังมีการใช้มาตรการกำกับดูแลหน้ากากอนามัย และเจลล้างมือเป็นสินค้าควบคุม รวมทั้งจำกัดการส่งออก ก็สามารถควบคุมดูแลสต๊อกต่างๆได้
นายพีระพล ถาวรสุภเจริญ รองปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวถึงการยกระดับการคัดกรองผู้เดินทางเข้าประเทศว่า กระทรวงคมนาคมเฝ้าระวังท่าอากาศยาน ทั้งส่วนภูมิภาค และระดับประเทศทั้ง 6 แห่ง รวมถึงสถานีขนส่งสาธารณะต่างๆ และเพิ่มความถี่ในการฆ่าเชื้อโรคบนเครื่องบินโดยสาร รวมถึงรถสาธารณะต่างๆ เน้นย้ำให้การดำเนินการรัดกุม และมีความถี่มากขึ้น มีการสนับสนุนเครื่องเทอร์โมสแกน ให้มีความเพียงพอ เพื่อติดตั้งช่องทางเข้าจากต่างประเทศให้มีความเพียงพอ
”บินไทย” ปรับเส้นทาง 16 จุดใน 10 ปท.
อีกด้าน นายนนท์ กลินทะ ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายขาย บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เนื่องด้วยสถานการณ์ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ยังคงแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้โดยสารลดการเดินทางไปยังประเทศต่างๆ บริษัทฯ จึงมีความจำเป็นต้องปรับตารางการบินเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการเดินทางและปริมาณการสำรองที่นั่งล่วงหน้าของผู้โดยสาร โดยมีการยกเลิกเที่ยวบินจำนวน 16 จุด ใน 10 ประเทศภูมิภาคเอเชีย ช่วงเดือน มี.ค.63 ประกอบด้วย อาทิ เส้นทางไป - กลับ กรุงเทพฯ – ปักกิ่ง, เส้นทางไป - กลับ กรุงเทพฯ – เซี่ยงไฮ้, เส้นทางไป - กลับ กรุงเทพฯ – กวางโจว, เส้นทางไป - กลับ กรุงเทพฯ – เซี่ยเหมิน, เส้นทางไป - กลับ กรุงเทพฯ - เฉิงตู, เส้นทางไป - กลับ กรุงเทพฯ – ฮ่องกง, เส้นทางไป - กลับ กรุงเทพฯ – ไทเป ไต้หวัน, เส้นทางไป - กลับ กรุงเทพฯ – นาโกยา ญี่ปุ่น, เส้นทางไป - กลับ กรุงเทพฯ – ฟุกุโอกะ ญี่ปุ่น, เส้นทางไป - กลับ กรุงเทพฯ – โซล เกาหลีใต้, เส้นทางไป - กลับ กรุงเทพฯ – ปูซาน เกาหลีเหนือ, เส้นทางไป - กลับ กรุงเทพฯ – สิงคโปร์, เส้นทางไป - กลับ กรุงเทพฯ – มะนิลา ฟิลิปปินส์, เส้นทางไป - กลับ กรุงเทพฯ – ธากา บังกลาเทศ และ เส้นทางไป - กลับ กรุงเทพฯ – ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
วานนี้ (20 ก.พ.) ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทําเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม แถลงภายหลังเป็นประธานการประชุม คณะกรรมการอำนวยการเตรียมความพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่แห่งชาติว่า ได้หารือถึงมาตรการต่างๆ และการดำเนินการที่ผ่านมาในทุกมิติ ซึ่งมีผลที่มีประสิทธิภาพ เป็นที่น่าพอใจ แต่มีความเป็นห่วง หากการแพร่ระบาด เกินระยะที่ 2 ไปเป็นระดับ 3 จึงต้องเตรียมมาตรการรองรับเพื่อการป้องกัน รวมถึงการผลิตหน้ากากอนามัย และเตรียมแผนดูแลผู้ได้รับผลกระทบในภาคท่องเที่ยวและอุตสาหกรรม จึงบูรณาการทุกหน่วยงานมาช่วยกันทำงานเพื่อเตรียมรับมือต่อไป และขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก เพราะเราต้องเตรียมการและ ความพร้อมเผื่อไว้เท่านั้น
“รัฐบาลนี้จะไม่แก้ปัญหาแบบได้อย่าง แต่เสียสองอย่าง ขออย่างเดียวอย่าตื่นตระหนก อย่าบิดเบือน เฟกนิวส์ หรือเฮทสปีช เพราะจะทำให้การทำงานไปไม่ได้ ขอยืนยันว่ารัฐบาลจะดูแลประชาชนทุกภาคส่วนโดยเฉพาะภาคธุรกิจการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบ โดยจะนำเข้าที่ประชุมครม. เพื่อหามาตรการปฏิบัติต่อไป” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงาน ภายหลังเสร็จสิ้นการแถลงข่าว พล.อ.ประยุทธ์ ได้โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวว่า เพิ่งเสร็จจากการประชุมติดตามสถานการณ์ไวรัส #covid 19 ผมยืนยันว่า เราไม่มีการปิดบังหรือบิดเบือนตัวเลขผู้ติดเชื้อในไทย ขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจว่าประเทศไทยมีมาตรการการป้องกันและควบคุมโรคที่ดี มีประสิทธิภาพเป็นที่ยอมรับจากนานาประเทศ
3 กระทรวงคุมสถานการณ์ได้
ด้าน นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า นายกฯ ได้ให้นโยบายว่า หากสถานการณ์มีความรุนแรงมากขึ้น ต้องเตรียมการรองรับในเรื่องโรงพยาบาล และสถานพยาบาลให้เพียงพอ อีกทั้งเตรียมพร้อมในด้านเครื่องมือด้านการแพทย์ และหน้ากากอนามัย โดยร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ ในการสำรวจและผลิต ย้ำว่าขณะนี้สถานการณ์ของไทยอยู่ใน ระดับที่ 2 และอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ โดยผู้ติดเชื้อยังต่ำเมื่อเทียบกับประเทศอื่น
นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ภายหลังมีการใช้มาตรการกำกับดูแลหน้ากากอนามัย และเจลล้างมือเป็นสินค้าควบคุม รวมทั้งจำกัดการส่งออก ก็สามารถควบคุมดูแลสต๊อกต่างๆได้
นายพีระพล ถาวรสุภเจริญ รองปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวถึงการยกระดับการคัดกรองผู้เดินทางเข้าประเทศว่า กระทรวงคมนาคมเฝ้าระวังท่าอากาศยาน ทั้งส่วนภูมิภาค และระดับประเทศทั้ง 6 แห่ง รวมถึงสถานีขนส่งสาธารณะต่างๆ และเพิ่มความถี่ในการฆ่าเชื้อโรคบนเครื่องบินโดยสาร รวมถึงรถสาธารณะต่างๆ เน้นย้ำให้การดำเนินการรัดกุม และมีความถี่มากขึ้น มีการสนับสนุนเครื่องเทอร์โมสแกน ให้มีความเพียงพอ เพื่อติดตั้งช่องทางเข้าจากต่างประเทศให้มีความเพียงพอ
”บินไทย” ปรับเส้นทาง 16 จุดใน 10 ปท.
อีกด้าน นายนนท์ กลินทะ ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายขาย บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เนื่องด้วยสถานการณ์ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ยังคงแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้โดยสารลดการเดินทางไปยังประเทศต่างๆ บริษัทฯ จึงมีความจำเป็นต้องปรับตารางการบินเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการเดินทางและปริมาณการสำรองที่นั่งล่วงหน้าของผู้โดยสาร โดยมีการยกเลิกเที่ยวบินจำนวน 16 จุด ใน 10 ประเทศภูมิภาคเอเชีย ช่วงเดือน มี.ค.63 ประกอบด้วย อาทิ เส้นทางไป - กลับ กรุงเทพฯ – ปักกิ่ง, เส้นทางไป - กลับ กรุงเทพฯ – เซี่ยงไฮ้, เส้นทางไป - กลับ กรุงเทพฯ – กวางโจว, เส้นทางไป - กลับ กรุงเทพฯ – เซี่ยเหมิน, เส้นทางไป - กลับ กรุงเทพฯ - เฉิงตู, เส้นทางไป - กลับ กรุงเทพฯ – ฮ่องกง, เส้นทางไป - กลับ กรุงเทพฯ – ไทเป ไต้หวัน, เส้นทางไป - กลับ กรุงเทพฯ – นาโกยา ญี่ปุ่น, เส้นทางไป - กลับ กรุงเทพฯ – ฟุกุโอกะ ญี่ปุ่น, เส้นทางไป - กลับ กรุงเทพฯ – โซล เกาหลีใต้, เส้นทางไป - กลับ กรุงเทพฯ – ปูซาน เกาหลีเหนือ, เส้นทางไป - กลับ กรุงเทพฯ – สิงคโปร์, เส้นทางไป - กลับ กรุงเทพฯ – มะนิลา ฟิลิปปินส์, เส้นทางไป - กลับ กรุงเทพฯ – ธากา บังกลาเทศ และ เส้นทางไป - กลับ กรุงเทพฯ – ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์